ตอนที่ ๖ จูบแรก
คีรีลอยฟ้า เมืองเวหาศ
“ เจ้าว่ากระไรนะ กลับก่อนอย่างนั้นหรือ? ”
น้ำเสียงแปลกใจของพระกันตะเวหาที่เอ่ยถามองครักษ์ทะเวน หลังจากที่ได้นำความขึ้นมากราบทูล ตามที่พระมหิงส์เวหะรับสั่ง
“ พะยะค่ะ..” ทะเวนตอบไปเพียงเท่านั้น ไม่กล้าที่จะพูดอันใดต่อ เมื่อเกรงว่าพระกันตะเวหาจะจับพิรุธได้
พระกันตะเวหาเงียบไปครู่หนึ่ง พลันคิดขึ้นว่า โอรสของตน อาจจะยังมิลืมเรื่องนิศามณีอย่างที่บอก และอาจจะทนเห็นภาพบาดตาบาดใจมิได้ จนต้องรีบกลับเมืองสินธุก่อน
“ เช่นนั้น.. เจ้าก็รีบตามไปอารักขาพระมหิงส์เถิด ” พระกันตะเวหาพยักพเยิดใบหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะหันไปรับสั่งกับทะเวนน้ำเสียงเรียบ
“ พะยะค่ะองค์เหนือหัว.. กระหม่อมทูลลาพะยะค่ะ ”
ทะเวนขานรับพระบัญชากษัตริย์ของตนทันที ก่อนจะรีบกลับลงไปรอพระมหิงส์เวหะที่จุดนัดพบ
~*~
หลังจากที่นรีทิพย์อัปสรต้องมนตร์นิทราของพญาครุฑหนุ่ม ..อัปสรตัวน้อยที่มิรู้ชะตากรรมของตัวเองก็ถูกโอบอุ้มออกนอกเขตพนาราพณ์ไปอย่างรวดเร็ว แม้จะมีทหารอสุราเดินยามอยู่มากมาย แต่ด้วยมนตร์พรางตา ..จึงมิมีผู้ใดมองเห็น
ใช้เวลาเดินทางเพียงครึ่งราตรี พญาครุฑหนุ่มและเหล่าองครักษ์ก็มาถึงดินแดนทักษิณ ..และตลอดการเดินทาง ร่างเล็กหลับใหลนิ่งอยู่ในอ้อมแขนแกร่งของพระมหิงส์เวหะแต่เพียงผู้เดียว ...เพราะมิยอมให้ผู้ใดแตะต้องตัวนาง
เมืองสินธุ อาณาจักรครุฑแดนทักษิณ
ร่างเล็กของนรีทิพย์อัปสรที่เริ่มรู้สึกตัว บิดกายไปมาเล็กน้อย พร้อมทั้งเปลือกตาคู่สวยที่กำลังเริ่มขยับช้า ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้น
!!!
ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ เมื่อภาพเหตุการณ์ครั้งล่าสุดมันไหลเวียนเข้ามาในหัวอย่างชัดเจน ฝ่ามือเล็กยันกายรีบลุกขึ้นนั่ง พลางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ บริเวณ
ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปทั่วห้องหับที่ค่อนข้างใหญ่โต และดูแปลกตา แต่ทว่า! มันช่างงดงามอย่างที่นรีทิพย์อัปสรมิเคยเห็นมาก่อน
“ ที่นี่.. คือที่ใดกัน? ” นรีทิพย์อัปสรพึมพำเสียงแผ่ว
“ ที่นี่คือเมืองสินธุ อาณาจักแห่งครุฑแดนทักษิณ แลห้องหับนี้ เป็นห้องของข้า ..แลพระแท่นบรรทมที่เจ้านอนอยู่ ..ทั้งคืน ....ก็ของข้า ”
เสียงของพระมหิงส์เวหะที่ยืนพิงขอบหน้าต่างพระตำหนักอยู่นานแล้ว หันมาตอบคำถามพร้อมทั้งก้าวเท้าเดินเข้าไปหานรีทิพย์อัปสรอย่างเชื่องช้า
“ ท่าน!! ”
ดวงตาคู่สวยเบิกโพรงทันใด ก่อนที่ร่างเล็กจะถลาลงจากพระแท่นบรรทมอย่างรีบร้อน แล้วไปอยู่อีกฝั่งด้วยท่าทีตื่นกลัว ดวงตาเฉียบคมจับจ้องใบหน้างามที่กำลังตื่นตระหนกตกใจนิ่ง ร่างหนาเดินอ้อมพระแท่นบรรทมก้าวเข้าหาร่างเล็กอย่างใจเย็น
“......”
“ หากเจ้าพี่พระสุวรรณรู้ ว่าท่านลักพาตัวข้ามาเช่นนี้! จักต้องเกิดสงครามระหว่างครุฑกับยักษ์! ท่านรู้ใช่หรือไม่? พระมหิงส์! ” นรีทิพย์อัปสรว่าขึ้นน้ำเสียงสั่น ..ร่างเล็กก้าวถอยหลังไม่ยอมหยุด เมื่อพญาครุฑหนุ่มยังเดินเข้าหา
แต่แล้วนรีทิพย์ก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อแผ่นหลังบางนั้นถอยมา จนชนเข้ากับผนังห้อง ก่อนที่ฝ่ามือหนาจะยกขึ้นทาบทับกับผนังห้อง ...ร่างเล็กสั่นเทิ้มและหวาดกลัวเมื่อถูกขังอยู่ในวงแขนแกร่ง
“ เจ้าวางใจเถิดนรีทิพย์.. เพราะพระสุวรรณจักมิมีวันได้รู้ แลเจ้า ก็จักมิมีวันได้กลับไปบอกแน่ ” พญาครุฑหนุ่มตอบน้ำเสียงพร่า
“......”
นรีทิพย์เงยหน้าขึ้น ตากลมสบนัยน์ตาพญาครุฑหนุ่มด้วยความคิดหลากหลาย แม้ว่าจะโกรธและหวาดกลัวมากเพียงใดก็ตาม
แต่ทว่า! ใบหน้าอันหล่อเหลา ดวงตาดุดัน ปากหยักที่ได้รูป อีกทั้งร่างกายกำยำไร้ที่ติตรงหน้า ทำให้นรีทิพย์อัปสรเผลอจับจ้องพญาครุฑหนุ่มอยู่นาน
พญาครุฑหนุ่มเองก็มิต่างกัน ..ดวงตาสีชาดจับจ้องความงามตรงหน้านิ่ง พลางเลื่อนสายตาลงมา จ้องมองกลีบปากอิ่มจิ้มลิ้มสีชมพูระเรื่อ จนมิอาจละสายตาออกจากอัปสรตัวน้อยได้เลย ..ใจดวงโตกำลังหวั่นไหวอย่างห้ามมิได้
ทั้งสองเผลอสบตากันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเป็นพญาครุฑหนุ่มที่อดใจมิไหว ใบหน้าหล่อโน้มเข้าหาอัปสรน้อยพร้อมกับประกบริมฝีปากหยักเข้าหาปากอิ่มอย่างมิทันตั้งตัว
“ อื้อออ!!! ”
ความช่ำชองทำให้ปลายลิ้นร้อนสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากนุ่มได้อย่างง่ายดาย นรีทิพย์สะดุ้งตกใจ ทำให้พญาครุฑหนุ่มรับรู้ได้ทันที.. เขาคือจูบแรกของนาง
เรียวลิ้นสากตวัดหยอกเย้าเกี่ยวพัน พร้อมทั้งดูดกลืนกลีบปากอิ่มอย่างเอาแต่ใจ
สองมือเล็กพยายามทุบแผงอกแกร่ง หวังให้พระมหิงส์เวหะหยุดการกระทำ ทว่าด้วยแรงอันน้อยนิด มันมิอาจจะทำอันใดพญาครุฑหนุ่มได้เลยแม้แต่น้อย
มือหนารวบเรียวแขนทั้งสองข้างของนรีทิพย์เอาไว้ ด้านหลัง ก่อนจะใช้มืออีกข้างรั้งท้ายทอยของนางเพื่อให้รับกับปากหยักได้อย่างถนัดถนี่
ริมฝีปากอิ่มถูกบดขยี้อย่างหนักหน่วง จนแทบมิเว้นช่วงให้อัปสรตัวน้อยได้หายใจหายคอ นรีทิพย์เริ่มอ่อนระทวยจนแทบยืนไม่อยู่ แขนแกร่งโอบประคองร่างเล็กเอาไว้แน่น
สำหรับพระมหิงส์เวหะที่ยังมิเคยได้ลิ้มรสการเสพสังวาสกับนางอัปสรตนใดมาก่อน สัมผัสแรกที่รู้สึกได้คือกลิ่นกายเย้ายวนใจน่าหลงไหล ความหอมหวานจากโพรงปากอิ่ม ทำเอาพญาครุฑหนุ่มแทบคลั่ง
“ เฮือก!! แฮ่ก.. แฮ่ก อื้อออ!!”
นรีทิพย์รีบสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเมื่อปากหยักผละออก แต่ได้เพียงไม่นาน ริมฝีปากอิ่มก็ถูกครอบครองอีกหน อัปสรน้อยพยายามดิ้นขัดขืน แต่ก็ไม่เป็นผล
ลิ้นร้อนสอดแทรกเข้าไปภายในโพรงปากอิ่มอีกหน ลิ้นเล็กพยายามขยับหนีปลายลิ้นสากที่กำลังกวาดชิมความหวานจากลิ้นนุ่ม ...แต่ก็มิอาจจักต้านทานได้เลย เมื่อมิมีประสบการณ์
นรีทิพย์อัปสรงุนงงอย่างบอกไม่ถูกกับสิ่งที่ได้รับ เมื่อจูบแรกของนางต้องมาถูกช่วงชิงด้วยเหตุผลมิอันควร โดยพญาครุฑหนุ่มที่พึ่งพบเจอกันเพียงไม่กี่หน ร่างเล็กในอ้อมแขนแกร่งกำลังสั่นเทิ้มไปทั้งตัวด้วยความรู้สึกหวาดกลัว
พรึ่บ!
รสจูบอันเร่าร้อนทำให้ร่างเล็กรู้สึกวาบหวาม และเริ่มอ่อนระทวยอีกหน ก่อนที่จะลอยหวือขึ้นไปอยู่ในอ้อมแขนแกร่งอย่างรวดเร็ว หัวใจดวงน้อยเต้นโครมครามจนพญาครุฑหนุ่มนั้นรู้สึกได้
และทันทีที่ร่างเล็กถูกวางลงบนพระแท่นบรรทมอย่างเบามือ นรีทิพย์อัปสรที่ได้สติกลับคืนมาก็รีบตะเกียกตะกายหนีไปอีกฝั่ง แต่ทว่ามือหนากลับคว้าเรียวขางามเอาไว้ได้ทันก่อนจะลากร่างเล็กกลับมา
“ กรี๊ดด!! ”
“ เจ้าจักหนีไปที่ใดเล่า..” ร่างหนาของพระมหิงส์เวหะตามขึ้นมาทาบทับเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงแหบพร่า พร้อมกับรวบเรียวแขนทั้งสองข้างขึ้นตรึงเอาไว้เหนือศีรษะ
“ ปล่อยข้านะ!! ท่านมิมีสิทธิ์ทำเช่นนี้กับข้า ”
นรีทิพย์พยายามดิ้นขัดขืน แต่ก็มิอาจสู้แรงของพญาครุฑหนุ่มได้เลยแม้แต่น้อย
“ ข้าบอกชัดเจนแล้วมิใช่หรือ ว่าเจ้าจักต้องชดใช้ในสิ่งที่พี่ชายเจ้าทำ... นรีทิพย์ ”
“ หึ.. ดีแล้วที่เจ้าพี่นิศามณีเลือกเจ้าพี่พระสุวรรณ.. มิได้เลือกท่าน! ท่านมันสติวิปลาส...อื้อออ!! ”
คำพูดถูกกลืนหายไปในลำคอทันทีที่นรีทิพย์พูดจบประโยคสุดท้าย ริมฝีปากหยักบดเบียดกลีบปากนุ่มอย่างเอาแต่ใจ
ทว่า ประโยคสุดท้ายที่นางอัปสรว่าเมื่อครู่ พระมหิงส์เวหะกลับมิได้รู้สึกโกรธเคืองนางเลยสักนิด
เรียวลิ้นหนาสอดแทรกเข้าไปภายในโพรงปากอิ่ม หยอกล้อปลายลิ้นเล็กเกี่ยวตวัดดูดดึงราวกับหิวกระหาย
“ อืมมม..”
พญาครุฑหนุ่มส่งเสียงครางอย่างพึงพอใจ กับความหอมหวานที่ดูดกลืนจากเรียวลิ้นนุ่ม
~*~
ถ้าชอบนิยายของไรท์ฝาก คอมเม้นท์เพื่อเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะคะ
