ตอนที่ ๕ ฉุดคร่า
“ เราจักทำเยี่ยงไรดีท่านสิงห์หะ? ” องครักษ์ผู้หนึ่งเอ่ยถามขึ้นสีหน้าแววตาเป็นกังวลมิแพ้กัน
“.......” มิมีคำตอบใดตอบกลับมา ..สิงห์หะนิ่งเงียบอย่างใช้ความคิด
ไม่รู้ว่าพญาครุฑหนุ่มนั้นกำลังจะทำสิ่งใด แต่สิงห์หะก็มิอาจที่จะขัดใจพระราชโอรสได้ จึงได้แต่ขานรับไปด้วยสีหน้าที่มิสู้ดีนัก
“ ท่านสิงห์หะ!..”
เมื่อไม่มีคำตอบใดตอบกลับมา องครักษ์อีกตนเอ่ยเรียกสิงห์หะย้ำไปอีกหน ..สิงห์หะหันไปตามเสียงเรียกก่อนจะเอ่ยเรียกชื่อองครักษ์
“ ทะเวน..”
“ ขอรับท่านสิงห์หะ..”
“ เจ้าบินขึ้นไปคีรีลอยฟ้าบัดเดี๋ยวนี้! ..ให้กราบทูลองค์เหนือหัวตามที่พระโอรสรับสั่ง จากนั้นก็รีบกลับลงมาแล้วไปสมทบตรงจุดนัดพบ... เจ้าอย่าได้มีพิรุธเป็นอันขาด!! ” สิงห์หะพูดกำชับเสียงหนักแน่นในประโยคหลัง
“ ขอรับท่านสิงห์หะ..”
ทะเวน ขานรับก่อนจะสยายปีก แล้วโบยบินทยานขึ้นฟ้ามุ่งตรงสู่คีรีลอยฟ้าด้วยความเร็ว
.
.
.
ปีกใหญ่สีมณีรากระพือเพียงเบา ๆ ร่างหนาของพญาครุฑหนุ่มก็ลอยละล่องขึ้น ก่อนจะเข้าไปทางหน้าต่างของพระตำหนักทันที..
เมื่อฝ่าเท้าหนาแตะถึงพื้นพระมหิงส์เวหะก็กวาดตามองไปรอบ ๆ ห้องหับ ก่อนจะเห็นร่างเล็กของนางอัปสรตัวน้อยที่กำลังหลับใหลอยู่บนพระแท่นบรรทมนิ่ง
พญาครุฑหนุ่มก้าวเท้าเดินตรงไปยังพระแท่นบรรทมช้า ๆ อย่างใจเย็น ดวงตาสีชาดจับจ้องเรือนร่างเล็กที่มีเพียงผ้าแพรผืนบางปกคลุมกายอยู่อย่างไม่ละสายตา
“ หลับง่ายเสียจริงหนา.. แม่อัปสรตัวน้อย ..”
ปากหยักเผยรอยยิ้มก่อนจะพึมพำออกมาเบา ๆ พร้อมกับหย่อนกายหนาลงนั่งข้างพระแท่นช้า ๆ มือหนาเอื้อมไปเกลี่ยเล่นที่พวงแก้มนิ่มแผ่วเบาอย่างอดใจมิได้ พลางลากไล้หลังมือหนาไปตามผิวเนียนละเอียดอย่างย่ามใจ โดยมิได้เกรงกลัวว่าจะทำนางตื่น
สายตาคมกวาดมองสำรวจไปทั่วเรือนร่างเล็ก อย่างที่มิเคยมองหญิงใดเช่นนี้มาก่อน แววตาของพญาครุฑหนุ่มที่จ้องมองเรือนร่างงาม หากเปรียบได้ คงเปรียบดั่งพญาครุฑที่กำลังมองก้อนเนื้ออันโอชะก็มิปาน
“ อึก! ”
ความหื่นกระหายฉายชัดอยู่ในแววตาอย่างห้ามมิได้ก่อนจะเผลอกลืนน้ำลายลงคอไปเอื้อกใหญ่
แต่ทว่า! จู่ ๆ ใจของพญาครุฑหนุ่มก็พลันเต้นแรงขึ้นมาอย่างห้ามมิได้... ‘ ตึก ตึก ตึก ’ ใจดวงโตกำลังหวั่นไหวอย่างควบคุมไม่อยู่
“ อืออ..”
ร่างเล็กขยับบิดกายพลางส่งเสียงครางงัวเงียแผ่วเบาออกมา เมื่อรู้สึกได้ถึงการถูกรบกวน ก่อนที่ดวงตาคู่สวยจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ
!!!
ทันทีที่ลืมตาตื่น นรีทิพย์อัปสรก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจทันใด เมื่อภาพเบื้องหน้านั้น คือพญาครุฑหนุ่มที่กำลังนั่งจ้องมองตนอยู่
“ ท่าน!! ”
ร่างเล็กดีดตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วรีบกระถดถอยลงจากพระแท่นบรรทมไปอยู่อีกด้านหนึ่ง ..แน่นอนว่า นรีทิพย์อัปสรจำพญาครุฑหนุ่มตนนี้ได้
“........”
ดวงตาเฉียบคมจับจ้องใบหน้าสวยที่กำลังตื่นตระหนกตกใจนิ่ง โดยไม่ได้พูดอันใดออกมา ..ร่างหนาก้าวเท้าเข้าไปหาอัปสรน้อยที่กำลังตื่นตกใจช้า ๆ
“ อย่าเข้ามานะ!! ทะ..ท่านเข้ามาในนี้ ดะ..ได้เยี่ยงไร? ออกไปบัดเดี๋ยวนี้นะ!! ”
นรีทิพย์อัปสรตะคอกออกไปน้ำเสียงสั่น ก่อนที่จะเอ่ยปากไล่ แม้ภายในใจจะหวาดกลัวมากเพียงใด ..ใบหน้างามดูตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด
“ ยังมิทันที่เราจักได้ทักทายกันเลยหนา ใยเจ้าถึงรีบขับไล่ไสส่งข้านักเล่า ฮึ? นรีทิพย์...” พระมหิงส์เวหะนัยน์ตายิ้ม พลางเอ่ยน้ำเสียงหยอกเย้า
ทว่านัยน์ตาที่จ้องมองนั้น มันกลับแฝงบางอย่าง และนั่นก็ทำให้อัปสรตัวน้อยรับรู้ได้ถึงภัยอันตราย เพราะหากพญาครุฑหนุ่มมาดี ก็คงไม่ย่องเข้าห้องหับตนในยามวิกาลเฉกเช่นนี้
ร่างเล็กก้าวเท้าถอยหลังออกห่างพญาครุฑหนุ่มช้า ๆ โดยที่ร่างหนาก็ค่อย ๆ ก้าวเท้าเดินตามอย่างเชื่องช้าเฉกเช่นเดียวกัน ก่อนที่นรีทิพย์อัปสรวิ่งไปทางประตูบานใหญ่
ฟึบ! หมับ!
“ อ๊ะ!! ”
ไม่ทันที่ร่างเล็กจะได้ถึงประตู ร่างหนาของพญาครุฑหนุ่มก็เคลื่อนกายมาขวาง พร้อมกับคว้าข้อมือน้อยเอาไว้ด้วยความว่องไว
“ เจ้าจักรีบไปที่ใดกัน... นรีทิพย์ ”
“ อ้ะ! ปล่อยข้านะ!! ..ผู้ใดอยู่ข้างนอกช่ว! อุบ! ”
ไม่ทันที่นรีทิพย์อัปสรจะได้ตะโกนร้องเรียกขอความช่วยเหลือจากด้านนอก พระมหิงส์เวหะปล่อยข้อมือน้อยก่อนจะรวบร่างเล็กเข้ามาไว้ในอ้อมกอด พร้อมกับใช้มืออีกข้างที่ว่างปิดปากอิ่มเอาไว้แน่น
“ อื๊ออ..อ่อยอ้า! ช่วยอ๊วย! ” (ปล่อยข้า! ช่วยด้วย! )
ร่างเล็กทุบไหล่หนาระรัว พยายามดีดดิ้นให้หลุดจากอ้อมแขนแกร่ง ...แต่ก็ไม่เป็นผล
“ ข้าจักปล่อยเจ้า แต่เจ้าจักต้องไม่ส่งเสียง ตกลงหรือไม่? ” พญาครุฑหนุ่มพูดขึ้นพลางจ้องสบตากับดวงตาคู่งามนิ่ง
“.......”
ได้ยินเช่นนั้นอัปสรตัวน้อยก็หยุดชะงักไป ตากลมช้อนขึ้นสบตากับพญาครุฑหนุ่ม ก่อนที่จะพยักหน้าเป็นคำตอบ
“ หึ.. ” พระมหิงส์เวหะยิ้มพอใจ ก่อนจะค่อย ๆ ขยับฝ่ามือหนาที่ปิดริมฝีปากอวบอิ่มออกอย่างเชื่องช้า แต่ก็ยังมิยอมคลายอ้อมแขนแกร่งเสียที
“ ท่านบอกจะปล่อยข้า!! ” นรีทิพย์เอ่ยท้วงขึ้น
“ หึหึ..”
พระมหิงส์เวหะหัวเราะในลำคอก่อนจะค่อย ๆ คลายอ้อมแขนแกร่งของตนออก
“ ท่านต้องการสิ่งใด? ” นรีทิพย์อัปสรก้าวถอยห่างพร้อมกับคำถาม
“......”
พระมหิงส์เวหะชะงักเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามของนรีทิพย์อัปสร พลันสบถขึ้นในใจ ‘ ให้ตายเถิด ใยข้าถึงลืมทุกอย่างไปเสียสิ้น’
“ ว่าอย่างไรเล่า? ท่านต้องการสิ่งใด? เหตุใดถึงย่องเข้ามาในห้องหับข้าเฉกเช่นนี้? ” เมื่อเห็นพญาครุฑหนุ่มเงียบ นรีทิพย์จึงถามย้ำอีกหนด้วยท่าทีที่มิไว้ใจ
“ พระสุวรรณเมฆา พี่ชายของเจ้าเอาบางสิ่งที่เป็นของข้าไป แลเจ้า..จักต้องเป็นผู้ชดใช้ นรีทิพย์ ” พระมหิงส์เวหะรู้สึกแปลกใจตัวเอง เหตุใดตนไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดยามเอ่ยออกมา
“ ชดใช้!! ชดใช้สิ่งใดมิทราบ? ..เหตุใดจักต้องให้ข้าเป็นผู้ชดใช้ด้วยเล่า? เหตุใดท่านมิทวงถามกับเจ้าพี่พระสุวรรณเอง ใยท่านต้องมาทวงที่ข้า? ”
อัปสรน้อยถามกลับหลายคำถาม เรียวคิ้วสวยขมวดเข้าหากันจนเป็นปมอย่างไม่เข้าใจ พลันคิดว่าพี่ชายตนน่ะหรือจักไปหยิบยืมสิ่งใดจากผู้อื่น ..เป็นไปมิได้
“ ข้าเคยทวงแล้ว แต่พระสุวรรณ..พี่ชายเจ้ามิยอมคืนให้ข้า ข้าถึงต้องมาทวงกับเจ้าแทนอย่างไรเล่า ”
“ เหตุใดท่านต้องมาทวงที่ข้าด้วย? ”
“.......”
“ แล้ว.. เจ้าพี่พระสุวรรณ เอาสิ่งใดของท่านไปเล่า?..”
“ พี่ชายของเจ้า.. เอาพระคู่หมั้นของข้าไป! ”
!!!
นรีทิพย์อัปสรถึงกับนิ่งค้างไป เมื่อได้ยินคำตอบของพระมหิงส์เวหะ ก่อนจะตั้งสติแล้วถามกลับ
“ ท่านหมายถึง.. เจ้าพี่นิศามณีอย่างนั้นหรือ? ”
“ ใช่.. นิศามณีเป็นคู่หมั้นของข้า แลพระสุวรรณ.. พี่ชายของเจ้า ช่วงชิงนางไป..”
“ มิจริง!! ท่านปดข้า เจ้าพี่นิศามณี แลเจ้าพี่พระสุวรรณ พวกเขาทั้งสอง รักกัน! ”
“ ข้ามิได้โป้ปดแม้แต่คำเดียวนรีทิพย์!! ข้าเป็นโอรสของเมืองสินธุ อาณาจักรครุฑดินแดนทักษิณ พระมหิงส์เวหะ คือนามของข้า.. นิศามณีหมั้นกับข้าตั้งแต่นางยังอยู่ในครรภ์ของพระมารดาด้วยซ้ำ ”
“.......”
ได้ยินเช่นนั้น นรีทิพย์อัปสรก็ได้แต่นิ่งเงียบไม่รู้จะพูดอันใดต่อ คิ้วสวยขมวดเข้าหากันแน่น ก่อนที่พญาครุฑหนุ่มจะพูดประโยคต่อมา
“ ในเมื่อพระสุวรรณ.. มิยอมคืนนิศามณีให้กับข้า พระสุวรรณ.. ก็ควรจักต้องชดใช้ในสิ่งที่ข้าต้องสูญเสีย.. ”
“......”
“ พระสุวรรณควรจักได้เรียนรู้ถึงความสูญเสีย เฉกเช่นข้าบ้าง นรีทิพย์.. ” พญาครุฑหนุ่มจับจ้องใบหน้าสวยนิ่งในยามที่เอ่ย ราวกับบอกความใน
นรีทิพย์อัปสรจ้องสบเข้าไปในตาเฉียบคมก่อนที่ ดวงตาคู่สวยจะเบิกกว้างทันใด เมื่อรับรู้ได้ว่าสิ่งที่พระมหิงส์เวหะพูดนั้นหมายถึงสิ่งใด นรีทิพย์มองหาทางหนีก่อนจะวิ่ง
หมับ!
“ อ๊ะ!! ปล่อ....”
พรึบ!
ทุกอย่างมันดับวูบลงไปทันใด เมื่อพญาครุฑหนุ่มได้ร่ายมนตร์นิทรา และภาพสุดท้ายที่อัปสรตัวน้อยเห็นคือใบหน้าอันหล่อเหลาและดวงตาสีชาดแสนดุดันของพญาครุฑหนุ่มที่กำลังจ้องมองตนนิ่ง
.
.
~*~
