2. ไร้เงา (2)
“ขององค์ชายไป่เฉิงพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายเก็บมาถวายฮองเฮาทุกเช้า ตรัสว่าหากฮองเฮาได้กลิ่นหอมจะได้ตื่นขึ้นมาเร็วๆ กระหม่อมจึงนำมาวางข้างหมอนให้ทุกเช้าพ่ะย่ะค่ะ” ได้ยินขันทีฟ่งหนานพูดเช่นนั้น เสิ่นหนิงจินก็รู้สึกสะท้อนใจ นึกถึงเด็กชายวัยเพียงแค่ห้าหนาว
เจิ้งไป่เฉิงเป็นทายาทเพียงคนเดียวของฮ่องเต้เจิ้งเฟยอวี่ เกิดจากสนมขั้นเฟย เกาอันฝู หลังจากที่มารดาของเขาสิ้นลมไป หนิงจินก็ทูลขอองค์ชายมาเลี้ยงดู แต่ทั้งที่นางรับเขามาดูแลเพราะอยากเอาใจฝ่าบาท อยากให้สวามีหันมาสนใจตนเอง
แต่เด็กน้อยกลับนึกถึงนางถึงเพียงนี้
“ช่วยเรียกเขามาหาข้าทีนะ แล้ว…” ขันทีฟ่งหนานเงยหน้ามองรอรับคำสั่งถัดไป ทว่าเสียงหวานก็หยุดไว้เพียงเท่านั้น
เสิ่นหนิงจินตาร้อนผ่าว ก่อนที่สติสุดท้ายจะดับลงคิดว่าตนเองคงไม่มีชีวิตรอด ยังนึกเสียใจที่ตนเองโง่งม เฝ้าหวังจะได้รับความรักจากอีกฝ่าย ในเมื่อมีชีวิตรอดมาได้ นางก็ไม่ติดจะกลับไปเป็นเช่นนั้นอีก
แต่เมื่อคิดจะตัด ก็ต้องตัดบัวมิให้เหลือใย
“ฝ่าบาท เขามาเยี่ยมข้าบ้างหรือไม่” ริมฝีปากซีดเอ่ยถาม นี่จะเป็นคำถามสุดท้าย เป็นใยเส้นสุดท้าย หนิงจินอยากรู้ให้กระจ่างว่านางยังมีความหมายเพียงน้อยนิดสำหรับบุรุษผู้นั้นหรือไม่
“เอ่อ เพราะร่างกายของฮองเฮาอ่อนแอ หมอหลวงเลยมิให้ผู้ใดเข้าเยี่ยม เกรงว่าจะนำโรคจากด้านนอกมาแพร่พ่ะย่ะค่ะ” ขันทีฟ่งพูดติดๆ ขัดๆ ต่างจากเต๋อคุนที่กอดอกพ่นความจริงออกมาฉะฉาน
“ตอนนี้เลยพาเหล่าสนมออกไปเสพสุข ตั้งกระโจมล่าสัตว์อยู่นอกวังพ่ะย่ะค่ะ”
“เต๋อคุน ปากมากนัก!...มิได้เป็นเช่นนั้นหรอกเพคะ ฝ่าบาทคงจะมีกิจสำคัญต้องทำ” นางกำนัลอาวุโสพูดแก้ต่าง แต่มิได้ช่วยอันใด
“หึ!” หนิงจินแค่นหัวเราะใส่ตนเองที่หวังลมๆ แล้งๆ ขนาดจะตายต่อหน้าเขายังไม่ช่วย นับประสาอันใดกับแค่นอนป่วยอยู่ในตำหนัก
หนิงจินหนอหนิงจิน ยังคิดว่าเขาจะห่วงใยตนเองอยู่อีกหรือ
รอยยิ้มหยันปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่บิดเบี้ยว อดกลั้นไว้ได้ไม่นาน สุดท้ายน้ำตาก็ร่วงอาบหน้างามราวห่าฝน ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าตนไม่เคยได้รับความใส่ใจ แต่ก็ยังเฝ้ารอไม่ต่างจากขอทานที่รอเศษอาหาร
ช่างน่าสมเพชเสียจริง
“ฮองเฮาเพคะ”
“เพราะเหตุใดหรือแม่นมซู เหตุใดสิ่งที่ข้าทำเพื่อเขา มันถึงไร้ค่าในสายตาเขาเช่นนี้ ฮึก” จากบุตรีสกุลขุนนางที่มารดาตรอมใจตายตามพี่ชาย บิดาหนีไปบวช ทิ้งขว้างให้นางใช้ชีวิตเพียงลำพัง เมื่อมีคนหยิบยื่นโอกาสที่จะได้อยู่เคียงข้างชายที่รักมาให้ นางผิดหรือที่คว้าเอาไว้ ผิดนักหรือที่อยากมีที่พักพิง
เสิ่นหนิงจินเปลี่ยนแปลงตนเองทุกอย่าง ให้เป็นสตรีอย่างที่ทุกคนมองว่าดี ยอมถูกดุด่า กดดันสารพัด เพื่อให้ได้เป็นหงส์เคียงข้างมังกร แต่แทนที่นางจะได้รับความรัก ได้รับรอยยิ้มเอ็นดูเหมือนเมื่อก่อน มันกลับกลายเป็นความเฉยชา
ไม่ว่านางจะทำอย่างไร กระทั่งยอมเอาอกเอาใจสนมรักของอีกฝ่าย เจิ้งเฟยอวี่ก็ไม่แม้แต่จะมองนางด้วยสายตาอื่น เย็นชาเช่นไร ก็ยังเป็นเช่นนั้น
“ฮึก ข้าไม่รู้ว่าข้าทำสิ่งใดผิดนักหรือ เหตุใดอวี่เกอจึงได้เกลียดชังข้าถึงเพียงนี้” ร่างผอมสะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมแขนของซูถิง
บ่าวแก่นึกปวดใจตาม นางเลี้ยงดูฮองเฮามาตั้งแต่เกิด เคยเห็นพระนางร้องไห้ปานจะขาดใจเช่นนี้เพียงสามครั้ง
คราแรกคือวันที่คุณชายเสิ่นชุนสิ้นลม คราที่สองคือยามที่ฮูหยินตรอมใจตายตามคุณชายไป และคราที่สามคงเป็นครานี้ ขนาดวันที่นายท่านเสิ่นตัดสินใจออกบวช ทิ้งขว้างคุณหนูให้อยู่ลำพัง คุณหนูของนางก็เพียงน้ำตาซึมเท่านั้น
“ทูนหัวของบ่าว”
“ข้าเคยคิดว่าอย่างน้อยเขาก็คงเอ็นดูข้าอย่างน้องสาว ยังนึกถึงความสัมพันธ์ครั้งเก่าของพวกเรา ฮึก แต่มันมิใช่เลย”
“...”
“ในใจของเขา ไม่มีแม้แต่เงาของข้า มันไม่มีข้าอยู่ในนั้นตั้งแต่แรก ไม่ว่าจะในฐานะใด ฮึก” เสิ่นหนิงจินสะอึกสะอื้นต่อหน้าคนสนิททั้งสามอย่างไม่อาย
เนิ่นนานจนเกือบครึ่งชั่วยาม (1 ชั่วโมง) ดวงหน้าที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา บัดนี้แห้งเหือดเหลือเพียงคราบ นัยน์ตาโศกเศร้าเสียใจเปลี่ยนเป็นนิ่งเฉย ราวกับไม่รู้สึกรู้สากับสิ่งใด
“ดื่มชาก่อนพ่ะย่ะค่ะ น้ำในกายเสียไปมาก” ขันทีฟ่งหนานรินชายื่นให้ฮองเฮาของแคว้น
“เหอะ ก็เพราะฝ่าบาทของท่านขันที ฮองเฮาของข้าจึงทุกข์ใจเช่นนี้ หากครานี้ยังเข้าข้างกันอีก ท่านก็ไปอยู่กับนายเหนือหัวของท่านเสีย” อู่เต๋อคุนยังเด็ก อายุเพียงสิบหกหนาว จึงมิได้ทันระวังคำพูด
“ท่านองครักษ์พูดเกินไปแล้ว ข้าอยู่ตำหนักใด นายข้าย่อมเป็นผู้นั้น...เห็นฮองเฮาทุกข์ใจ กระหม่อมเองก็ทุกข์ใจไม่ต่างกัน” ขันทีฟ่งขยับเข้าใกล้แท่นบรรทม นั่งหมอบ เงยหน้ามองนายอยู่อย่างนั้น
จริงอยู่ว่าเขาพึ่งมารับใช้ฮองเฮา มิได้ติดตามมาอย่างซูถิงและเต๋อคุน แต่เขาก็รักและเคารพพระนางไม่ต่างกัน
“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าทุกข์ใจเพราะข้ามามาก อภัยให้ข้าด้วย แต่ต่อจากนี้มันจะไม่เป็นเช่นนั้นอีกแล้ว” สายตาเฉยชาและล่องลอย ทำเอาทั้งสามหันมองหน้ากันอย่างหวั่นใจ
“...”
“ครั้งนี้ข้าพอแล้ว ในเมื่อในใจของเขาไม่มีแม้แต่เงาของข้า”
“...”
“ข้าก็ไม่คิดจะผูกชีวิตไว้กับเขาอีก”