บทที่ 13 นิทรรศการในครั้งนั้น
บทที่ 13 นิทรรศการในครั้งนั้น
“ไม่ใช่นะคะ! ฉันไม่รู้จักผู้ชายคนนี้จริง ๆ! ใครก็ได้มาช่วยทีค่ะ!” ฉันร้องบอกออกไป ซึ่งคำพูดนั้นมันก็ทำให้หลายคนรอบตัวเริ่มลังเลแล้วว่าคำพูดของใครน่าเชื่อถือมากกว่ากัน แต่กระนั้นก็ยังไม่มีความช่วยเหลือจากใครเลยสักคน!
ฉันเห็นยัยมินท์พยายามจะเข้ามาช่วยฉัน แต่ถูกอันธพาลหัวสกินเฮดขัดขวางเอาไว้และจับที่บ่าทั้งสองของเธอเหมือนกับเธอเป็นคู่รักของมัน! ซึ่งนั่นก็คงทำให้สาวแกร่งแรงเกินร้อยอย่างเธอที่กำลังอดทนทำตัวเป็นสาวน่ารักเพื่อชมรมของเราต้องขีดความอดทนแตกระเบิด!
“บอกให้ปล่อยก็ปล่อยสิเว้ย!” เด็กสาวในชุดยูกาตะกล่าวพลางตีเข่าเข้าที่หว่างขาของเจ้าหัวสกินเฮดอย่างสุดแรง! ส่งผลให้มันลงไปกองกับพื้นอย่างน่าอนาถ ก่อนที่เธอจะพุ่งเข้ามาเพื่อช่วยฉันจากเจ้าอันธพาลผิวหมึกนั่น
แต่แล้วสาวห้าวในชุดยูกาตะก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อคนอื่นในกลุ่มของเจ้าผิวหมึกนั่นโผล่พรวดมาขวางระหว่างเธอกับฉัน! ซึ่งต่อให้เป็นสาวแกร่งยังไงก็ไม่มีทางเอาชนะผู้ชายได้ทีเดียวพร้อมกันสามคนอย่างแน่นอน! แถมเท่าที่ดูแล้วบรรดาไทยมุงทั้งหลายก็ไม่คิดจะมีใครสอดมือเข้ามายุ่งกับพวกนี้ซะด้วย!
“พวกนายห้าคนคิดจะทำอะไรกับสองคนนั่นไม่ทราบ” เสียงนุ่มๆ ของใครคนหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลังของยัยมินท์ ก่อนที่ร่างในชุดนักเรียนโรงเรียนเราจะเดินแซงหน้ายัยมินท์ขึ้นมาอย่างช้า ๆ แต่ว่าสง่างาม
ในที่สุดก็มีอัศวินม้าขาวมาช่วยเจ้าหญิงจากเงื้อมมือมารแล้ว! เขาคือนักเรียนหนุ่มรูปงามอันเป็นที่หลงใหลได้ปลื้มของสาวๆ โรงเรียนเรา ซึ่งก็คือกัซ เพื่อนร่วมห้องของฉันนั่นเอง
“จะมายุ่งอะไรไม่ทราบ? แฟนเขาทะเลาะกัน อย่ามาจุ้นเว้ย!” อันธพาลที่จับข้อมือฉันอยู่ร้องขึ้น
“อย่ามาโกหกหน้าด้านๆ เลยนะพี่ชาย ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม ผู้หญิงของผมก็ไม่ใช่ของเล่นของพวกพี่ชายหรอกนะ” กัซพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ และรอยยิ้มที่ฟังดูเหมือนไม่สะทกสะท้านอะไรกับสายตาของพวกอันธพาล ช่างเท่จริงๆ สมแล้วที่เป็นผู้ชายที่ฮอตที่สุดในโรงเรียนเรา!
“ปากดีนักใช่ไหมแก!? เล่นมันเลยพวกเรา!” เจ้าผิวหมึกตะโกนสั่งสมุนทั้งสามของมันให้พุ่งเข้าไปจัดการกับกัซ แต่ว่ายังไม่ทันที่จะทำอะไร พวกมันก็ต้องหยุดชะงักไปราวกับว่าเห็นผี
“คิดถูกแล้วล่ะครับ ที่ไม่เข้ามา เพราะถ้าพวกคุณลงมือกับผมแม้แต่นิดเดียวล่ะก็ เพื่อนๆ ผมที่อยู่ข้างหลังนั่นคงไม่ปล่อยพวกคุณกลับโรงเรียนแน่ๆ”
กัซกล่าวพลางมองไปยังเบื้องหลังของเขาประมาณสามเมตร ซึ่งมีพวกนักเรียนนักกีฬาว่ายน้ำชายนับสิบยืนเตรียมพร้อมกันราวกับจะมาทำสงคราม! พลางส่งสายตามาราวกับว่าถ้าหากพวกนักเลงต่างโรงเรียนยังไม่รีบกลับไปตอนนี้ล่ะก็ ได้เจอสหบาทาอย่างแน่นอน!
“ขอแนะนำนะครับว่า ถ้ายังรักชีวิตอยู่ก็กลับโรงเรียนไปเถอะครับ อย่าให้พวกผมต้องลงมือเลย” กัซบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและเป็นมิตร ทำเอาเจ้าคนที่จับข้อมือของฉันแน่นต้องปล่อยมือจากฉันทันที ก่อนที่จะหันไปตะโกนสั่งลูกน้องตัวเอง
“ยืนนิ่งกันทำไมวะ? เขาบอกให้กลับก็กลับสิ แล้วก็พาไอ้บ้านั่นไปด้วย” อันธพาลผิวเข้มกล่าวพลางชี้ไปที่เด็กหนุ่มหัวสกินเฮดที่กำลังโอดครวญจากการโดนเล่นงานจุดยุทธศาสตร์
สามลูกสมุนของมันหันมามองหน้ากันเองสักพัก ก่อนที่พวกนั้นสองคนจะเข้าไปประคองเพื่อนผู้บาดเจ็บ เดินผ่านหน้าไปยังทางเชื่อมที่พวกฉันเพิ่งเดินผ่านมา จนเหลือเพียงเจ้าคนผิวเข้มเมื่อครู่ที่ยังไม่ตามไป มันมองไปที่กัซด้วยแววตาชั่วร้ายราวจะกินเลือดกินเนื้อ แล้วมองมาที่ฉันด้วยสายตาที่น่าสะอิดสะเอียนราวกับพวกหื่นกาม แต่พอเห็นพวกกัซส่งรังสีความกดดันมากเข้า มันก็รีบเดินตามลูกน้องไปทันที
“ทีหลังพวกเธอสองคนก็หัดเดินดูคนหน่อยนะ ถ้าเห็นพวกแบบนี้อีกก็ห่าง ๆ เข้าไว้ด้วยล่ะ” ชายหนุ่มที่ฮอตที่สุดในโรงเรียนกล่าวพลางมองหน้ามินท์ แล้วมองมาที่ฉันด้วยแววตาอันอบอุ่น ทำเอาใจของฉันแทบจะละลายอยู่ตรงนั้น...
“ขอบคุณนะกัซ ว่าแต่ไม่ไปแข่งว่ายน้ำแล้วเหรอ?” มินท์ถามขึ้นมาหลังจากที่ชายหนุ่มกล่าวจบ
“กำลังจะไปลงไปแข่งเนี่ยแหละ ไม่เห็นเหรอ? พวกเพื่อน ๆ ฉันขึ้นมาตามกันเนี่ย” ชายหนุ่มตอบพลางมองไปที่เพื่อนนักว่ายน้ำแล้วทำสัญญาณมือให้รออีกสักพัก
“แหม... น่าเสียดายจังนะ ที่พวกเราติดงานกันจนไม่มีเวลาไปดูหนุ่มฮอตอย่างนายว่ายน้ำแบบสาว ๆ แฟนคลับของนาย”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า แค่ส่งใจไปเชียร์ก็พอแล้ว รับรองฉันไม่แพ้แน่” กัซหัวเราะเบาๆ หลังพูดจบ แล้วหันมามองฉัน ก่อนจะสาวท้าวเดินเข้ามาใกล้จนเราทั้งคู่ห่างกันเพียงไม่ถึงเมตร
“อย่าลืมส่งใจไปเชียร์ฉันล่ะ ฟ้า”
“จ้า” ฉันพูดก่อนที่จะยิ้มตอบกลับไปอย่างเขินอาย
“เดี๋ยวแข่งเสร็จแล้วจะขึ้นมาช่วยงานนะ” กัซบอก ก่อนที่จะพูดขึ้นมาเบา ๆ ราวกับจะกระซิบให้ฉันได้ยินเพียงคนเดียว
“มีเรื่องจะคุยด้วยนิดหนึ่งตอนแข่งเสร็จน่ะ”
เด็กหนุ่มรูปงามกล่าวจบก็กลับหลังหัน แล้วเดินผ่านหน้ามินท์ตามพรรคพวกนักกีฬาว่ายน้ำไป โดยไม่ได้หันกลับมามองฉันอีก ปล่อยให้ฉันเฝ้ามองเขาก้าวเดินห่างออกไป... ออกไป... ออกไปจนลับตา
“ชอบเขาก็บอกไปสิ ยัยเบื๊อก” เสียงแซวของสาวห้าวปลุกเอาฉันออกมาจากภวังค์ ฉันรีบมองหน้าเธอก่อนที่แก้ตัวกลับไปทันควัน
“เอาที่ไหนมาพูดยะ?”
“ก็หน้าเธอมันแดงซะยังกะลูกมะเขือเทศ ใครไม่รู้ก็บ้าแล้ว หุหุ” เธอพูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ แล้วรีบเดินฉับๆ นำหน้าฉันไป
“จะรีบไปไหนกัน! ยัยบ้า” ฉันพูดพลางรีบเดินตามเธอไปทันที แต่ว่าฉันเดินไปได้สักพักก็ต้องหยุดชะงักเอาซะดื้อๆ! เมื่อรู้สึกว่ามีสายลมพัดแผ่วๆ มาจากทางด้านหลัง... และฉันก็รู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่ลมธรรมดา เพราะความรู้สึกที่มันพัดมากระทบร่างกายของฉันนั้น มันทำให้ฉันรู้สึกประหลาด ราวกับว่าถูกทักทายอย่างอบอุ่นจากคนคุ้นเคยที่ไม่ได้เจอกันมานาน….
และนั่นเป็นความรู้สึกเดียวกับที่ฉันรู้สึกที่หมู่บ้านของเอื้องคำ!
.
กลางห้องเรียนที่แปรสภาพไปเป็นห้องแบบญี่ปุ่นด้วยฝีมือนักเรียน สาวน้อยเกล้าผมมวยในชุดกิโมโนสีขาวลายดอกไม้ กำลังร่ายรำไปตามท่วงทำนองของเสียงดนตรีที่ดังมาจากเครื่องเล่น ท่วงท่าการร่ายรำอันงดงามและอ่อนช้อยเป็นธรรมชาติได้สะกดผู้ชมทั้งหมดในห้องให้จ้องมองยังเธอเป็นตาเดียวกัน และเมื่อเสียงดนตรีจบลงและการร่ายรำได้สิ้นสุด เสียงปรบมือก็ดังกระหึ่มไปทั้งห้อง ไม่ว่าจะเป็นจากแขกที่มาชมการสาธิตการชงชาแล้วกินฟรี หรือจากกลุ่มแขกที่มาดูวิธีพับกระดาษแบบโอริงามิ หรือแม้กระทั่งพวกเด็กนักเรียนของชมรมเอง
“ありがとうございます” เด็กสาวที่ร่ายรำไปอย่างงดงามขอบคุณเป็นภาษาญี่ปุ่นพลางโค้งคำนับผู้ชม ก่อนที่จะเดินไปหาเพื่อนสาวร่างเล็กที่กำลังสอนพับกระดาษแบบโอริงามิให้ผู้เข้าชมที่อีกมุมของห้อง ซึ่งเด็กสาวคนงามที่ร่ายรำไปเมื่อครู่นั้นจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากฉันนั่นเอง
“เยี่ยมมากเลยฟ้า” เด็กสาวที่รูปร่างเล็กและหน้าตาอ่อนวัยเหมือนกับเด็กหญิงในชุดกิโมโนสีชมพู ชมเชยพร้อมกับยิ้มให้ แน่นอนว่าเธอจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากต่าย เพื่อนสนิทของฉันอีกคนหนึ่ง
“ขอบคุณที่ชมจ้า แต่ขอฉันพักหน่อยนะ” ฉันกล่าวพลางนั่งลงข้างหลังเธออย่างเหนื่อยอ่อน ทำงานควบสองชมรมแถมยังเป็นตัวหลักแบบนี้มันก็ต้องมีเหนื่อยบ้างล่ะนะ ไม่เหนื่อยก็ไม่ใช่คนแล้วล่ะ
“เอาล่ะค่ะ ลองหัดพับตามวิธีที่หนูสาธิตให้ดูเมื่อกี้นี้นะคะ” ต่ายพูดพลางยิ้มให้กับบรรดาผู้เข้าชมทั้งหลายที่ดูเหมือนว่าจะมีเพิ่มมากขึ้นหลังจากที่ฉันเดินเข้ามาพักผ่อนตรงมุมนี้ ก่อนที่จะลุกขึ้นมาจากจุดที่ตัวเองนั่งแล้วก้มมองหน้าฉันอย่างอยากรู้อยากเห็น
“นี่ เอาชาหน่อยไหม? เดี๋ยวฉันไปเอาจากมุมนั้นมาให้” เด็กสาวหน้าอ่อนกล่าวพลางชี้ไปที่มุมชงชา
“เอามาหน่อยก็ดีจ้ะ ฉันคอแห้งไปหมดแล้ว” ฉันตอบขึ้นมา สิ้นเสียงตอบของฉัน ยัยต่ายก็ยิ้มแล้วรีบเดินไปที่มุมชงชาทันที ก่อนจะกลับมาที่มุมพับกระดาษพร้อมกับชาเต็มถ้วยด้วยสีหน้าที่ดูวิตกกังวลที่ไม่ค่อยจะปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอสักเท่าไรนัก
“มีอะไรเหรอต่าย?” ฉันถามเพราะเห็นว่าเธอดูท่าทางไม่สบายใจเท่าไรนัก ก่อนที่จะรับถ้วยชาจากเธอมาดื่มช้าๆ เมื่อเห็นว่าเธอไม่ตอบฉันซะที
“ออกมานอกห้องสักพักได้ไหมฟ้า?” เธอถามขึ้นมาก่อนที่จะกระซิบอย่างแผ่วเบาด้วยน้ำเสียงจริงจังให้ฉันได้ยินเพียงคนเดียว “มีเรื่องสำคัญที่ฉันอยากจะคุยกับเธอแค่สองคน ตอนนี้เลย”
“เอ่อ... ได้สิ” ฉันตอบไปโดยที่ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเรื่องสำคัญของเธอนั้นมันคือเรื่องอะไรกันแน่ แต่ฉันว่ามันต้องเป็นเรื่องที่คอขาดบาดตายทีเดียวแหละ ไม่งั้นยัยต่ายไม่มีทางทำหน้าตาแบบนี้แน่ๆ
“รบกวนรุ่นพี่ช่วยดูแลมุมนี้สักพักนะคะ หนูกับเพื่อนจะออกไปคุยธุระกันข้างนอกสักพัก” เด็กสาวร่างเล็กทำสีหน้าปกติแล้วหันไปทางสาวคนหนึ่งที่กำลังพับกระดาษโอริงามิอยู่
“ได้จ้ะ รีบไปรีบกลับหน่อยแล้วกันนะ” ผู้ที่ถูกเรียกว่ารุ่นพี่กล่าวพลางยิ้มน้อยๆ ให้ ต่ายก็ยิ้มตอบกลับไปก่อนที่จะหันมาคว้าข้อมือฉันแล้วพาเดินออกไปจากห้องในทันที
ฉันเดินตามแรงดึงของยัยต่ายไปอย่างง่ายดาย อันที่จริงถึงจะไม่คว้าข้อมือแล้วดึงมา ฉันก็เดินตามมาเองอยู่ดี เพราะดูจากสีหน้าของยัยนั่นแล้วมันจริงจังยิ่งกว่าตอนสอบเสียอีก!
เด็กสาวหน้าอ่อนพาฉันเดินฝ่าฝูงชนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งผ่านทางเชื่อมที่ฉันกับมินท์ใช้เป็นทางมาที่โซนชมรม เธอก็หยุดฝีเท้าเมื่อเห็นว่าปลอดคนแล้ว ก่อนที่จะหันมามองฉันด้วยแววตาสงสัยแล้วเอ่ยถามขึ้นมาเบาๆ
“เธอคิดยังไงกับกัซ?”
ฉันถึงกับนิ่งอึ้งไปทันทีเมื่อได้ยินคำถามนี้ออกมาจากปากของต่าย! นี่จู่ๆ ยัยนี่เป็นอะไรขึ้นมาล่ะเนี่ย ถึงได้มาถามฉันด้วยคำถามทำนองนี้? ทั้งที่น่าจะรู้กันอยู่แล้วว่าฉันไม่ค่อยอยากให้ใครมาถามคำถามทำนองนี้สักเท่าไร! เพราะมันทำให้ฉันอายจนพูดไม่ถูก!
“ฟ้า... ฉันถามจริง ๆ นะ เธอชอบกัซหรือเปล่า?” ยัยต่ายถามขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเล่นเอาฉันไปไม่เป็นเลยทีเดียวว่าจะตอบว่ายังไงดี!
ยัยบ้านี่จะคาดคั้นฉันให้พูดออกมาให้ได้เลยรึไง?! ฉันเป็นลูกผู้หญิงนะ! จะให้จู่ๆ มาบอกว่าชอบผู้ชายคนนั้นคนนี้ได้ยังไงกันเล่า! โดยเฉพาะคนที่ป๊อปปูล่าร์ที่สุดในโรงเรียนอย่างนายกัซเนี่ย! ถึงจะอยู่กันสองต่อสองกับเพื่อนสนิท แต่ฉันก็อายที่จะพูดนี่นา! ว่าแต่เรื่องสำคัญที่ทำให้เธอต้องลากฉันออกมาคุยด้วยมันมีแค่นี้เองเหรอเนี่ย?!
“อ... เอาที่ไหนมาพูด?!” ฉันถามกลับไปทันทีเมื่อเริ่มตั้งสติได้
“ไม่ต้องเอาที่ไหนมาพูดหรอก ท่าทางเธอมันฟ้องอยู่เห็นๆ” ยัยต่ายกล่าวขึ้นพลางส่งสายตาจริงจังมาที่ฉัน “ทุกครั้งเวลาเธอเข้าใกล้กัซ ฉันเห็นว่าเธอดูทำตัวแปลกๆ ไป แบบว่า... เอ่อ... เหมือนกับไม่เป็นตัวของตัวเองยังไงยังงั้นแหละ แล้วอาการแบบนี้น่ะ มันยังกะคนกำลังแอบชอบไม่มีผิด”
“จะบ้าเหรอ! ฉ... ฉันน่ะ ไม่ได้ชอบนายนั่นสักหน่อย!” ฉันกลบเกลื่อนไปด้วยความเก้อเขิน นั่นก็เพราะที่เด็กสาวหน้าอ่อนพูดมานั้นมันก็ไม่ผิดจากความเป็นจริงเลยสักนิด!! แต่ฉันไม่อยากจะยอมรับสักเท่าไรหรอกนะ!
สีหน้าของเด็กสาวในชุดกิโมโนสีชมพูค่อยๆ เปลี่ยนไปเมื่อฉันพูดจบ จากสีหน้าที่เอาจริงเอาจังราวกับจะใช้กำลังคาดคั้นให้ฉันสารภาพความรู้สึกออกมาให้ได้ เป็นสีหน้าที่เศร้าสร้อยจนดูน่าสงสาร และเมื่อแววตาเศร้าๆ บนใบหน้าที่อ่อนกว่าวัยจ้องมองมาทางฉันราวกับจะออดอ้อนขอความเห็นอกเห็นใจ ฉันก็รู้สึกเหมือนกับตัวเองกำลังรังแกเด็กขึ้นมาเอาซะดื้อๆ! ฉันยิ่งเป็นพวกแพ้เด็กน่าสงสารอยู่ด้วย และดูเหมือนว่ายัยต่ายจะจับจุดอ่อนฉันได้ซะแล้วสิ!!!
“ทำไมเรื่องแค่นี้ถึงบอกกันตรงๆ ไม่ได้เหรอ? เราเป็นเพื่อนกันแท้ๆ” ยัยต่ายพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเหมือนกับว่าจะร้องไห้ออกมาถ้าเกิดฉันยังมัวแต่ทำเฉไฉเรื่องนายกัซยังไงยังงั้นแหละ แล้วฉันก็แพ้ทางกับท่าทางน่าสงสารแบบนี้เอามากๆ ด้วย!
“เอ่อ... บอกตรง ๆ ก็ได้จ้ะ แต่ว่าห้ามเอาไปบอกใครต่อนะ” ฉันพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเหมือนกับจะปลอบเด็กที่กำลังร้องไห้จะเอาของเล่น “สัญญาได้ไหม?”
“ไม่บอกใครแน่นอนจ้ะ สัญญา” ยัยต่ายตอบพลางพยักหน้ารับทันที
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันน่ะ ว่าฉันคิดยังไงกับเขากันแน่” ฉันกล่าวขึ้นมาพลางหัวเราะแห้งๆ “คือ... แบบว่า... เวลาฉันอยู่ใกล้เขาแล้ว หัวใจฉันมันเต้นแรงขึ้นยังไงไม่รู้สิ แล้วก็... เวลาที่เขายิ้มมาให้ฉันก็ทำตัวไม่ค่อยถูก... แล้วก็...”
“งั้นเธอก็ชอบเขาเข้าแล้วล่ะสิท่า” ยัยต่ายกล่าวขึ้นมาพลางยิ้มน้อย ๆ อย่างดีอกดีใจ
“เอ่อ... ก็คงงั้นแหละมั้ง ฉันไม่เคยชอบใครมาก่อนนี่ ก็เลยไม่รู้ว่ายังไงถึงจะเรียกว่าชอบน่ะ” ฉันพยายามมองไปทางอื่นเพื่อหลบสายตาของเธอที่มองมาที่ใบหน้าของฉันซึ่งกำลังร้อนผ่าวด้วยความเขินที่ถูกจับได้ว่าแอบมีใจให้หนุ่มฮอตประจำโรงเรียน
“งั้นก็ดีแล้วล่ะ รู้แบบนี้ฉันเองก็สบายใจ” เด็กสาวในกิโมโนสีชมพูกล่าวพลางยิ้มน้อย ๆ ให้กับฉัน “หนุ่มฮอตประจำโรงเรียนอย่างนายนั่น ก็เหมาะสมกับสาวสวยที่เพียบพร้อมทุกอย่างแบบเธอแล้วล่ะ”
“ยอกันเกินไปแล้วมั้ง?” ฉันกล่าวขึ้นมาเมื่อเห็นว่ายัยนั่นพูดจาชมฉันเกินความเป็นจริง อันที่จริงแล้วฉันก็ไม่ได้เพียบพร้อมอะไรสักเท่าไรหรอกนะ แถมยังซุ่มซ่ามแล้วก็ขวัญอ่อนอีกต่างหาก! “และอีกอย่าง กัซก็คงไม่ได้ชอบฉันหรอก แฟนคลับเขาออกจะเยอะแยะขนาดนั้น”
“เธอนี่ไม่รู้อะไรซะแล้ว หุหุ” ยัยต่ายหัวเราะเบาๆ เหมือนกับกำลังขำเพราะตลกในคำพูดของฉันเมื่อกี้นี้ก็ว่าได้
“ไม่รู้อะไรเหรอ?” ฉันถามด้วยความงุนงงบวกกับสงสัยในคำพูดของเด็กสาวหน้าอ่อน นี่เธอมีลับลมคมในอะไรหรือเปล่าเนี่ย? ทำไมฉันรู้สึกเหมือนมันมีเบื้องหน้าเบื้องหลังยังไงไม่รู้สิ
“เอาเป็นว่า เดี๋ยวเธอก็รู้แล้วล่ะ” เด็กสาวหน้าอ่อนกล่าวขึ้น แล้วเดินผ่านฉันไปพลางฮัมเพลงไปอย่างน่าจะมีความสุข แต่ทำไมฉันถึงรู้สึกได้ว่า มันมีความเศร้าเจือปนอยู่ด้วยก็ไม่รู้...
“อืม...อีกเรื่องนะ” ต่ายพูดพลางหันกลับมามองฉัน แล้วมองด้วยสายตาดีใจเหมือนเด็กได้ของเล่น “ฉันดีใจนะ ที่เธอชอบกัซ ดีใจจริงๆ”
“เอ่อ...ว่าแต่ทำไมเธอถึงได้...” ฉันพยายามจะพูดถามเธอกลับไป แต่ว่าเธอเอานิ้วชี้แตะที่ริมฝีปาก เพื่อบอกให้ฉันหยุดพูด ก่อนที่เธอจะเอ่ยขึ้นมา
“กลับไปที่ห้องกันต่อเถอะ ให้พี่ปลาเฝ้านานแล้ว เกรงใจพี่เขาน่ะ” เด็กสาวหน้าอ่อนกล่าวเสร็จก็หันหลังเดินจากฉันไปดื้อๆ
ฉันล่ะอยากจะบ่นเธอซะจริงๆ แต่พอเธอส่งสายตามามองฉันให้เดินตามไป ฉันก็ใจอ่อนเอาซะดื้อๆ! ก็เล่นน่ารักน่าเอ็นดูซะขนาดนั้น ใครมันจะไปว่าได้ลงคอ ฉันก็เลยได้แต่เดินตามยัยต่ายกลับไปยังห้องนิทรรศการของพวกเราอย่างเงียบๆ จนกระทั่งกลับมาถึงห้อง
“ไปไหนกันมาเรอะทั้งสองคน!? ถ้าว่างก็มาจิบชากันหน่อยดีไหม? อร่อยดีนะ” เสียงของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งรออยู่ที่มุมชงชาซึ่งตอนนี้ว่างจากผู้เข้าชมชั่วขณะร้องเรียกขึ้นเมื่อฉันก้าวพ้นประตูห้อง เขาคือนายเอกนั่นเอง!
ฉันล่ะอิจฉานายนี่จริงๆ อยู่ห้องศิลป์ - ญี่ปุ่น แต่ดันไปอยู่ชมรมอะไรก็ไม่รู้ แถมนอกจากจะไม่มาช่วยงานชมรมญี่ปุ่นแล้ว ยังมาจิบชาสบายใจเฉิบอยู่แบบนี้อีก!
“ไปห้องน้ำมาน่ะจ้ะ” ยัยต่ายชิงตอบขึ้นมาทันทีก่อนที่จะยิ้มเจื่อนๆ “ส่วนเรื่องชาไม่เอาหรอกจ้ะ เดี๋ยวฉันต้องไปทำงานต่อ มุมของฉันคนเริ่มเยอะแล้วน่ะ ไม่อยากรบกวนพี่เขานานกว่านี้แล้วด้วย”
“จ้า แม่คนขยัน” หนุ่มแว่นร่างบางบอกยัยต่ายด้วยน้ำเสียงกวนประสาท แต่เด็กสาวในกิโมโนสีชมพูก็ไม่ได้โต้ตอบอะไรเลยสักคำเดียว นอกจากยิ้มให้พวกฉันแล้วเดินกลับไปที่มุมพับกระดาษอย่างเงียบๆ
“นี่ ยัยฟ้า ไปคุยอะไรกับต่ายมาเหรอ?” นายเอกกล่าวขึ้นมาทันทีเมื่อฉันหย่อนก้นลงไปที่เก้าอี้
“เปล่านี่! ไปเข้าห้องน้ำมาจริง ๆ” ฉันกลบเกลื่อนกลับไป เพราะไม่อยากให้เขารู้ว่าไปคุยอะไรกับต่ายมา
“เข้าห้องน้ำก็เข้าห้องน้ำ เอ้า!” หนุ่มแว่นจบคำถามทันทีเมื่อรู้ว่ายังไงฉันก็คงยืนยันเสียงแข็งเหมือนเดิม “ว่าแต่มีคำพูดไหนของต่ายที่ค้างคาใจเธอหรือเปล่า?”
“ก็... ประมาณว่า เหมือนกับฉันยังไม่รู้เรื่องของกัซ.... เอ๊ย! นี่นายหลอกถามฉันเรอะ?!” ฉันโพล่งขึ้นมาทันทีเมื่อรู้ตัวว่าเสียรู้กับหนุ่มแว่นเข้าแล้ว หมอนี่มันฉลาดจริง ๆ ถ้าฉันไม่หลวมตัวนั่งตรงนี้แต่แรกก็ดี
“เรื่องนายกัซน่ะเหรอ ฮะฮะฮ่า” เอกหัวเราะราวกับเป็นเรื่องตลก ก่อนที่จะลดเสียงลงมาให้แผ่วเบาราวกับกระซิบเหมือนกลัวใครจะได้ยิน “แล้วต่ายให้เธอทำยังไง? ให้หลีกทางให้เหรอ?”
“หลีกทาง? นายพูดเรื่องอะไรเนี่ย?” ฉันกระซิบกลับไปด้วยความสงสัย “ยัยต่ายเรียกฉันออกไปถามว่าชอบกัซหรือเปล่า? แถมยังดูท่าทางดีใจมากอีกต่างหาก พอรู้ว่าฉัน...”
“ที่แท้เธอก็ชอบกัซนี่เอง”
“ใช่... เอ๋! นี่นายหลอกถามฉันอีกแล้วเรอะ!? ไว้ใจไม่ได้จริงๆ อีตาบ้า!” ฉันพูดขึ้นมา ขณะที่ใบหน้าเริ่มร้อนผ่าวเพราะความอายที่มีคนรู้เรื่องนี้อีกคน แถมยังเป็นนายเอกอีกต่างหาก นายนี่รู้ก็เหมือนโลกรู้แหละ! เพราะเดี๋ยวก็ต้องเอามาล้อฉันจนทั้งห้องรู้แน่ๆ!
“ใจเย็นก่อนสิ ฉันไม่เอาเรื่องนี้มาล้อเธอหรอกน่า” เอกพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ เหมือนอ่านใจฉันได้“ว่าแต่ยัยต่ายไม่ได้เล่าอะไรให้เธอฟังใช่ไหม?”
“อืม...”
“งั้นก็น่าแปลก” เขาพึมพำเบาๆ ก่อนที่ขยับแว่นตากรอบดำแล้วทำสีหน้าครุ่นคิดบางอย่าง
“แปลกอะไรเหรอ?” ฉันเอ่ยถาม แต่เอกก็ทำสัญญาณมือให้ฉันหยุดพูด แล้วมองซ้ายมองขวาเหมือนจะกลัวคนเห็นหรือแอบฟัง ก่อนที่จะหยิบสมุดโน๊ตจากกระเป๋ากางเกงมาขีดๆ เขียนๆ อะไรบางอย่างอยู่พักใหญ่แล้วส่งมาให้ฉันอ่าน มันเป็นข้อความที่ค่อนข้าวยาวพอสมควร แต่ว่าทำเอาฉันปวดหัวไม่แพ้กับสูตรเลขเลยสักนิด!
“ ต่ายชอบกัซมาตั้งแต่ประถมแล้ว แต่ไม่กล้าบอกเพราะกลัวแฟนคลับกัซรุมทึ้งเอา
น่าแปลกจริงๆที่ต่ายไม่ได้บอกเรื่องนี้ให้กับเธอ แถมยังดูท่าทางเชียร์เธอให้คบกับกัซอีก นี่ล่ะมั้งที่เรียกว่ารักแท้คือการเสียสละน่ะ
เอ้อ อีกเรื่องนะ เธออาจจะไม่รู้ แต่ทั้งห้องเขารู้กันหมดแล้ว ว่าวันนี้หลังจากแข่งว่ายน้ำเสร็จ กัซจะขึ้นมาสารภาพรักเธอ”
“ตลกแล้ว นายเอก!” ฉันโพล่งขึ้นมาทันทีเมื่ออ่านข้อความนั้นจบ
“เรื่องจริง” เขายืนยันข้อความที่เขียนในกระดาษก่อนที่จะคว้ามันกลับไปจากมือของฉัน แล้วหันมามองหน้าฉันด้วยแววตาจริงจัง “ฉันไม่แกล้งเธอด้วยเรื่องแบบนี้หรอกน่า”
