5 เยือนบ้านเดิม
ณ จวนสกุลหลี่
วันนี้เป็นวันที่สามของการแต่งงาน หลี่หยวนหยวนจะต้องกลับมาเยี่ยมบ้านเดิมพร้อมกับสามี ท่านป๋อหลี่เหวินจั๋วนำคนในครอบครัวมายืนรอหน้าซุ้มประตูตามเวลาที่นัดหมาย พอต้นยามเฉิน ขบวนจากจวนหนิงเฉิงอ๋องก็มาถึง
หยางหลีเหว่ยมีกององครักษ์ประจำตัวที่ถูกเรียกขานว่า ‘หน่วยหยกทมิฬ’ ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับดาบประจำตัวของบิดาของเขา เล่ากันว่าดาบเล่มนี้มีหยกสีดำประดับอยู่ที่สันของดาบและส่วนด้าม เหล่าองครักษ์หน่วยนี้แต่งกายด้วยชุดสีดำปักปลายแขนเสื้อและชายอาภรณ์เป็นสัญลักษณ์พิเศษ ด้านหลังสะพายดาบสีดำ ม้าที่พวกเขาใช้เป็นม้าสีน้ำตาลแดงพันธุ์ดี ไม่ว่าเดินทางไปที่ใด คนกลุ่มนี้ล้วนโดดเด่นน่าเกรงขาม
เมื่อขบวนองครักษ์หน่วยหยกทมิฬขี่ม้านำหน้าขบวนเข้ามาในถนนหน้าจวนสกุลหลี่ ทุกคนที่ได้เห็นล้วนตื่นตาตื่นใจ
“ท่านพ่อ ขบวนท่านอ๋องมาแล้วขอรับ” หลี่เหลียงบุตรชายคนที่สามของท่านป๋อหลี่ที่เกิดจากภรรยาเอกคนปัจจุบันชี้ชวนบิดามองไปทางต้นถนนอย่างตื่นเต้น นี่เป็นครั้งที่สองที่ได้เห็นองครักษ์ของหนิงเฉิงอ๋องมาเต็มขบวน
ทันทีที่รถม้าคันใหญ่จอด หยางหลีเหว่ยก็เดินลงมาเป็นคนแรก หลี่หยวนหยวนอดจะตื่นเต้นมิได้ นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้มาเยือนจวนสกุลหลี่ ในหัวมีภาพความทรงจำค่อยๆ หลั่งไหลเข้ามา
“คารวะท่านอ๋อง คารวะหวางเฟย” คนทั้งหมดทักทายพร้อมกัน
“ท่านอ๋อง เชิญข้างใน” ท่านป๋อยืดอกขึ้นเมื่อเห็นว่าชาวเมืองมาคอยยืนดูการมาเยือนของหนิงเฉิงอ๋อง
การได้เป็นพ่อตาของวีรบุรุษผู้เลื่องลือเห็นแดนใต้นับว่าได้หน้าได้ตาอย่างยิ่ง เดิมที่จวนสกุลหลี่ที่นำโดยหลี่เหวินจั๋วมิได้มีความโดดเด่นแต่อย่างใด บรรดาศักดิ์ป๋อได้มาเพราะการสืบต่อจากบิดาที่สร้างคุณูปการในสำนักหมอหลวงเอาไว้มาก แต่พอมาถึงหลี่เหวินจั๋วที่ได้เป็นเพียงขุนนางขั้นเจ็ดแห่งกรมพิธีการ จวนสกุลหลี่ก็เท่ากับถอยหลังเข้าคลอง ไม่เพียงตำแหน่งขุนนางที่ต้อยต่ำแต่เงินทองในจวนก็ยังหร่อยหรอ
“อืม” ชายหนุ่มสูงสง่าใบหน้าไร้รอยยิ้มพยักหน้ารับ
“หวางเฟย เชิญข้างในเถิด” หลี่ฮูหยินเห็นลูกเลี้ยงยืนนิ่งก็รีบร้องเตือน
หลี่หยวนหยวนที่กำลังกวาดตามองคนที่ยืนอยู่รอบๆ อย่างตื่นใจพลันได้สติ หันไปมองหน้าแม่เลี้ยงของตนแล้วยิ้มน้อยๆ
หลี่ฮูหยินผู้มีนามจริงว่า ‘จ้งหง’ ผู้นี้ กริยามารยาทนับว่าเพียบพร้อมสมกับเป็นบุตรสาวจากสกุลใหญ่ ต่อหน้าทุกคน นางคือแม่เลี้ยงที่แสนดี เสื้อผ้า อาหาร จัดหาให้กับลูกเลี้ยงไม่ขาด ทว่าลับหลังกลับยุแยงให้ทำตามใจ
“ขอบคุณท่านแม่”
ในความทรงจำของหลี่หยวนหยวน แม่เลี้ยงผู้นี้คอยตามใจนางทุกอย่าง ไม่อยากฝึกเขียนอักษรอ่านตำราก็ไม่ต้องทำ ซ้ำยังคอยให้ท้าย
‘มิน่าเล่า หลี่หยวนหยวน เจ้าจึงกลายเป็นสตรีโง่เง่าเช่นนี้’
สายตาของคนในครอบครัวมองมายังหลี่หยวนหยวนด้วยเวทนา ด้วยนิสัยของหลี่หยวนหยวนที่เอาแต่ใจและไม่รู้จักมารยาท อีกไม่นานคงจะถูกท่านอ๋องแซ่หยางผู้นี้ทอดทิ้ง
“พี่หญิง ท่านก็มาด้วยหรือ” หลี่หยวนหยวนหันไปด้านข้าง พี่สาวคนโตของนางนามว่า ‘หลี่หลาน’ เป็นบุตรที่เกิดจากอนุภรรยาที่เคยเป็นสาวใช้ข้างห้องของบิดา
“ท่านอ๋องหยางมาเยือนจวนทั้งที ข้ากับท่านพี่ต้องอยากมาต้อนรับอยู่แล้ว” นางปรายตาไปทางสามี
ใต้เท้าซูสามีของหลี่หลานเป็นบุรุษที่ไม่มีสิ่งใดโดดเด่น รูปร่างหน้าตาก็ธรรมดา ความสามารถก็พื้นๆ อาศัยว่าครอบครัวพอมีเส้นสายจึงได้เข้าทำงานในกรมคลังตำแหน่งขุนนางขั้นแปด คนผู้นี้ดูซื่อๆ ไร้พิษภัย เห็นทีคงจะถูกหลี่ฮูหยินเรียกให้มาต้อนรับท่านอ๋องเพื่อเอาหน้า
ในห้องโถงใหญ่จวนสกุลหลี่มีเพียงคนในครอบครัวนั่งเรียงราย ก่อนหน้านี้สกุลหลี่เคยมีสี่ครอบครัวอยู่ร่วมกัน ทว่าหลังจากติงเจินมารดาของ หลี่หยวนหยวนเสียชีวิต พี่น้องของท่านป๋อหลี่ที่เป็นครอบครัวสายรองก็พากันของแยกบ้านไปตั้งจวนแยก ความจริงคือ พวกเขากลัวว่าท่านป๋อหลี่ที่เป็นผู้นำตระกูลจะพาพวกเขาล่มจม
ในสายตาของคนภายนอก จวนป๋อหลีค่อนข้างมีฐานะเพราะเคยเห็นการใช้จ่ายเงินของหลี่เหวินจั๋ว แต่บัดนี้ไม่มีทั้งฮูหยินผู้เฒ่าและติงเจินแล้ว การเงินภายในของครอบครัวนี้ค่อนข้างตึงมือ
หลี่เหวินจั๋วแนะนำคนในครอบครัวให้หยางหลีเหว่ยได้รู้จัก วันนี้อนุภรรยาและบุตรของพวกนางได้รับอนุญาตให้ออกมาต้อนรับท่านเขยรองด้วย อนุจี้กับอนุจางจึงแต่งกายอย่างงดงามไม่แพ้ภรรยาเอกอย่างจ้งหง
“เสี่ยวหลานได้ยินว่าท่านอ๋องกับหวางเฟยจะมาก็เลยมารออยู่ตั้งแต่เช้า นางนำเอาปลาทับทิมที่เลี้ยงในจวนสกุลซูมาด้วย ข้าเลยสั่งให้พ่อครัวทำปลาราดพริกและน้ำแกงด้วย หวังว่าท่านอ๋องจะชอบ”
หลี่หลานได้แต่ก้มหน้า นางถูกท่านแม่ใหญ่ ผู้นี้บังคับให้ขอปลาทับทิมจากสระที่บ้านแม่สามีมาด้วยต่างหาก
“ขอบคุณพี่หญิงมากที่มีน้ำใจกับพวกเรา” หลี่หยวนหยวนเห็นอ๋อง หยางฟังเงียบๆ จึงรีบเอ่ยเพื่อให้พี่สาวของนางได้หน้าบ้าง
หลี่หลานผู้นี้อยู่ในจวนอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว นางเกิดก่อนหลี่หยวนหยวนเพียงหนึ่งปี แต่นั่นก็ทำให้ผู้คนติฉินนินทาท่านป๋อหลี่ว่าไร้ระเบียบ ปล่อยให้อนุภรรยาตั้งครรภ์ก่อนภรรยาเอก
ในฐานะหลานคนแรกหลี่หลานได้รับความเมตตาจากฮูหยินผู้เฒ่าจึงได้ศึกษาเล่าเรียนศาสตร์ที่สมควรแก่การเป็นคุณหนูใหญ่สกุลหลี่ นางแต่งไปกับใต้เท้าซูตั้งแต่อายุสิบห้า บัดนี้ก็มีบุตรชายตัวน้อยแล้วถึงสองคน
“ท่านอ๋อง ข้าเพิ่งให้บ่าวรับใช้ไปซื้อขนมจากภัตตาคารตู้จินมา ท่านลองชิมกับชาหรงจิ่งดูสิ เข้ากันมากเลยทีเดียว” หลี่เหวินจั๋วผายมือไปยังจานขนมเพื่อเชื้อเชิญบุตรเขยสูงศักดิ์
“อืม” หยางหลีเหว่ยรับคำเบาๆ เขาปรายตาไปทางจานขนมแล้วไม่ขยับหยิบตามคำเชิญ
“ขนมจากภัตตาคารหรือเจ้าคะ” หลี่หยวนหยวนมองดูขนมในจานแล้วหยิบขึ้นมาชิมคำหนึ่ง “อร่อยจริง”
“ดูเจ้าทำเข้า นี่เป็นของโปรดของเจ้านี่นา ขนมถั่วกวนแปะแผ่นทองต้องสั่งจองล่วงหน้าหนึ่งวันถึงจะได้มา พ่อสั่งมาไว้เผื่ออีกสองกล่องให้เจ้านำกลับไปมอบแด่ไท่เฟยด้วย”
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านพ่อ”
ครั้นได้กินขนม หลี่หยวนหยวนค่อยรู้สึกว่าบิดาของนางก็ไม่เลวเลยทีเดียว อย่างน้อยก็ยังจดจำสิ่งที่บุตรสาวชอบกินได้
หยางหลีเหว่ยเหลือบตามองภรรยาแวบหนึ่ง เขาไม่ได้เต็มใจจะมาที่นี่ หากมิใช่เพราะต้องทำตามสัญญากับท่านป๋อหลี่ให้ครบ เขาไม่มีทางจะมานั่งอยู่ต่อหน้าคนพวกนี้
“ท่านอ๋อง พวกเราคงมิได้ต้อนรับบกพร่องไปหรอกนะ” จ้งหงยิ้มน้อยๆ
“หลี่ฮูหยิน เกรงใจเกินไปแล้ว” ขณะเอ่ยตอบ หยางหลีเหว่ยไม่แม้แต่จะมีรอยยิ้ม คำพูดนี้ฟังแล้วก็เพียงเป็นไปตามมารยาท
จ้งหงมองดูหลี่หยวนหยวนกับอ๋องหยางที่ดูห่างเหิน ต่างคนต่างนั่งนิ่งแทบจะไม่หันไปสบตากันก็พอจะรู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ดีนัก ช่างสมใจนางเสียจริง บุตรีของภรรยาเอกคนเก่าของหลี่เหวินจั๋วผู้นี้นับเป็นหนามตำใจมาช้านาน
ตั้งแต่นางแต่งเข้ามาในจวนนี้ สามีก็เอาแต่พูดถึงภรรยาคนเก่าให้นางฟัง นานวันเข้ากลายเป็นการกดข่มตัวนางให้ต้อยต่ำ เขามักชื่นชมว่าติงเจินนั้นจัดการจวนได้ดีอย่างไร้ที่ติ ทำให้เขามีความเป็นอยู่สุขสบายและมีเงินทองใช้จ่ายอย่างสบายมือ ส่วนนางนั้นทำได้เพียงใช้จ่ายเงินไปวันๆ ทำให้เบี้ยหวัดของเขาไม่เหลือไว้เสพสุขเช่นแต่ก่อน
จ้งหงขุ่นเคืองสามี และนำความคับแค้นมาลงที่บุตรสาวของภรรยาเก่าด้วยการเลี้ยงให้หลี่หยวนหยวนเสียผู้เสียคน บัดนี้ดูท่าชีวิตแต่งงานของลูกเลี้ยงผู้นี้คงเข้าใกล้หายนะ
**************
