7 คุณหนูผู้ดุร้าย
เป็นอันว่าแผนการคว้าหัวใจของแม่ทัพเฉาล่มสลายไม่เป็นท่า พวกบ่าวไพร่มารายงานให้นางรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างที่เรือนสายลมโปรยของเฮ่อหยวนฮวา
พวกนางบอกว่า แม่ทัพเฉาอุ้มคุณหนูรองไปส่งที่ห้องพัก ในระหว่างทางคุณหนูรองที่หมดสติก็ฟื้นขึ้นมาและพบว่าตนนั้นอยู่ในอ้อมแขนของชายหนุ่ม แทนที่แม่ทัพเฉาจะปล่อยนางให้ลงเดิน แต่เขากลับกระชับนางแน่นกว่าเดิม พูดคุยโต้เถียงกันอยู่เล็กน้อย สีหน้าของเฉาเสวียนอวี้ในเวลานั้นยิ้มแย้มแจ่มใส พวกบ่าวไพร่ยังบอกอีกว่า นั่นเป็นรอยยิ้มของท่านแม่ทัพที่ไม่ได้พบเห็นมานานแรมปี
เมื่ออุ้มไปจนถึงเรือนสายลมโปรย ก็อยู่พูดคุยกันสักพักหนึ่ง ราว ๆ หนึ่งถ้วยชาเท่านั้น จากนั้นก็ขอตัวกลับ โดยบอกกับฮูหยินเอาไว้ว่า หากมีเวลาเขาจะมาเยี่ยมคุณหนูรองอีกครั้ง จากนั้นก็กลับออกไปด้วยใบหน้าที่เคลือบไปด้วยรอยยิ้ม
ครั้นฟังสิ่งที่บ่าวไพร่รายงานแล้ว เฮ่อฟู่หลิงก็รีบรุดไปที่เรือนสายลมโปรยของเฮ่อหยวนฮวาในทันที
วันนี้ท่านพ่อไม่อยู่ ใครก็ขวางทางนางไม่ได้ ในมือของหญิงสาวมีแส้หนังเส้นยาวอยู่เส้นหนึ่ง มันเป็นอาวุธคู่กายและเป็นสิ่งที่นางมักจะใช้มันระบายอารมณ์กับบ่าวไพร่อยู่เสมอ
บ่าวไพร่คนอื่น ๆ เมื่อรู้สถานการณ์ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็รีบวิ่งไปรายงานให้คุณหนูรองระมัดระวังตัว
“คุณหนู... คุณหนูรองแย่แล้วเจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้”
เมื่อรับรู้ เฮ่อหยวนฮวาก็ตัวสั่นอย่างหวาดกลัว “พี่ใหญ่ พี่ใหญ่จะมาที่นี่งั้นหรือ” ผู้เป็นน้องสาวตกอยู่ในอาการหวาดหวั่นน่าสงสาร
“ไม่เป็นไรนะเจ้าคะ คุณหนู พวกเราจะปกป้องท่านเอง” บ่าวรับใช้หลายคนรีบเอาตัวเข้าไปขวาง บ้างก็วิ่งไปปิดประตูเรือน หมายจะสกัดกั้นมิให้คุณหนูใหญ่เข้ามาที่นี่ได้
คุณหนูรองของพวกนางเป็นคนดี อ่อนโยน มีเมตตา ช่วยเหลือบ่าวไพร่ที่กำลังตกทุกข์ได้ยากอยู่ร่ำไป แถมไม่เรื่องมาก กับพวกนางไม่เคยทำให้ลำบากใจ แตกต่างจากคุณหนูใหญ่ที่เอาแต่หาเรื่องรังแกพวกนาง
คุณหนูรองเป็นคนดีไม่ควรถูกรังแก ดังนั้นแล้วพวกนางจะต้องปกป้องนางให้ได้ อย่างไรวันนี้ก็จะไม่ยอมให้คุณหนูรองได้รับบาดเจ็บเป็นอันขาด
เฮ่อฟู่หลิงมาจนถึงเรือนสายลมโปรย ประตูเรือนถูกปิดสนิท นางทุบประตูไม้บานใหญ่เสียงดังลั่น
“เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ เฮ่อหยวนฮวา!! ข้ารู้นะว่าเจ้าอยู่ในนั้น” นางตะโกนเสียงดังลั่น คงจะมีใครสักคนนั่นแหละที่วิ่งโร่มารายงานให้พวกนางรู้ตัว
บ่าวรับใช้คนอื่นมิกล้าปริปากส่งเสียงออกไปแม้แต่พยางค์เดียว เพราะหวั่นเกรงว่าเป้าหมายจะกลายเป็นพวกตน
“เปิด!!! เปิดเดี๋ยวนี้” เฮ่อฟู่หลิงทั้งทุบทั้งเขย่าประตู แต่คิดว่าคนด้านในคงจะขัดกลอนอย่างเร่งรีบ ทำให้นางผลักอีกไม่กี่ครั้ง ประตูไม้บานใหญ่ก็ถูกเปิด
ผู้เป็นพี่สาวเห็นแล้วจึงตรงดิ่งเข้าไปยังห้องนอนของเฮ่อหยวนฮวา บ่าวรับใช้หลายคนยืนกั้นประตูเอาไว้
“พวกเจ้าถอยไปเดี๋ยวนี้” เฮ่อฟู่หลิงฟาดแส้หนังลงบนพื้นเกิดเสียงดังสนั่นไปทั่วทั้งบริเวณ
“คุณหนูใหญ่... มีอะไรค่อย ๆ พูดจากันนะเจ้าคะ คุณหนูรองไม่ได้ทำความผิดอะไรทั้งนั้น” หญิงรับใช้ผู้หนึ่งเอ่ยเสียงสั่น
“เจ้าเป็นใคร... ข้าเป็นใคร กล้าออกคำสั่งกับข้างั้นเหรอ?” สิ้นประโยคนั้นนางก็ตวัดแส้ขึ้นกลางอากาศฟาดลงไปบนแผ่นหลังของหญิงรับใช้
“กรี๊ดด....” หญิงรับใช้นางนั้นกรีดร้องอย่างน่าสงสาร และไม่ใช่แค่คนเดียวแต่ยังมีอีกหลายคนถูกลูกหลงจากโทสะของคุณหนูใหญ่ไปตาม ๆ กัน
“คุณหนูใหญ่ อย่ารังแกคุณหนูรองอีกเลยนะเจ้าคะ นางร่างกายอ่อนแอ เพิ่งหายป่วยได้เพียงไม่กี่วันเท่านั้น หากถูกท่านทำร้ายอีกนางต้องตายแน่ ๆ”
หญิงรับใช้หลายคนคุกเข่าลงบนพื้น อ้อนวอนขอร้องให้ยุติการทำร้ายคุณหนูรองของพวกนาง
การกระทำของหญิงรับใช้พวกนี้ ยิ่งทำให้เฮ่อฟู่หลิงเดือดดาลยิ่งกว่าเดิม นั่นเท่ากับว่าบ่าวไพร่ในจวนโหวทั้งหมดอยู่เคียงข้างนางเช่นนั้นหรือ?
“ดี... งั้นวันนี้ข้าจะสั่งสอนพวกเจ้าไปพร้อม ๆ กัน”
เจ้าของใบหน้างดงาม ฟาดแส้หนังใส่พวกเขาอย่างป่าเถื่อน หญิงรับใช้ บ่าวไพร่และคนงานต่างก็ส่งเสียงร้องโอดโอยอย่างน่าสงสาร
“ข้าคือพระนัดดาแห่งฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน มารดาของข้าคือองค์หญิงอันหนิง ท่านน้าของข้าคือฝ่าบาท บิดาของข้าคือเฮ่อโหวแห่งแผ่นดินอวิ๋นโจว พวกเจ้าไม่รู้ที่ต่ำที่สูง พวกเจ้าเป็นแค่บ่าว กล้าดีอย่างไรถึงได้มาเสนอหน้าช่วยเหลือคนเช่นเฮ่อหยวนฮวา”
เสียงแส้หนังแหวกอากาศกระทบกับเนื้อหนัง ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของบรรดาบ่าวไพร่ ดังลั่นไปทั่วทั้งบริเวณ เฮ่อหยวนฮวาที่หลบอยู่ในห้อง ครั้นได้ยินเสียงของบ่าวไพร่ที่กำลังลำบาก ก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไป นางจะปล่อยให้พวกเขาที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้นั้นเดือดร้อนไม่ได้
เมื่อตัดสินใจแล้ว นางก็พุ่งหนีออกจากกลุ่มหญิงรับใช้ที่เอาตัวเองเป็นปราการป้องกันภัยให้แก่นาง เปิดประตูห้องนอนออกไปเผชิญหน้ากับพี่สาว
“พี่ใหญ่... พวกเขาเป็นแค่บ่าว ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ข้าอยู่นี่ หากท่านอยากระบายอารมณ์ก็มาลงที่ข้า”
“ดี!! ในเมื่อเจ้าเป็นฝ่ายพูดเอง ถ้าอย่างนั้นข้าจะจัดการเจ้าเลยก็แล้วกัน” กล่าวจบเฮ่อฟู่หลิงก็พุ่งตัวไปที่น้องสาวของตนเอง พลิกข้อมือเปลี่ยนวิถีของแส้หนังหมายจะทำร้ายนาง “เจ้าอ่อยแม่ทัพเฉา ให้ท่าเขาใช่หรือไม่ เจ้าก็รู้ว่าข้ากำลังสนใจเขา กล้าดีอย่างไรมาแย่งของของข้ากัน” เสียงของเฮ่อฟู่หลิงดังลั่นไปทั่วทั้งบริเวณ
ในเวลาเดียวกันนั้น ก่อนที่แส้หนังของเฮ่อฟู่หลิงจะฟาดลงบนร่างกายบอบบางของผู้เป็นน้องสาว กระบี่ของคนผู้หนึ่งก็พุ่งเข้ามาขวางทางเอาไว้ ฟาดฟันจนแส้หนังพระราชทานของนางขาดออกเป็นส่วน ๆ ส่งผลให้ผู้ใช้เซล้มลงเพราะไม่ทันได้ระวังตัว
“ใครกัน!!!” หญิงสาวหันซ้ายขวามองหาเจ้าของกระบี่เล่มนั้น ไม่นานเงาร่างสูงใหญ่สวมชุดสีดำสนิทก็ปรากฏตัว ร่างสูงทะยานลงจากหลังคาเรือนสายลมโปรย คว้ากระบี่ของตนกลับคืนสู่ฝัก
