บทที่ 4
“ไอ้ชาติชั่ว สารเลว ฮึก”
คำด่ากฤตินหลุดออกมาจากปากดารินเป็นครั้งแรกในชีวิต ดวงตาคู่สวยคลอด้วยหยาดน้ำตา ปลายจมูกเชิดรั้นขึ้นสีแดงก่ำ หญิงสาวพยายามกลั้นหยาดน้ำตาเอาไว้อย่างสุดความสามารถ ตอนนี้เธอจะยังร้องไห้ไม่ได้เด็ดขาด ไม่ว่ายังไงก็ต้องกลับไปร้องที่บ้านเท่านั้น
ดารินสตาร์ทเครื่องรถหลังจากแน่ใจแล้วว่าสิ่งที่ได้เห็นตรงหน้าคือความจริง ไม่ได้คิดมากไปเองแล้วใส่ร้ายอีกฝ่าย ก่อนจะขับออกมาจากตรงนั้นโดยไม่คิดจะหันกลับไปมองอีกเลย
เบญจาผละออกจากอกของกฤตินหลังจากรถเก๋งสีขาวคันหนึ่งแล่นออกไปหลังจากเข้ามาจอดอยู่ด้านหน้าเขตบ้านพักนานราวสิบนาที แอบยกยิ้มชอบใจ ดวงตาเป็นประกายด้วยความสะใจ
ไม่คิดเลยว่าดารินเสี้ยนหนามตำใจจะแอบถ่อมาพิสูจน์ถึงที่ หลังจากที่เธอพยายามแสดงตัวมานานนับปี แต่เพราะกฤตินยังมีเยื่อใยกับอีกฝ่าย เบญจาเลยไม่อยากเสียเขาไปจึงได้แต่ลอบทำเรื่องแบบนี้ลับหลังเขาเท่านั้น
แต่แล้วโชคชะตากลับเข้าข้างเธอเสียได้ เพราะไม่คิดเลยว่าการขอร้องให้กฤตินพาไปเที่ยวล่องแพจะทำให้ได้บังเอิญเจอกับครูโรงเรียนเดียวกับดารินเข้า
“ดารินเธอก็ฉลาดเหมือนกันนี่ แต่แค่นี้มันยังไม่พอนะเพราะไม่ว่ายังไงกิตเขาก็ต้องเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น”
คืนนั้นกฤตินมีเข้าเวรดึก เบญจาจึงได้โอกาสแอบเข้าเฟสบุ๊คของอีกฝ่ายเพื่อจะคุยกับดารินให้ชัดเจน ที่ผ่านมากฤตินจะพกโทรศัพท์มือถือติดตัวตลอด แต่คืนนี้เพราะมัวแต่ทำการบ้านกับเธอ เขาจึงไม่ทันได้ชาร์จแบตโทรศัพท์มือถือ เลยไม่ได้เอาไปทำงานด้วย
“แล้วเธอทำยังไงริน ลงไปกระชากหัวพวกมันมั้ย”
เสียงแหลมของลิลลี่ดังรอดออกมาจากโทรศัพท์มือถือที่ดารินเปิดลำโพงวางไว้อย่างแค้นใจ แม้ว่ากำลังเสียใจ และดูจะเป็นเรื่องใหญ่ที่ดารินไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนแต่เจ้าตัวก็อดขำออกมาไม่ได้
“ลิลลี่แกคิดว่าฉันจะทำแบบนั้นมั้ยล่ะ ฮ่า ๆ ”
“ไม่ต้องมาหัวเราะ ถ้าเป็นฉันล่ะก็จะประกาศให้ได้ยินกันทั้งค่ายเลยว่าไอ้ชั่วนั้นมันซ่อนกิ๊กเอาไว้”
ดารินยิ้มจางนึกภาพตามสิ่งที่เพื่อนสนิทพูดก็อดขำออกมาอีกไม่ได้ ก่อนจะเงียบไปเพราะหากเธอทำอย่างที่ลิลลี่ว่า คนอื่นอาจจะคิดว่าเธอเป็นกิ๊กเองก็ได้ เพราะยังไงสองคนนั้นก็ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นอย่างเปิดเผยตลอดมา
“เฮ้ยอย่าเงียบสิริน โอเคมั้ย”
“ฉันโอเค อันที่จริงก็ไม่ได้เจ็บมากเท่าไหร่นะ แต่โกรธมากกว่าที่โดนหักหลังแบบนี้”
“เข้าใจ ๆ สู้ ๆ นะเพื่อน ถ้าเปลี่ยนใจอยากจะไปตบก็นัดมาได้ ฉันจะรีบปิดร้านไปตบไอ้นั่นเป็นเพื่อนแกเลย”
“ได้จ้า ยังไงไว้เดี๋ยวโทรหา แกนอนเถอะพรุ่งนี้ต้องเปิดร้านแต่เช้าไม่ใช่หรือไง”
ดารินเตือนลิลลี่หลังจากปรายตามองนาฬิกาข้างเตียงก็พบว่าตอนนี้ห้าทุ่มกว่าแล้ว
“เค ๆ ไว้ค่อยคุยกัน รักแกนะริน”
“ขอบคุณนะลิลลี่”
ดารินเอ่ยขอบคุณเพื่อนสนิทจากใจ วันนี้ตอนแรกเธอเองก็เศร้ามาก แต่เพราะมีเพื่อนสนิทอย่างลิลลี่และพ่อแม่ที่เข้าใจจึงทำให้ดารินฟื้นตัวได้ไวกว่าที่คิด แม้ว่าจะยังไม่หายสนิทแต่ก็ดีขึ้นมากกว่าช่วงแรกมาก
ติ้ง!
ติ้ง!
ติ้ง!
หลังจากวางสายจากลิลลี่ได้ไม่ถึงสิบนาที เจ้าของห้องก็เดินไปเข้าห้องน้ำ กลับมายังไม่ทันจะได้ล้มตัวลงนอน เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนเตียงก็ดังขึ้นรัว ๆ
มือขาวหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าชื่อของคนที่ส่งข้อความมานั้นดูไม่คุ้นเอาเสียเลย เพราะเป็นรูปภาพจำนวนมากดารินจึงรีบกดเปิดดูด้วยความสงสัย ขณะกำลังล้มตัวลงนอนบนเตียงก่อนจะกระเด้งตัวลุกขึ้นมานั่งอีกครั้ง เมื่อเห็นรูปถ่ายที่อีกฝั่งส่งมาชัด ๆ
“สวัสดีค่ะ คุณดารินใช่มั้ยคะ ฉันอยากถามคุณว่าเป็นอะไรกับกฤตินเหรอ”
