บท
ตั้งค่า

ไอดอลญี่ปุ่น

‘เราไม่สามารถประกาศทั่วตึกได้’ ผมคิดในใจ ซึ่งในตอนนี้ผมลงมาที่ชั้น Lobby คนเดียว ส่วนครอบครัวของผมกำลังค่อยๆเคลียร์ไปวันละชั้น โดยมีหงส์คอยนำให้ เอสเองก็ประกบคู่ไปกับหงส์ ส่วนพ่อคอยซัพพอร์ตอยู่เบื้องหลัง สุดท้ายแม่ก็ยังไม่ได้ทำอะไรในช่วงแรก แน่นอนว่าผมไม่สามารถบังคับแม่ได้ถ้าแม่ยังไม่พร้อมจริงๆ

ซึ่งที่ผมไม่สามารถประกาศทั่วโรงแรม เพราะว่ามันจะทำให้พวกซอมบี้คลั่ง และมันอาจจะนำพามาสู่เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด โดยที่วันนี้เป็นวันแรกของการเคลียร์ชั้นอื่นๆในโรงแรม เราจะเข้าไปดูทุกๆห้องของโรงแรมเพื่อหาของใช้จำเป็นหรือผู้รอดชีวิต ที่จริงแล้วถ้าหากผมไปจัดการด้วยตัวเองคิดว่าคงจะใช้เวลาราวๆ 3 วัน แต่เพื่อฝึกให้พ่อและแม่คุ้นชิ้นกับพวกซอมบี้ คุ้นชิ้นกับการเสียชีวิตของพวกมัน ผมจึงปล่อยให้พวกเขาจัดการ รวมถึงผมต้องการฝึกให้หงส์ตัดสินใจแทนผม เอสเองก็เช่นกัน

ฮาาส กรร กรร

เสียงซอมบี้ขู่ร้องมากมายข้างหน้าทางเข้าโรงแรม โดยที่ผมได้ไปจัดการห้องต่างๆในชั้นแรกจนครบแล้ว บางห้องก็มีพวกซอมบี้แม่บ้าน หรือยาม ผมก็ฆ่าพวกมันไปทั้งหมดและเก็บเยลลี่สีเขียวมา รวมถึงไปปิดกั้นทุกๆทางที่พวกซอมบี้อาจจะเข้ามาได้

“แต่ถึงแม้ว่าจะพูดให้ฝึกที่นี่หนึ่งเดือน”

“ฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าพวกซอมบี้จะเกิดสภาวะ 'กระหาย' ตอนไหน” ซึ่งสภาวะกระหายก็คือพวกซอมบี้จะรวมตัวกันและทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อหาเหยื่อ พวกมันจะใช้การพูดคุยกันผ่านทางผลึกสีเขียวที่กำลังไหลไปรวมตัวกันใต้โลก พวกมันจะสามารถบอกต่อกันได้ว่าที่ไหนมีมนุษย์ และจะทำให้พวกซอมบี้ในบริเวณนั้นพากันไปรวมตัวกันที่นั่น

แต่กลับกัน ในตอนนี้พวกมันรุมล้อมเราไว้หมดแล้วและถ้าหากพวกมันอยู่ในสภาวะกระหาย จะทำให้พวกมันเริ่มทุบทำลายสถานที่แห่งนี้ ซึ่งมันจะเป็นเรื่องน่ากลัวอย่างมาก โดยที่ผมได้พยายามคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกมันจะเข้าสู่สภาวะกระหายก็ต่อเมื่อพวกมันไม่ได้กินอะไรมาเป็นเวลานานมากๆในระยะเวลา 20 วันขึ้นไป แต่พวกซอมบี้ที่ล้อมรอบพวกเราอยู่เป็นเพียงแค่เลเวล 1 พวกมันอาจจะยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะเข้ามาในโรงแรมได้

“แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะประมาทเช่นกัน” ผมกล่าวอีกครั้งจนในที่สุดผมก็ได้ปิดทางเข้าออกชั้น Lobby ไว้จนหมด ด้วยเฟอร์นิเจอร์ในชั้น Lobby ซึ่งมันก็สามารถทำให้ทางที่ถูกปิดกั้นนั้นแน่นหนากว่าเดิมมากๆ

ผลั่ก กรี๊ด!!

เมื่อมีเสียงทุบกระจก และเสียงร้องของผู้หญิง มันทำให้ผมหันไปในทิศทางนั้นทันที ซึ่งมันน่าจะเป็นชั้นที่ 3 ของโรงแรม บางทีอาจจะมีนกที่ติดเชื้อไล่จิกผู้รอดชีวิตก็เป็นได้ ผมจึงไม่รอช้าที่จะวิ่งขึ้นบันไดไปสู่ชั้น 3 ทันที

ฮาาส ฮาสส

เมื่อผมขึ้นมาถึงชั้นที่ 3 ผมก็ได้เห็นซอมบี้ 4 ตัวกำลังใช้มือและหัวของพวกมันในการโขกประตูห้อง ผมจึงเดินเข้าไปใกล้ๆพวกมันอย่างเงียบๆและใช้ขวานสับหัวของพวกมันทั้งสี่ในทันที และด้วยความว่องไวของผม ทำให้ผมสามารถฆ่าพวกมันได้อย่างง่ายดาย

ก็อกๆๆ

“ผมฆ่าพวกซอมบี้ไปหมดแล้ว” ผมเคาะประตูและกล่าวกับผู้รอดชีวิตที่อยู่ข้างใน เพราะผมเชื่อว่าการที่พวกซอมบี้มากรูกันอยู่หน้าประตูห้องนี้ แสดงว่าข้างในจะต้องมีเสียงอะไรหลุดออกมาอย่างแน่นอน

“…” ไม่มีเสียงตอบรับ และไม่มีท่าทางว่าจะมีใครอยู่ข้างในแม้แต่น้อย

‘หรือว่าพวกเขาจะเป็นคนต่างชาติ?’ ผมคิดในใจก่อนที่จะเคาะประตูอีกครั้ง

ก็อกๆ

“ผมฆ่าพวกมันตายหมดแล้ว"

“ผมเป็นมนุษย์” ผมกล่าวเป็นภาษาอังกฤษ

ฟึบๆ

ซึ่งในครั้งนี้มีท่าทางตอบรับจากอีกฝ่าย ดูเหมือนมันจะเป็นการขยับเขยื้อนที่ระวังเป็นอย่างมาก แต่ด้วยความที่ผมมีทักษะติดตัวเป็น SEN ทำให้ผมสามารถคาดเดาท่าทางของอีกฝ่ายได้ ซึ่งร่างนั้นก็ได้เดินมาถึงหน้าประตูห้อง

แกร๊ก

ลูกบิดประตูได้ถูกกดลงพร้อมกับประตูที่ค่อยๆเปิดอย่างช้าๆ แต่ในขณะนั้นเองผมก็ไม่เชื่อใจอีกฝ่าย ผมไม่สามารถรู้ได้ว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นมิตรหรือศัตรู ผมจึงผลักประตูและพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว

“กรี๊ด!-" ซึ่งมันทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งกระเด็นออกไปด้วยแรงผลักของผม ซึ่งเธอก็ได้ร้องออกมาด้วยความตกใจและนั่งถอยหลังอยู่บนพื้่นหลังด้วยความกลัว

ฮาสส กรรร!

เมื่อผมเข้ามาได้ผมก็รีบปิดประตูและสำรวจสิ่งมีชีวิตในห้องทันที แต่ก็มีซอมบี้ในห้องน้ำส่งเสียงขู่ผม ผมจึงไม่ได้สนใจเพราะประตูห้องน้ำถูกปิดอยู่ และซอมบี้คงไม่สามารถเปิดออกมาเองได้อย่างแน่นอน

‘ซอมบี้ 3 ตัว’

‘ห้องน้ำสองระเบียงหนึ่ง’

‘ในห้องไม่มีใครนอกจากเธอ’ เมื่อผมสำรวจห้องเรียบร้อยจึงค่อยๆปล่อยวางลงแต่เมื่อสัมผัสได้ถึงการถูกจ้องมองจากเบื้องหลังรวมทั้งการขยับ SEN ได้ตอบสนองและทำให้ผมรีบหันหลังไปทันที

หมับ ฟิ้วว ตึกๆ

“จะทำอะไร?” ผมกล่าวด้วยภาษาอังกฤษเมื่อหญิงสาวคนนั้นพยายามจะใช้กระเป๋าของเธอทุบหัวผม ผมจึงจับข้อมือของเธอและเหวี่ยงออกไปอย่างเต็มแรง ร่างของเธอจึงล้มลงพื้นอีกครั้งพร้อมกับกระเป๋าของเธอที่กระเด็นไปกระทบกับกระจกระเบียง ซอมบี้ที่อยู่ตรงนั้นจึงส่งเสียงออกมาอีกครั้ง

ฮาาส!

“อย่ายุ่งกับฉัน!อย่าเข้ามา!” เธอกล่าวออกมาด้วยภาษาอังกฤษเช่นกันและพยายามหยิบสิ่งของรอบตัวของเธอเขวี้ยงใส่ผม ส่วนผมก็ได้รับสิ่งของพวกนั้นมาและวางมันลงบนเตียงอย่างง่ายดาย

‘หน้าตาคุ้นๆจังนะ’ ผมคิดในใจและเดินเข้าไปหาเธอเรื่อยๆจนหยุดลงเมื่อเธอไม่มีอะไรให้ปาใส่ผมแล้ว

“มีกล้องอยู่ด้วย” ผมกล่าวเมื่อได้มองดูสิ่งของรอบห้องอีกครั้ง ซึ่งมันมีกล้องที่อยู่บนขาตั้งกล้อง 2 ตัว มุมซ้ายและขวาของห้อง ทั้งยังมีกล้องที่ใช้มือจับอีกหนึ่งตัวบนโต๊ะ

‘เธอคงจะเป็นหนึ่งในวงไอดอลจากญี่ปุ่น’ ผมคิดในใจเมื่อลองนึกหน้าของเธอดู ซึ่งผมเคยเห็นเธอถูกนำมาสร้างคอนเทนต์โพสลงเฟสบุ๊คบ่อยๆ

“ชาเบตะ” ผมกล่าวชื่อในวงการของเธอออกไป มันทำให้เธอค่อยๆลดการป้องกันลงเล็กน้อยและเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม

‘เธอคงจะเสียสติอยู่ในตอนนี้’ ผมคิดในใจเกี่ยวกับท่าทางของเธอที่สั่นกลัวและสายตาที่หวาดระแวงขั้นสุด

“อย่างแรกผมจะจัดการซอมบี้ให้ก่อน” ผมกล่าวก่อนที่จะมองไปนอกระเบียง และผมก็เดินไปหามันพร้อมกับเปิดประตูเลื่อนตรงระเบียงและใช้ขวานสับหัวของมันในทันที

“อีกสองตัว” ผมกล่าวและเดินกลับเข้ามาในห้องเดินตรงไปที่ห้องน้ำ เปิดประตูห้องน้ำ

กรร กรร ฉึก ฉับ!

เมื่อผมเปิดประตูห้องน้ำ ซอมบี้ตัวนึงก็ได้ยื่นแขนออกมาหวังจะจับร่างของผม แต่ผมก็ได้ถีบมันออกไปและใช้ขวานจามหน้าอีกตัวนึง ก่อนที่จะเดินเข้าไปหาตัวที่ล้มลงพื้นเพราะโดนผมถีบ และใช้ขวานของผมเฉาะไปที่หัวของมัน

“จบ" ผมกล่าวและหยิบเยลลี่สีเขียวมาจากสมองของทั้งสองตัวในห้องน้ำพร้อมกับเดินออกมา โดยสิ่งที่ผมกระทำไปทั้งหมดนั้นมันแสดงให้เธอเห็น ว่าผมสามารถจัดการพวกซอมบี้ได้อย่างง่ายดาย

“คุณลุกขึ้นมานั่งดีๆ” ผมกล่าวเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งการฆ่าพวกซอมบี้โดยไม่ลังเลของผมทำให้เธอเริ่มกลัวผม และเชื่อฟังคำสั่งของผมอย่างเคร่งครัด โดยการพยุงตัวลุกขึ้นมานั่งบนเตียง แต่ก็ยังคงระแวงผมอยู่

“คุณ…ยัง…โอเค…ไหม?” ผมอ่านข้อความที่อยู่บนกระดาษ A4 ซึ่งกระดาษนั้นถูกปล่อยลงมาจากชั้นบน ทำให้ผมสามารถเห็นมันผ่านหน้าต่างกระจกได้

“มีคนคอยช่วยเหลือเธออยู่สินะ” ผมกล่าวอีกครั้งเมื่อเธอได้หันหลังกลับไปอ่านข้อความบนกระดาษเช่นกัน มันทำให้เธอถึงกับสะดุ้ง

“คุณต้องการอะไร?” ในที่สุดเธอก็กล่าวออกมา ซึ่งเธอกล่าวเป็นภาษาอังกฤษ

“ค้นหาผู้รอดชีวิตและกำจัดซอมบี้" ผมกล่าวตอบเธอไปในทันทีพลางเช็ดรอยเลือดบนเสื้อและบนขวานของผม

“ผมเดาว่าอาหารของคุณคงจะหมด”

“รวมถึงการเอาชีวิตรอดของคุณคงจะลำบากน่าดู” ผมกล่าว ซึ่งสามารถสังเกตได้จากท่าทางอ่อนแอของเธอและรอบๆห้องมีแต่อาหารที่ถูกกินจนไม่เหลือแล้ว เหลือเพียงแต่ภาชนะใส่อาหาร ส่วนห้องน้ำที่เป็นปัจจัยสำคัญยังไม่สามารถเข้าได้ เธอน่าจะไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเวลานานรวมถึงการปลดทุกข์?

ซึ่งบางทีมันอาจจะเป็นกระเป๋าเดินทางที่เธอใช้ในการปลดทุกข์ เพราะผมพอจะได้กลิ่นแปลกๆมาจากในกระเป๋า เนื่องจากเธอเองก็ไม่สามารถออกไปนอกระเบียงได้เพราะมีซอมบี้อยู่ หากเธอจะสติแตกไปบ้างก็คงไม่แปลกเมื่อต้องทนอยู่กับสถานการณ์ที่น่ากลัวรอบทิศ และถูกขังอยู่ในห้องสี่เหลี่ยม

“เธอตอบพวกเขายังไงล่ะ?”

“ใช่…การเคาะกระจกหรือเปล่า?” ผมกล่าวออกไปตามที่ผมคิด มันทำให้เธอถึงกับตาโต

“ระ…รู้ได้ยังไง!?” เธอกล่าวออกมาด้วยความสงสัย

“…” ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไปแต่เดินไปที่กระจกหน้าต่างซะแทน

กึก

ผมเคาะกระจกไปเพียงครั้งเดียว ซึ่งมันทำให้กระดาษ A4 ที่ถูกร้อยด้วยเชือกลอยกลับขึ้นไปด้วยการดึง ผมได้ยืนมองอยู่สักพักก่อนที่จะมีกระดาษถูกหย่อนลงมาอีกครั้ง

“เราจะลงไปหาภายในหนึ่งชั่วโมง” ผมอ่านข้อความนั่นพร้อมกับยกมือขึ้นมาอีกครั้ง

“อย่า!-อื้อ!" เสียงผู้ชายร้องเตือนดังมาจากห้องด้านบน ซึ่งมันทำให้ผมหยุดชะงักทันทีก่อนที่จะได้ยินเสียงกระทบกันของเนื้อ ถ้าหากให้ผมเดาตามสถานการณ์ คนที่ตะโกนออกมาคงจะถูกทำร้ายอยู่แน่ๆ

“อยู่นิ่งๆ” ผมหันไปกล่าวกับหญิงสาวชาวญี่ปุ่นก่อนที่จะเปิดระเบียงหน้าต่างและขึ้นไปเหยียบบนกำแพงระเบียง

และดีที่มันมีเครื่องระบายความร้อนติดอยู่บนกำแพงระหว่างระเบียงของผมกับชั้นถัดไป ผมจึงกระโดดไปคว้าเหล็กนั้นไว้และใช้กำลังแขนยกร่างตนขึ้นไปเพื่อเหยียบบนเครื่องระบายความร้อน เมื่อผมดูท่าทีของห้องข้างบนว่าไม่มีใครอยูที่ระเบียงจึงกระโดดไปจับกำแพงระเบียงของห้องนั้นเอาไว้

ฟุบฟุบฟุบ เพล้งง

ผมได้โผล่หัวขึ้นไปเพียงครึ่งเพื่อดูสถานการณ์ และปรากฏว่าพวกคนในห้องมีอยู่ราวๆ 5 คน หนึ่งคนกำลังถูกซ้อมอยู่แนบพื้น ซึ่งในจังหวะนั้นผมก็ได้พุ่งเข้าไปในห้องโดยใช้ปลายขวานในการทำลายกระจกระเบียง พุ่งเข้าไปจัดการพวกมันทีละคน

“วางอาวุธลง!!” และในทันทีที่ผมจัดการไปได้หนึ่งคน พวกมันก็พุ่งตัวหลบถอยห่างผมก่อนจะยกปืนพกขึ้นมาเล็งที่ผม และสั่งให้ผมยอมแพ้

‘พวกมันไม่ใช่คนธรรมดา’

‘การแต่งตัวและท่าทางของพวกมัน’

‘น่าจะเป็นมาเฟีย’ ผมคิดในใจแต่ก็ไม่ได้คิดเรื่องจะยอมแพ้แม้แต่น้อย

ฉึบ

“อ๊ากกกก!!”

“หนีไป!” คนที่ถูกซ้อมเมื่อครู่ได้กัดขาคนที่อยู่ใกล้ตนที่สุด ทำให้พวกมันตื่นตระหนก ผมจึงใช้โอกาสนี้ในการโจมตีพวกมัน

ฉึก ปัง ปัง ฟุบ ฟิ้วว พลั่ก

ผมได้เขวี้ยงขวานไปหาคนที่เสียสมาธิจนขวานของผมได้เสียบเข้าไปที่กลางหัวของมัน ทำให้มันทรุดลงพื้นทันที และการขยับของผมทำให้พวกมันกลับมาสนใจผมอีกครั้งพร้อมกับยิงปืนใส่ผม แต่ด้วยความที่ผมได้วิวัฒนาการเกี่ยวกับความว่องไวแล้ว ผมจึงสามารถหลบกระสุนปืนได้และพุ่งไปเหยียบกำแพงพร้อมกับถีบตัวเองไปเตะปลายคางของคนที่ยิง ทำให้มันกระเด็นไปชนกับผนังสลบไปในที่สุด

“ไอ้บ้าเอ้ย!!” คนที่ถูกชายที่นอนอยู่บนพื้นกัดทำให้มันพยายามถีบหน้าของชายคนนั้นเพื่อเอาตัวรอดจากความเจ็บปวด แต่การทำเช่นนั้นมันไม่ได้ดีขึ้นเลย มันจะทำให้เนื้อของเขาหลุดไปกับปากชายคนนั้นซะมากกว่า ซึ่งมันก็จริงชายคนนั้นทรุดลงด้วยความเจ็บปวด เพราะฉะนั้นเหลือเพียงคนเดียวที่กำลังเล็งปืนมาที่ผมเตรียมจะลั่นไก

ปังๆ

เขายิงออกมาสองนัด ซึ่งถ้าหากเป็นคนธรรมดาคงจะโดนกระสุนเจาะกระโหลกไปแล้ว แต่ด้วยทักษะติดตัวที่ผมมี ทำให้ผมสามารถหันหน้าหลบกระสุนนั้นทัน กระสุนทั้งสองนัดจึงเพียงแค่ผ่านหน้าของผมไป มันทำให้ชายคนนั้นถึงกับอ้าปากค้างก่อนที่ผมจะใช้ความไวพุ่งเข้าไปประชิดตัวเขา

แกร๊ก

ผมได้ใช้มือทั้งสองข้างของผมจับที่บริเวณหัวและคางของเขาพร้อมกับหักมัน ทำให้หัวของเขาบิดไปตามแรงของผมจนร่างของเขาได้ทรุดลงพื้นไปอีกคน

“กะ…แก!”

ปังๆๆ

มันยังไม่ทันได้กล่าวอะไรผมได้หยิบปืนในมือของชายตรงหน้าขึ้นมา ยิงไปที่มัน คนที่กระเด็นหัวไปชนกำแพงสลบ และคนที่ผมหักคอ ผมยิงไปที่กลางหัวของพวกมันทั้งหมดอย่างแม่นยำจนร่างทั้ง 5 คน ได้นอนแน่นิ่งไปในที่สุด

“ลุกขึ้นมาแล้วตั้งสติดีๆ” ผมกล่าวก่อนที่จะพยุงตัวชายที่ถูกมัดอยู่บนพื้นและใช้มีดสั้นตัดเทปกาวที่ถูกมัดไว้ที่ข้อมือและขาของเขาไว้แน่น

ฉึบ

“ขอบคุณครับ" เขากล่าวออกมาเป็นภาษาไทย ผมไม่จำเป็นต้องใช้ดวงตาแห่งความจริงในการดูเขาด้วยซ้ำว่าเขามีลักษณะนิสัยยังไง ในเมื่อตอนที่เขากำลังบาดเจ็บและไม่มีทางสู้ เขาก็ยังจะหาทางช่วยเหลือผมและบอกให้ผมหนีไปโดยไม่ลังเลว่าเขาจะต้องบาดเจ็บจากการที่โดนพวกมันทำร้าย ผมจึงเลือกที่จะปฏิบัติกับเขาดีๆ

“เราจะลงไปชั้นล่างกัน” ผมกล่าวเมื่อเห็นว่าเขาพร้อมที่จะออกเดินทาง

“เอ๊ะ”

“เดี๋ยว!!-” เขาตะโกนเตือนผมในขณะที่ผมกำลังจะเปิดประตู

ฮาาสส กรรร!!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel