ดื่มให้กับจุดเริ่มต้นโลกาวินาศ
ฮาาสส กรร!!
ฉับ ฉับ
ในตอนนี้นอกจากผมจะเป็นผู้นำปาร์ตี้แรกของโลก ผมยังเป็นผู้นำครอบครัวของตนเองด้วย โดยที่ผมกำลังเดินฝ่าฟันพวกซอมบี้ที่อยู่บริเวณรถของผม ซึ่งจากที่มีรอยขีดข่วนบริเวณประตูรถ อีกทั้งกระจกรถคนขับยังแตกอีก แสดงว่ามันเกิดการแย่งชิงขึ้น แต่ไม่ว่าจะเป็นใคร มันคนนั้นน่าจะกลายเป็นพวกซอมบี้ไปแล้ว เพราะนอกจากจะมีรถของผมจอดอยู่ ยังมีรถสี่ประตูอีกคันหนึ่งจอดอยู่ด้วย
ซึ่งน่าจะมีคนที่ติดเชื้อและแอบซ่อนมากับรถคันนั้น พอจอดรถไม่ว่าจะเหตุผลอะไรก็ตาม มีคนพยายามขโมยรถของผม ในตอนนั้นผู้ติดเชื้อน่าจะกลายเป็นซอมบี้และเข้าจู่โจมคนกลุ่มนี้จนพวกเขากลายเป็นซอมบี้ทั้งหมด ซึ่งทั้งพ่อและแม่ต่างตกใจในการกระทำของผม อะไรทำให้ผมสามารถฆ่าคนได้อย่างไม่ลังเล ซึ่งมันก็มีเพียงเหตุผลเดียว นั่นก็คือ
“พวกมันไม่ใช่มนุษย์อีกแล้วครับ” ผมกล่าวเมื่อพอจะรู้ว่าทั้งพ่อและแม่คิดอะไรอยู่ ซึ่ง S ก็ได้ตามกลุ่มของเรามาด้วย โดยที่เรากำลังจะไปหาที่ปลอดภัยแห่งใหม่ เพราะผมยังไม่ต้องการเสี่ยงสู้กับพวกสัตว์ที่ติดเชื้อ เพราะพวกมันจะบ้าคลั่งขึ้นมาก และแข็งแกร่งขึ้นมากด้วย
“ตามแผนนะครับ!” ผมกล่าวก่อนที่จะพุ่งออกไปจากในป่า และเข้าไปประชิดตัวพวกซอมบี้บริเวณรถและได้จัดการพวกมันไปเกือบหมด
ฉึก ฉึก
ส่วนหงส์เธอก็ได้สนับสนุนผมอยู่เบื้องหลัง และมันทำให้พ่อและแม่ตกใจยิ่งกว่าที่หงส์สามารถจัดการพวกซอมบี้ได้อย่างง่ายดาย มันทำให้พวกเขาต้องพยายามเปิดรับและมองโลกใหม่นี้อีกครั้ง
บรืน บรื้นน
ซึ่งในที่สุดพวกเราก็สามารถขับเคลื่อนรถออกไปได้อย่างปลอดภัย โดยที่สถานที่ที่เราจะไปก็คือ สนามบิน หลายคนอาจจะสับสนว่าเพราะอะไรถึงไปที่สนามบิน เพราะที่สนามบินจังหวัดนครศรีธรรมราชเองก็มีอุกกาบาตสีเขียวตกเช่นกัน ซึ่งมันจะมีดันเจี้ยนแน่ๆ
แล้วมันอันตรายไม่ใช่รึไงกัน?
แต่ในทางกลับกัน ดันเจี้ยนที่จะให้กำเนิดพวกซอมบี้มาเรื่อยๆทุกๆ 1 วัน โดยที่ซอมบี้พวกนี้จะถูกเรียกว่าซอมบี้เอเลี่ยน เพราะพวกมันไม่ได้ติดเชื้อ แต่พวกมันกำเนิดมาจากเชื้อไวรัสโดยตรง ผิวหนังของพวกมันจะมีสีเขียวออกไปทางเข้ม รูปร่างคล้ายมนุษย์ ซึ่งมันจะกำเนิดขึ้นเมื่อผ่านไปหนึ่งวันหลังจากเกิดการวิวัฒนาการซอมบี้
โดยที่พวกมันกำเนิดมาครั้งหนึ่งก็หลายสิบตัว ด้วยเลเวล 5 ซึ่งถ้าหากพวกมันเกิดมาเรื่อยๆ ทุกวันๆ แสดงว่ามันคือสถานที่ฟาร์มเวลดีๆของเรานี่เอง แต่ก่อนหน้านั้นเราต้องเคลียร์พวกซอมบี้ในสนามบินให้หมดเสียก่อน ซึ่งมันยากมาก แต่ก่อนหน้านั้นอีกผมจะต้องฝึกพ่อ แม่ และ S ให้แข็งแกร่งจนพวกซอมบี้ไม่สามารถแตะต้องได้
“พ่อคิดว่าไม่น่าจะไหว” เราได้มาหยุดอยู่ตรงบริเวณทางเข้าสนามบิน ซึ่งมีแต่พวกซอมบี้นับไม่ถ้วนภายในนั้น
“น่าจะมีใครเป็นคนลากพวกมันมาข้างหน้านี้” ผมกล่าวก่อนจะมองหาสถานที่พักอื่นๆ เพราะมันอันตรายเกินไปในการฝ่าเข้าไปยังสนามบิน ถ้าหากรถพลิกคว่ำ ทุกอย่างจะจบลงทันที เพราะพวกมันมีเยอะเกินไป พลังงานของผมมีไม่พอแน่ๆ ต่อให้ใช้ทักษะติดตัว REGEN ด้วยก็ตาม
“เราจะไปพักที่โรงแรมกันครับ” ผมกล่าวเมื่อมองเห็นตึกสูงที่ดูโดดเด่นที่สุดในบริเวณนี้ ซึ่งพ่อก็ได้ขับรถไปที่โรงแรมทันที เพราะว่ามีพวกซอมบี้ตามรถของเราเต็มไปหมด ซึ่งพวกมันก็ได้เดินออกมาจากซอกตึกและร้านมากมายตามทาง ผมสัมผัสได้ว่ามีผู้รอดชีวิตอยู่บนบ้านโดยที่พวกเขากำลังจ้องมองเราอยู่
“พี่”
“พวกมันเยอะมาก!” หงส์กล่าวเมื่อได้เห็นพวกซอมบี้ที่ยืนหน้าโรงแรมกันเป็นสิบๆตัว
ฮาสส ฮาสส ฮาสส
“พ่อใช้รถขวางประตูเลยครับ” ผมกล่าวออกไปอย่างใจเย็น แต่ถึงแม้พ่อจะทำตามที่ผมกล่าว เขายังคงมือสั่นตัวสั่นด้วยความตกใจและกลัว เพราะในสายตาของพ่อ พวกมันก็ยังเป็นมนุษย์ เพียงแค่ไม่มีสติ และพ่อเองก็ไม่เคยขับรถชนหรือฆ่าใครมาก่อนด้วย
บรื้นนนน เอี๊ยดดด โครม เพล้งๆๆ
เมื่อพ่อเบรครถเป็นแนวนอน ทำให้รถเคลื่อนที่ไปชนกับทางเข้าโรงแรม ซึ่งเป็นกระจก กระจกพวกนั้นจึงแตกและตกลงพื้นไปในทันที ซึ่งหงส์ก็ได้รีบเปิดประตูออกและพุ่งกลิ้งลงไปจากรถ เธอได้เล็งและยิงหัวพวกซอมบี้ในโรงแรมไปจำนวนมาก
“ฆ่าพวกมันซะ” ผมกล่าวพร้อมกับมอบหอกของผมให้กับ S ซึ่งผมก็ได้พยุงพ่อลงมาจากรถเพื่อให้พ่อไปดูแลแม่ หลังจากนั้นผมก็ได้รีบหาสิ่งของเครื่องใช้ โต๊ะ เก้าอี้ในบริเวณ Lobby ของโรงแรมมาปิดช่องว่างข้างบนรถ เพื่อเป็นการป้องกัน และผมยังคงไม่หยุด
ผมหยิบเครื่องใช้เหลือใช้พวกนั้นมาปิดต่ออีกชั้นหนึ่ง เพื่อให้เป็นการป้องกันที่แน่นหนา เพราะคิดว่าอีกไม่นานพวกซอมบี้ที่เดินตามเสียงรถของเรามาตั้งแต่ทางเข้าซอยโรงแรม รวมถึงไปบนถนน พวกมันคงจะเดินมาเรื่อยๆจนมาหยุดที่โรงแรมนี้แน่ๆ และมันจะทำให้ที่พักของเราถูกล้อมรอบไปด้วยซอมบี้
ซึ่งมันเป็นเรื่องที่แย่มากสำหรับผู้รอดชีวิตที่ถูกล้อมรอบไปด้วยซอมบี้ แต่มันก็เป็นเรื่องดีสำหรับผม เพราะผมจะได้เก็บตัวฝึกครอบครัวของผม และ S ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ส่วนเรื่องอาหารพวกเราได้นำใส่กระเป๋ามาเป็นที่เรียบร้อย โดยที่เราจะไม่เอาของสำคัญไว้ที่เก็บของหลังรถ เพราะในเหตุฉุกเฉินบางทีเราจะไม่สามารถวิ่งไปเปิดหลังรถได้ทัน ซึ่งในตอนนี้มันก็เป็นเรื่องจริง ทุกสิ่งที่ผมเตรียมการไว้ได้แสดงผลลัพธ์ของมันออกมาแล้ว
มันจึงเป็นเรื่องง่ายในการเคลื่อนย้าย ป้องกัน และกำจัดพวกซอมบี้ ซึ่งในตอนนี้ผมก็พร้อมแล้วที่จะเข้าไปช่วยเหลือหงส์ในการจัดการซอมบี้ภายในโรงแรม ซึ่งพวกมันก็มีมากพอสมควร แต่ด้วยความเชื่องช้าของพวกมันต่างจากผมและหงส์ที่เป็นผู้เล่นซึ่งถูกวิวัฒนาการมาแล้ว จึงทำให้เราสามารถฆ่าพวกมันได้อย่างง่ายดาย S เองก็เช่นกัน เขาได้พิสูจน์ตนเองแล้วว่าเขาไม่กลัวตายจริงๆในการพุ่งเข้าไปหากลุ่มซอมบี้และฆ่าพวกมันได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
“ช่วยสนับสนุนผมหน่อยนะครับ” ผมกล่าวกับพ่อที่กำลังเล็งธนูหาพวกซอมบี้ โดยที่ผมได้เดินออกไปจากบริเวณรถและเดินตรงเข้าไปหาพวกซอมบี้อย่างไม่กลัวเกรง
“มังกร!” แม่ตกใจมากที่เห็นผมกระทำเช่นนั้นจึงพยายามเรียกเตือนสติผม
ฮาสส กรรร ฉับ!
แต่ผมก็ไม่ได้หันไปหาแม่ ผมพยายามจดจ่ออยู่กับสถานการณ์ตรงหน้าให้มากที่สุด จนผมได้ฆ่าพวกมันไปเรื่อยๆ จากที่จำนวนยืนนั้นมากกว่า กลับกลายเป็นจำนวนร่างที่นอนมากกว่าซะแล้ว
“เราจะกำจัดพวกซอมบี้ไปให้หมด” ผมกล่าว เพราะมันคงจะไม่เกินมือของผมและหงส์ กับซอมบี้ร้อยหรือสองร้อยตัวโดยประมาณ
กรรร!
ไม่ว่าจะซอมบี้ตัวไหน ร่างใหญ่หรือร่างเล็กผมก็สามารถผ่าหัวของพวกมันไปได้อย่างง่ายดาย จนในที่สุดชั้น Lobby ของโรงแรมเหลือซอมบี้เพียงแค่หลักสิบตัว มันน้อยลงเรื่อยๆด้วยการโจมตีจากผมและหงส์ ซึ่งในตอนแรกมือของพ่อนั้นสั่นไปหมดจนไม่สามารถยิงธนูออกมาได้ตรงเป้า แต่พอได้เห็นการสู้ของลูกทั้งสองคน ทำให้พ่อต้องฝืนข้ามขีดจำกัดของตนเองและจัดการพวกซอมบี้ไปได้ในที่สุด
“ส่งหอกมา!” ผมตะโกนบอก S ที่กำลังพักเหนื่อยข้างๆพ่อ ซึ่งเขาก็ได้เขวี้ยงหอกมาหาผมในทันที
ฉึบๆ
ผมวาดหอกออกไปเบื้องหน้าเพื่อเตรียมตัวทำลายล้างพวกซอมบี้เป็นครั้งสุดท้าย เพราะพวกมันเหลือเพียงยี่สิบตัวเห็นจะได้ ผมไม่รอช้าจึงใช้หอกของผมวาดฟันพวกซอมบี้ได้อย่างง่ายดาย ด้วยความยาวของหอก เมื่อผมได้ใช้ท่วงท่าอย่างเชี่ยวชาญ ทำให้พ่อและแม่ถึงกับอ้าปากค้าง
ฉึบๆๆ ฉับฉับ
และสุดท้ายพวกซอมบี้ก็ได้นอนกองกันบนพื้นจนหมดในชั้น Lobby ศพของพวกมันนอนกันระเนระนาด แม่ถึงกับอ้วกออกมาทันทีหลังจากปิดตาอยู่ตั้งนานด้วยความต้องการของพ่อ ซึ่งสีหน้าของพ่อเองก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าคลื่นไส้เกี่ยวกับสถานการณ์ในตอนนี้
“ชั้นอื่นๆน่าจะมีพวกมันอีก”
“ตอนนี้เตรียมตัวกันก่อนครับ” ผมกล่าวพร้อมกับรีบเดินไปเก็บเยลลีสี่เขียวในสมองของพวกซอมบี้ ซึ่งในครั้งนี้ผมไม่ได้เก็บไวในกระเป๋าอีกต่อไป ผมเก็บไว้ในกระเป๋ามิติ หงส์เองก็เช่นกัน ส่วน S เขากล้าเดินผ่าสมองของพวกซอมบี้และรอให้ผมกับหงส์เดินไปเก็บ เขาทำมันได้อย่างง่ายดาย ไม่มีบ่นแม้แต่น้อย
“เราจะไปอยู่ชั้นบนๆกันครับ” ผมกล่าวหลังจากที่ไปพบกับกุญแจสำรองในห้องชั้น 15 ผมนำมันมาทุกห้องและแบมือให้พ่อและแม่เลือก ที่จริงผมนำกุญแจสำรองมาทั้งหมดและเก็บไว้ในกระเป๋ามิติ
และเมื่อทุกคนเลือกกันเสร็จผมก็ได้เก็บกุญแจที่เหลือไว้ในกระเป๋ามิติอีกครั้ง ซึ่งพ่อกับแม่นั้นนอนห้องเดียวกัน ส่วนผม หงส์และ S เรานอนกันคนละห้อง ซึ่งแน่นอนว่าเราไม่ได้เดินขึ้นไปชั้น 15 แน่ๆ พวกเราใช้ลิฟท์ในการขึ้นไปยังชั้นบน
ซึ่งในตอนนี้ยังคงเป็นเรื่องดีที่ไฟฟ้าไม่ถูกตัด แต่นั่นมันก็ผ่านไปหนึ่งเดือนหลังจากโลกาวินาศเกิดขึ้น เราจึงยังสามารถใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าได้ ส่วนน้ำคงต้องระวังพอสมควรเพราะมันอาจจะติดเชื้อทางน้ำได้ ผมจึงแนะนำให้ดื่มน้ำจากขวดที่ยังไม่ถูกเปิดเท่านั้น
“อ่าห์!” ผมฟุบตัวลงบนที่นอนทันทีที่เข้ามาในห้องของผม ซึ่งมันเป็นเตียงเดี่ยวและเตียงทั้งใหญ่และนุ่มมาก ในห้องมันดูหรูหราไปหมด คิดว่าผมคงจะไม่ใช้เงินกับห้องพักที่สิ้นเปลืองเช่นนี้แน่ๆ แต่เราจะอยู่ที่นี่ไปจนกว่าไฟจะดับ ผมกล่าวไว้ในลิฟท์ว่าจะฝึกทุกคนให้แข็งแกร่ง แต่ยังไม่ได้บอกเรื่องการย้อนเวลากลับมาของผม
และมันเป็นเรื่องโชคดีของผมที่ห้องนี้ไม่ได้ถูกใช้มาก่อนหน้านี้ ถึงถูกใช้ก็คงจะได้รับการทำความสะอาดอย่างดีแล้ว ผมจึงผ่อนคลายได้อย่างเต็มที่ ไปอาบน้ำ โกนหนวด สระผม สุดท้ายในตอนนี้ผมกำลังเป่าผมอยู่และดูเมนูในระบบไปด้วย
‘ร้านค้าวันสิ้นโลกจะเริ่มก็ต่อเมื่อมีระดับผู้เล่นครบ 100 คนบนโลก’
‘ซึ่งมันน่าจะอีกนานพอสมควร’
‘ในนั้นมีของจำเป็นมากมายในการสร้างและเพิ่มระดับอุปกรณ์’ ผมคิดในใจพลางมองดูอันดับโลก ซึ่งในตอนนี้ผม ผู้เล่นมังกรบิน เป็นผู้เล่นเอาชีวิตรอดอันดับที่หนึ่งที่มีระดับและเลเวลมากที่สุด โดยที่เมนูนี้จะเปิดขึ้นเมื่อเราอยู่ในระดับผู้เล่น
“ฉันยังไม่จำเป็นต้องเพิ่มระดับหรือเลเวลมากในตอนนี้” ผมกล่าวออกมา เพราะผมยังคงต้องต้องมอบทรัพยากรณ์ในการเพิ่มเลเวลให้กับ S รวมถึงพ่อและแม่ เพราะทั้งสามในตอนนี้ล้วนเป็นคนสำคัญของผม ส่วน S สำคัญที่ผมจะใช้เขาทำภารกิจต่างๆ หรืออาจจะให้เขาช่วยงานผมอย่างลับๆ เพราะเขามีพรสวรรค์ในด้านนี้
“เห้อ”
“พวกมันล้อมไว้หมดแล้วจริงๆด้วยสิ” ผมกล่าวอีกครั้งเมื่อได้ไปเปิดผ้าม่านผืนใหญ่ออก เผยให้เห็นกระจกใสที่ภายนอกไม่สามารถมองเห็นได้ โดยที่ผมได้มองไปเบื้องล่าง มันราวกับโรงแรมแห่งนี้เป็นฐานทัพสุดท้ายของมนุษย์ยังไงแปลกๆ เพราะไม่ว่าจะทางไหนก็มีแต่พวกซอมบี้ยั๊วะเยี๊ยะเต็มไปหมด พวกมันเดินเบียดกันจนแทบจะสิงร่างกันอยู่แล้ว และมันมีเกินพันตัวอย่างแน่นอน
แต่มันก็เป็นเรื่องดีที่สามารถมอบโอกาสให้ผู้รอดชีวิตหนีไปจากที่นี่หรือออกไปหาอาหารได้ และเป็นเรื่องดีอีกที่จะไม่มีใครกล้าเข้ามาที่นี่ แต่ผมก็คงต้องปิดช่องโหว่ที่จะเข้ามาในโรงแรมให้ได้ เพื่อความปลอดภัยขั้นสูงสุดเช่นกัน ซึ่งในอีก 30 นาทีเราจะไปรวมตัวกันที่หน้าลิฟท์ เพื่อขึ้นไปยังชั้นดาดฟ้า
ถ้าถามว่าไปทำไมนะหรือ?
.
.
.
“แม่ไม่เคยคิดเลย”
“ว่าโลกที่สงบสุขมันจะเกิดอะไรขึ้นแบบนี้” แม่กล่าวออกมาด้วยท่าทางโศกเศร้า
“ในตอนนี้มันเกิดไปแล้วครับ”
“เราทำได้อย่างเดียวคือทำใจยอมรับมัน”
“และเดินหน้าต่อไป” ผมกล่าวให้กำลังใจทั้งครอบครัว ซึ่งเรากำลังนั่งระบายกันออกมา ระบายความอึดอัด ความกลัว ความไม่มั่นใจ
“เราจะทำอะไรต่อไป?” พ่อกล่าวถามเมื่อผมพูดถึงการเดินหน้าสู้ต่อไป
“อย่างแรกเราจะกำจัดซอมบี้ให้หมดทั้งตึกครับ”
“ซึ่งแน่นอนว่าต้องเป็นฝีมือของพ่อและแม่”
“ผมต้องการให้พ่อกับแม่แข็งแกร่งจนสามารถดูแลตัวเองได้ครับ” ผมกล่าวออกไป ซึ่งพ่อเองก็เห็นด้วยต่างจากแม่ที่ยังมีท่าทางหวาดกลัว
“และผมคิดว่าในตึกนี้มีผู้รอดชีวิตอยู่ด้วยครับ”
“เราต้องระวังตัวตลอดเวลา”
“และในวันพรุ่งนี้เราจะเริ่มฝึกกันครับ” ผมกล่าวก่อนที่จะหยิบขวดแชมเปญออกมาจากมิติ
“เพราะฉะนั้นในคืนนี้”
“ผมจะขอดื่มให้การเริ่มต้นโลกาวินาศ”
“โลกที่เฮงซวยและน่าขยะแขยง” ผมกล่าวอีกครั้งพร้อมกับรินใส่แก้วให้กับทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ S เพราะหลังจากนี้กฏระเบียบบ้าบออะไรนั่นมันจะไม่มีอีกต่อไปในโลกแห่งนี้ ซึ่งแชมเปญและแก้วเฉพาะของการดื่มแชมเปญผมได้รีบหยิบมันออกมาจากตู้โชว์ก่อนที่จะใช้ตู้นั้นปิดทางเข้า
‘เราต้องแข็งแกร่งขึ้นอีก…’ ผมคิดในใจพลางดูพวกซอมบี้เบื้องล่าง พวกมันยังคงส่งเสียงร้องกันไม่หยุด
ฮาสส ฮาสสสส
