บทที่ 2 สนมปลายแถว (2/2)
ร่างสูงสง่าลุกขึ้นยืนอย่างองอาจ ดวงพระเนตรคมคาย ไม่แม้แต่จะชายแลสตรีที่ยังคงยืนนิ่งราวกับถูกสาป
“พิธีเสร็จสิ้นแล้ว แยกย้าย หลี่กงกงส่งหลัวกุ้ยเหรินไปที่ตำหนักอีเอิน”
สุรเสียงนั้นดังแผ่ว แต่ยังคงทำให้ผู้คนหูผึ่งได้อีกครั้ง ตำหนักอีเอินเป็นเช่นไรมีหรือที่พวกเขาจะไม่รู้ เห็นทีฝ่าบาทคงคิดจะตัดความสัมพันธ์ที่มีมาอย่างยาวนานกับตระกูลน่าหลันเสียแล้วกระมัง
ฮ่องเต้เสด็จออกจากตำหนักไปอย่างไม่ไยดี ทิ้งเอาไว้เพียงสายตานับสิบจากบรรดาสนมที่จับจ้องนางราวกับสุนัขจิ้งจอกมองเห็นเหยื่ออันแสนโอชะ ใบหน้าที่เคยยิ้มเจื่อนกลับเปลี่ยนเป็นยิ้มเยาะเย้ย สีหน้าของพวกนางเต็มไปด้วยความสะใจ
“หลัว...กุ้ยเหริน พวกข้ายินดีต้อนรับเจ้าเข้าสู่วังหลัง” หลายเสียงเรียกขานทินนามที่ฝ่าบาทประทานให้ ด้วยเสียงเสียดหู
ฟู่เหยียนจิ้งในร่างของน่าหลันซือหนิงได้แต่กัดฟันแน่น เดิมทีนางก็เป็นคนไม่ยอมคนอยู่แล้ว ในเมื่อบทละครที่เคยได้อ่านกลับไม่เป็นไปตามนั้น มันก็ไม่สำคัญอีกต่อไป สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเอาตัวรอดจากฝูงหมาป่าที่รอขย้ำจะดีกว่า
ดูจากสายตาที่จงเกลียดจงชังเหล่านั้น น่าหลันหย่าหลิงผู้เป็นพี่สาวคงจะกระทำเรื่องเลวร้ายเอาไว้มากมาย ‘บาปกรรมของพี่สาว
กลับเป็นน้องสาวที่ต้องชดใช้’ แบบนี้มันใช่ที่ไหนกัน เห็นทีนางคงต้องเดินไปตามเส้นทางของตัวเอง
“หลัวกุ้ยเหริน เชิญทางนี้พ่ะย่ะค่ะ”
หลี่กงกงผายมือเชื้อเชิญนางไปยังตำหนักอีเอิน นางจึงเดินตามขันทีผู้นั้นไปด้วยสีหน้าที่ไม่สื่ออารมณ์ใดออกมา เส้นทางลาดยาวลัดเลาะไปตามตำหนักใหญ่โตทั้งหกแห่งวังหลัง แต่นั่นไม่ใช่ตำหนักของนาง น่าหลันซือหนิงยังคงเดินต่อไป จนกระทั่ง
“พระสนมนี่คือตำหนักของพระองค์พ่ะย่ะค่ะ อาจจะเก่าไปเสียหน่อย แต่หากพระองค์ทำให้ฝ่าบาทโปรดปรานได้ ก็จะได้ย้ายไปตำหนักใหม่อย่างเร็ววัน กระหม่อมขอตัว” ขันทีส่งยิ้มกว้างให้แก่นาง
“กงกง นี่เรียกว่าตำหนักอย่างนั้นหรือ ข้าว่าคอกม้ายังสภาพดีกว่านี้เป็นร้อยเป็นพันเท่า!”
น่าหลันซือหนิงกระแทกเสียงด้วยความไม่พอใจ หลังจากที่เห็นสภาพอันแสนยับเยินของตำหนักที่ไม่สมควรจะเรียกว่าตำหนัก มันทั้งเก่า ผุพัง จนไม่รู้ว่านั่ง ๆ นอน ๆ ไป เสาไม้จะหล่นลงมาทับหัวตายหรือไม่
“ไม่เอาน่าพระสนม สำรวมกิริยาหน่อยเถอะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมทูลลา” หลี่กงกงรีบเดินหันหลังจากไปในทันที
น่าหลันซือหนิงนั่งลงบนพื้นหน้าตำหนักด้วยความขัดใจ หลังจากที่เฉินหมัวมัวเดินออกไปพร้อมกับหลี่กงกง เป็นนางเอกอยู่ในโลกของตัวเองก็ดีอยู่แล้ว เหตุใดต้องตาย ตายแล้วไม่ว่า ซ้ำร้ายต้องมาเกิดใหม่ในร่างของตัวละคร พล็อตเรื่องก็กลับตาลปัตรไปเสียหมด
ใบหน้าได้รูปขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นจนแทบจะเป็นปม นิ้วมือเรียวบางเขี่ยดินเล่นระบายอารมณ์ แต่เมื่อตกตะกอนความคิด ในเมื่อไม่มีหนทางหลีกหนี ก็ต้องเผชิญหน้ากับมัน ถือว่าเป็นเรื่องท้าทายในชีวิต
ยามนี้นางเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าวังหลังคือสนามรบอย่างแท้จริง แม้ว่าทุกสิ่งจะเริ่มต้นด้วยการถูกดูแคลน แต่คนอย่างฟู่เหยียนจิ้งจะไม่มีวันยอมให้ผู้ใดรังแกย่ำยี หากหลังจากนี้น่าหลันซือหนิงที่เคยอ่อนแอจะเปลี่ยนไปก็อย่าได้กล่าวโทษ ชีวิตใครใครก็รัก
“หากข้ายังมีลมหายใจ วันหนึ่งข้าจะยืนอยู่เหนือพวกเจ้าทุกคน ส่วนพระองค์...จะได้รู้ว่า น่าหลันซือหนิง คือนางเอกหาใช่นางร้ายที่ฝ่าบาททรงเกลียดชัง” นางให้สัตย์สาบานในใจ ด้วยความหนักแน่น
[1] กุ้ยเหริน เป็นระบบลำดับชั้นของพระสนมในราชวงศ์ชิง
ถือเป็นตำแหน่งที่อยู่ในลำดับต้นของพระสนมระดับล่าง แต่ก็ยังถือว่ามีเกียรติและสามารถเข้าเฝ้าฮ่องเต้ได้