7 คุณหนูเซียว
นิ้วเรียวงามของหญิงสาวยังยื่นไปไม่ถึงจานขนม สาวใช้ที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ปราดเข้ามาช่วยเลื่อน สายตาของคุณหนูสามสกุลเซียวยังคงเหม่อมองไปยังต้นไห่ถัง ที่กำลังออกดอกอยู่นอกหน้าต่างแต่มือหยิบขนมชิ้นหนึ่งมากัด
“เสี่ยวหว่าน เจ้าไม่น่ารีบรับหมั้นคุณชายซางเลย”
เซียวหว่านที่กำลังเคี้ยวขนมเบือนหน้ามามองสหายคนงามที่นั่งอยู่ข้างๆ “หากข้าไม่รับหมั้นเขา ไหนเลยจะมีหน้าออกไปข้างนอกจวนเล่า ไม่ว่าจะไปที่ใด ผู้คนล้วนพูดถึงการแต่งงานของหนิงเฉิงอ๋องทั่วบ้านทั่วเมือง”
“เจ้ายอมทำลายชื่อเสียงตนเองเช่นนี้ จะคุ้มหรือ” ต้วนเหม่ยหลิงเทผงชาลงในถ้วยแล้วคนด้วยแปรงสั้นกลมวนไม่ช้าไม่เร็วจนเกินไป
ไอความร้อนจากกาน้ำชาที่กำลังถูกเปิดฝา ทำให้ใบหน้างามของเซียวหว่านผงะออกก่อนจะโบกมือไล่ไอนั้น “ข้าต้องหาทางเอาอ๋องหยางคืนมา”
“เจ้าปล่อยข่าวว่าเศร้าโศกเสียใจจนล้มเจ็บ เขาก็ยังไม่มาเยี่ยม แล้วเจ้าจะหาวิธีใดเรียกร้องความสนใจจากเขาได้เล่า”
เซียวหว่านมองสหายที่กำลังยื่นถ้วยชาที่ชงเสร็จมาตรงหน้า “ที่เขาไม่ได้มาเยี่ยมเป็นเพราะหยางไท่เฟยอาการไม่สู้ดี แต่ข้าเชื่อว่าเขาก็ต้องรู้สึกผิดกับข้าแน่”
สาวใช้ขยับเข้ามาช่วยปิดฝากาน้ำที่อยู่บนเตาเล็กตรงหน้าต้วนเหม่ยหลิงแล้วถอยออกไปยืนข้างๆ ปล่อยให้คุณหนูของตนและสหายของนางชงชาต่อ
“เหม่ยหลิง ช่วงนี้เจ้ามิได้เข้าวังหรือ”
ต้วนเหม่ยหลิงส่ายหน้า “พระสนมทรงห้ามเอาไว้น่ะสิ เห็นว่าฮ่องเต้เสด็จไปประทับที่ตำหนักบ่อยๆ จึงเน้นประทินโฉมอยู่ทุกวัน จึงไม่ต้องการให้ข้าเข้าไปรบกวนในช่วงนี้”
ท่านอาหญิงของต้วนเหม่ยหลิงคือพระสนมขั้นผิน คนใหม่ของฮ่องเต้ นางเพิ่งเข้าวังไปได้เพียงสามเดือน ยามนี้กลายเป็นที่โปรดปราน ส่งผลให้จวนสกุลต้วนตกเป็นเป้าหมายของขุนนางทั้งหลาย พวกเขาขอเข้าพบท่านปู่ของ ต้วนเหม่ยหลิงจนธรณีประตูแทบสึก ต้วนเหม่ยหลิงที่เหนื่อยหน่ายกับความวุ่นวายจึงหลบมาที่จวนของสหาย
ต้วนเหม่ยหลิงกับเซียวหว่านร่ำเรียนชงชาอยู่พักใหญ่ ในยามมาพบปะก็ถือโอกาสฝึกฝีมือขณะพูดคุยเรื่องราวรอบตัว
เซียวหว่านยกถ้วยชาขึ้นมาจิบแล้วยิ้มน้อยๆ “ดีจริง เช่นนั้นอีกไม่นาน บรรดาศักดิ์ของบิดาเจ้าก็น่าจะได้เลื่อนขึ้นไปเป็นโหวแล้ว”
“ไม่ต้องเฉไฉมาพูดเรื่องครอบครัวข้า บอกข้ามา ตกลงเจ้าวางแผนเรื่องคุณชายซางเอาไว้แล้วใช่หรือไม่”
เซียวหว่านนึกถึงคู่หมั้นของตนแล้วก็ยิ้มออกมา “คุณชายซางไม่ชอบอ๋องหยางมาแต่ไหนแต่ไร ในเมื่อเขายินดีร่วมมือกับข้า แล้วข้าจะไม่ร่วมมือกับเขาได้หรือ”
“เสี่ยวหว่าน อย่าหาว่าข้าไม่เตือน ซางฮ่าวอวี่เป็นคนเช่นไร ใช่ว่าเจ้าจะไม่รู้ ในเรือนเขามีสาวใช้ข้างห้องอยู่ถึงสองคน บุรุษเช่นนี้สมควรที่เจ้าจะคว้ามาเป็นสามีหรือ”
“เจ้าคงไม่รู้ล่ะสิว่า เขายังเลี้ยงสตรีไว้นอกบ้านอีกสองคน”
ต้วนเหม่ยหลิงได้ยินก็ถึงกับตาเหลือก “เขาเป็นตัวบัดซบเช่นนี้ เจ้ายังจะรับหมั้นเขาอีก”
“ก็เพราะเขาเป็นเช่นนี้ ข้าถึงสบายใจที่จะรับหมั้นอย่างไรเล่า”
ต้วนเหม่ยหลิงนิ่งไปครู่ก็หัวเราะออกมา “นั่นเป็นความลับของเขาสินะ”
“ถูกต้อง เจ้าลองคิดดูว่าหากใต้เท้าซางรู้ว่าบุตรชายคนโตซ่อนสตรีไว้นอกเรือนถึงสองคนจะอับอายเพียงใด ไหนยังจะท่านพ่อท่านแม่ของข้าอีก มีหรือเขาจะยอมปล่อยให้ข้าแต่งงานไปกับบุรุษไร้ความรับผิดชอบเยี่ยงนี้”
“เจ้ากุมความลับเขาไว้ในมือเช่นนี้เพราะคิดว่าวันหน้าหากต้องการสลัดคนผู้นี้ทิ้งแล้วกลับไปหาอ๋องหยาง ก็แค่เปิดโปงความลับของซางฮ่าวอวี่ใช่หรือไม่”
“เหม่ยหลิงช่างปราดเปรื่องนัก สมแล้วที่เป็นสหายรักของข้า”
“เจ้าพูดเช่นนี้ แน่ใจแล้วหรือว่าอ๋องหยางจะยอมหย่ากับหลี่หยวนหยวน นางผู้นั้นเป็นคนเช่นไรเจ้าก็รู้ ไร้มารยาท ขาดระเบียบ โวยวายราวกับหญิงชาวบ้าน ก่อนจะแต่งก็ตามติดอ๋องหยางไปทั่ว ซ้ำยังคอยขัดขวางโอกาสดีๆ ระหว่างเจ้ากับเขา” ต้วนเหม่ยหลิงพูดจี้ใจดำของสหาย
ก่อนหน้าที่หยางหลีเหว่ยจะแต่งงาน เซียวหว่านประมาทคู่แข่งอย่างหลี่หยวนหยวนเกินไป นางเห็นว่าชื่อเสียงของคุณหนูรองหลี่ในหมู่บุรุษคือสตรีที่ไร้สาระที่สุดในเมืองหลวง ดังนั้นจึงคาดไม่ถึงว่าอ๋องหยางจะตกหลุมพรางสกุลหลี่จนต้องแต่งหลี่หยวนหยวนเป็นชายา
“ข้าผิดเอง” เซียวหว่านสีหน้าเจ็บแค้น “ผู้ใดจะไปรู้ว่าท่านป๋อหลี่จะใช้เงื่อนไขการรักษาหยางไท่เฟยบังคับเขาให้แต่งงาน”
“ไม่ใช่แค่บังคับให้แต่งงาน แต่ยังบังคับให้เข้าหอร่วมห้องอีกด้วย” ต้วนเหม่ยหลิงเอ่ยด้วยความมั่นอกมั่นใจ
เซียวหว่านตะลึง “เจ้าไปรู้มาจากที่ใด”
“ย่อมเป็นหลี่ฮูหยินที่เล่าให้น้องสาวของนางฟัง เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าที่บ้านข้าก็มีคนแซ่จ้งอยู่ด้วยผู้หนึ่ง”
คราวนี้เซียวหว่านถึงกับนั่งไม่ติด นางขยับไปใกล้สหาย “จริงด้วย จ้งซื่อ ผู้นั้นเป็นน้าสะใภ้ของเจ้านี่”
“เรื่องบังคับให้เข้าหอนี่ น้าสะใภ้ของข้าบอกว่ามีหลักฐานเป็นผ้าพรหมจรรย์ที่มามาในจวนหลี่นำมายืนยัน หว่านเอ๋อร์ หากว่าหญิงผู้นั้นเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา หยางไท่เฟยมีหรือจะยอมให้บุตรชายหย่าร้างกับนาง”
ฟังถึงตรงนี้ เซียวหว่านถึงกับนั่งไม่ติด นางผุดลุกขึ้น “ไม่ได้ ข้าจะต้องไปสืบเรื่องนี้หน่อย ข้าไม่เชื่อว่าท่านอ๋องหยางจะหลับนอนกับนาง ผู้อื่นต่างก็รู้ว่าเขาตั้งใจจะสานสัมพันธ์กับข้าถึงได้มางานเลี้ยงน้ำชาอยู่บ่อยๆ”
“เจ้าคิดน้อยไปแล้ว” ต้วนเหม่ยหลิงยกยิ้มมุมปาก “ท่านป๋อหลี่มีหรือจะยอมให้อ๋องหยางหลอกได้ เขาบังคับให้ท่านอ๋องดื่มยาคืนวสันต์สูตรเฉพาะของตระกูลหลี่ก่อนเข้าหอ เช่นนี้แล้ว เจ้าว่าท่านอ๋องจะสะกดกลั้นได้หรือ”
เซียวหว่านได้ฟังถึงตรงนี้ก็เซถอยหลังไปเล็กน้อย ตำแหน่งชายาเอกของหนิงเฉิงอ๋องนางหมายมั่นปั้นมือเอาไว้นานแล้ว ตั้งแต่เข้ามาอยู่ในร่างนี้และรับรู้ว่าตนเองคือบุตรสาวของฮูหยินเอกท่านเซียวโหว คนรอบข้างล้วนบอกว่านางมีคู่หมายคือ หนิงเฉิงอ๋องหยางหลีเหว่ย
‘ไม่น่าเชื่อเลย อ๋องหยางหลีเหว่ยคนนี้ หน้าเหมือนหัวหน้าหยางยังกับแกะ ดีจริง ตอนอยู่ยุคโน้นไม่สมหวัง พอมาอยู่ยุคโบราณก็ถูกจับแต่งงานกับหัวหน้า เอ๊ย! ท่านอ๋องหยาง’
“คนชื่อหยวนหยวน ช่างเป็นดาวเคราะห์ร้ายในชีวิตข้าเสียจริง” เซียวหว่านขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“เมื่อวานหลี่หยวนหยวนเพิ่งพาสามีกลับบ้านหลังแต่ง ได้ยินว่าท่านอ๋องหน้าตาบูดบึ้ง ไม่หันไปมองพระชายาสักนิด เห็นทีชีวิตการแต่งงานที่ข่มเขาโคขืนให้กลืนหญ้าคงยากจะราบรื่น”
เซียวหว่านค่อยยิ้มออก “หึ! นางเป็นคนแย่งชิงวาสนาของผู้อื่น ย่อมต้องได้รับความทุกข์ทน ข้าจะทำให้ท่านอ๋องเกลียดชังนางมากขึ้น และหาทางหย่าขาดกับนาง” หญิงสาวจ้องสหายอยู่อึดใจหนึ่ง “เหม่ยหลิงไปกับข้า วันนี้ข้าต้องพบอ๋องหยางให้ได้”
คุณหนูทั้งสองออกไปยังภัตตาคารตู้จิน พวกนางนั่งรออยู่พักใหญ่ หยางหลีเหว่ยก็มาพร้อมกับกุนซือเฉา เพื่อมิให้การนัดพบดูเป็นส่วนตัวนัก ชายหนุ่มจึงให้บ่าวรับใช้ไปเชิญซ่งสวิน หัวหน้าหน่วยมือปราบที่สิบมาร่วมโต๊ะ
ในยามที่พวกเขาทั้งหมดเดินขึ้นไปชั้นสองมิได้ดูเป็นการนัดหมายเฉพาะตัว แต่คนที่มาด้วยต่างก็รู้เจตนาของเซียวหว่านและหยางหลีเหว่ย จึงปล่อยให้สองหนุ่มสาวแยกไปนั่งคุยกันที่ห้องเล็กด้านข้าง
“คุณหนูสาม เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” หยางหลีเหว่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าห่วงใย
เซียวหว่านได้ทีก็แสร้งยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นแตะหัวตาคล้ายกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ได้ “ก็...สบายดีเจ้าคะ ท่านอ๋องคงรู้เรื่องของข้าแล้ว”
*********************
