บทที่ 7
หลังจากนั้นตลอดทางที่ดารินขับรถกลับบ้าน หญิงสาวก็ต้องเล่าเรื่องที่ตนเองระแคะระคายพฤติกรรมของกฤตินและแผนการที่แอบวางไว้อย่างลับ ๆ ของตัวเองให้เพื่อนสนิทฟังจนหมดเปลือก
“ดีมากเพื่อนฉันเริ่ดจริง แล้วลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการหรือยังล่ะ”
ตอนนี้ลิลลี่ดูจะตื่นเต้นมากจนดารินอดขำไม่ได้
“ยังจะลงวันนี้แหละ เพราะยังไงวันศุกร์หน้าฉันก็จะหมดสัญญากับที่โรงเรียนพอดีจะได้แจ้งเรื่องจะไม่ต่อสัญญาเลย”
“ฉันขนลุก ฮือ ดารินจังหวะชีวิตแกมันเริ่ดอยู่นะ”
“แกคิดว่างั้นเหรอ”
ดารินคิดตาม ก่อนจะเลี้ยวรถเข้าไปจอดในโรงรถของบ้าน
“งั้นสิ อกหักจับได้ว่าแฟนซุกสาวไว้ มาเป็นครูอาสา แล้วก็จะได้เจอเนื้อคู่ที่เป็นตัวจริง!”
“เพ้อเจ้อละ แค่นี้ก่อนนะถึงบ้านแล้ว เดี๋ยวคืนนี้ค่อยคุยกันใหม่”
“จ้า”
ดารินยิ้มน้อย ๆ ให้กับความคิดเพ้อเจ้อของเพื่อนสนิท ก้าวลงจากรถพร้อมกับขนของเข้าบ้าน วันนี้เธอตั้งใจว่าจะคุยกับพ่อแม่เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด และแผนการชีวิตที่เธอแอบคิดไว้สักพักแล้วให้ทั้งสองฟังให้เรียบร้อย
“แม่คิดไม่ถึงเลยว่ากิตจะเป็นคนแบบนี้ไปเสียได้”
“ดีแล้วล่ะนะที่ลูกสาวพ่อหลุดพ้นจากเขาได้ ถ้าเกิดว่าแต่งกันไปรินต้องทุกข์ใจกว่านี้”
“เอ่ออันที่จริงนอกจากเรื่องนี้แล้วรินยังมีอีกเรื่องหนึ่งอยากจะขออนุญาตพ่อกับแม่ค่ะ”
ดารินรวบรวมความกล้าเอ่ยขอพ่อกับแม่เรื่องที่จะลงชื่อเข้าร่วมโครงการครูอาสาบนดอยสูง เพราะแต่ไหนแต่ไรพ่อแม่ของเธอไม่ค่อยเห็นด้วยกับการไปอยู่ในพื้นที่ห่างไกลเท่าไหร่นัก ดารินจึงค่อนข้างเป็นกังวลเป็นพิเศษ
“มีเรื่องอะไรงั้นหรือ”
“รินอยากเข้าร่วมโครงการครูอาสาบนดอยสูงค่ะ เอ่อ อีกอย่างสัญญาทำงานที่โรงเรียนกำลังจะหมดวันศุกร์หน้าแล้วด้วย รินเลยคิดว่าจะไม่ต่อสัญญาค่ะ”
พ่อของดารินถอนหายใจยาว หันไปสบตากับภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่หันมามองหน้าเขาเช่นกัน ก่อนจะยิ้มอ่อนให้ดาริน
“ไปสิลูก รินโตแล้ว พ่อกับแม่ไม่ห้ามหนูหรอก”
“จริงเหรอคะคุณพ่อ!”
“อื้ม จริงสิ ที่จริงรินไม่ต้องขออนุญาตพ่อกับแม่ก็ได้ รินน่ะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ทุกอย่างที่รินจะทำพ่อเชื่อว่าหนูตัดสินใจมาดีแล้ว”
พ่อของดารินพูดเพียงเท่านี้น้ำตาของดารินก็ไหลลงมาอาบสองแก้ม แค่พ่อกับแม่เข้าใจในสิ่งที่เธอทำ และเคารพในการตัดสินใจของเธอเท่านั้น ดารินก็รู้สึกได้ว่าเธอเป็นคนที่โชคดีที่สุดในชีวิตแล้ว
เรื่องของกฤตินถึงมันจะสร้างความเจ็บปวดให้ดาริน จนเธออาจจะเสียศูนย์ไปบ้าง แต่กระนั้นเธอก็ยังมีความรักจากพ่อแม่และลิลลี่เป็นเกราะกำบังคอยปลอบประโลมจิตใจช่วยให้เรื่องที่เกิดขึ้นกลายเป็นเรื่องเล็กไปได้ในพริบตา
“อ้าวร้องทำไมล่ะลูก ฮ่า ๆ ”
แม่ของดารินรีบปรี่ลุกเข้ามากอดปลอบลูกสาวที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นราวกับเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู โดยมีพ่อของดารินคอยลูบกลุ่มผมของคนขี้แยอยู่ข้าง ๆ
“รินรักพ่อกับแม่ที่สุดเลยค่ะ ฮึก”
หลังจากก่อนเข้านอนเมื่อคืนดารินได้ทำการลงชื่อสมัครเข้าร่วมโครงการครูอาสาบนดอยสูงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว วันนี้หญิงสาวจึงจัดการเขียนบันทึกข้อความเตรียมไว้เพื่อยื่นเรื่องลาออกและแจ้งความประสงค์ไม่ต่อสัญญาให้กับเอมอรหัวหน้ากลุ่มสาระของเธอทันที
“รินเอาจริงเหรอ”
“จริงค่ะพี่เอม รินคิดเรื่องนี้มานานสักพักแล้วค่ะ พอดีว่าอยากเปลี่ยนบรรยากาศการทำงานบ้าง”
เมื่อดารินตอบกลับมาอย่างหนักแน่น เอมอรก็เคารพการตัดสินใจของอีกฝ่าย หัวหน้าอย่างเธอก็ทำได้เพียงรับเอกสารมาเซ็นต์อนุมัติให้แม้ว่าจะใจหายและเสียดายฝีมือการทำงานของดารินมากก็ตาม
“ถึงเราสองคนจะไม่ได้ทำงานที่เดียวกันแล้ว แต่ถ้ารินมีเรื่องอะไรให้พี่ช่วยรินโทรหาพี่ได้ตลอดเลยนะ”
“ขอบคุณค่ะพี่เอม”
หญิงสาวยกมือไหว้อีกฝ่าย ซึ้งในน้ำใจที่อีกฝ่ายมอบให้ ก่อนจะขอตัวออกมาเก็บของส่วนตัวบางส่วนทยอยกลับบ้านล่วงหน้า
“รินนี่เธอจะไม่ต่อสัญญาจริงเหรอ”
อัญญาที่เก็บของเตรียมกลับบ้านออกมาจากห้องพักครูก่อนหน้าอีกฝ่ายนานสักพักแล้ว ยังคงยืนดักรอเพื่อนร่วมรุ่นและเพื่อนร่วมงานที่เธอมองว่าเป็นคู่แข่งมาตลอดอยู่ด้านหน้าอาคารเรียนไม่ไปไหน
เรื่องดารินจะไม่ต่อสัญญาทำงานที่นี่ต่อ เกินความคาดหมายของอัญญาไปมาก เพราะคิดไม่ถึงว่าคนอย่างดารินนั้นจะยอมแพ้หนีไปเพียงเพราะข่าวลือไร้สาระ การที่ดารินทำแบบนี้ส่งผลให้อัญญารู้สึกคับข้องในใจอย่างบอกไม่ถูก
“อืม”
