กระเป๋าสีดำ
กรร ฉับ! ฟึบ
และในทันทีที่ผมเปิดประตูออกไป ผมก็ได้ใช้ขวานของผมจามหน้าซอมบี้ตัวที่ใกล้ที่สุดไปหนึ่งที ทำให้มันหงายหลัง พวกซอมบี้ข้างหลังมันจึงต้องถอยตามไป ผมจึงไม่รอช้าที่จะปิดประตูลงทันที
‘เท่าที่ฉันสัมผัสได้มันไม่น่าเยอะขนาดนี้…’ ผมคิดในใจ เพราะจากที่ใช้ทักษะติดตัว SEN ผมสัมผัสได้ว่ามีพวกมันไม่เกิน 10 ตัว แต่เมื่อผมเปิดประตูออกไป พวกมันมากรูกันอยู่ที่หน้าห้องทั้งยังมีพวกซอมบี้เต็มทางเดินซะอีก โดยที่พวกมันน่าจะตามเสียงร้องของชายที่กล่าวเตือนผม
“เปลี่ยนแผน”
“เราจะลงไปข้างล่างแทน” ผมกล่าวก่อนที่จะวางอาวุธลงและเดินไปดึงผ้าปูที่นอนขึ้นมาจากเตียง พร้อมกับทำให้มันเป็นลักษณะเส้นตรง และมัดปมได้สักสามปม รวมถึงผ้าปูที่นอนจากอีกเตียงนึงด้วย โดยที่ห้องนี้เป็นห้องเตียงคู่ ซึ่งเมื่อใช้ผ้าจากทั้งสองเตียงมัดรวมกันแล้วมันพอดีที่จะลงไปห้องเบื้องล่าง ซึ่งเป็นห้องที่ผมปีนขึ้นมา
“คุณ…” ผมกล่าวก่อนที่จะเรียกผู้ชายคนนั้น ซึ่งสายตาของผมได้ไปสะดุดแผลบาดเจ็บบนร่างของเขา ทั้งยังมีบวมฟกช้ำอีกด้วย น่าจะเป็นเพราะถูกพวกมาเฟียนี่ซ้อมมา มันทำให้ผมย้อนคิดได้ว่าเขาจะสามารถปีนมันลงไปได้หรือเปล่า?
“ผมไหวครับ” เขากล่าวออกมาด้วยสีหน้าที่กระตุกเล็กน้อย ผมได้สังเกตุท่าทางของเขาก็พอรู้ว่าเขาอดทนอยู่พอสมควร
‘มันใช่ความคิดที่ว่า’
‘ ‘ผมไม่สามารถเป็นตัวถ่วงได้’ หรือเปล่านะ’ ผมคิดในใจและยิ้มออกมา ซึ่งผมก็ได้พยักหน้าตอบรับเขาทำให้เขาเดินมาหาผมในทันที
ฟึบๆ จิ๊บๆๆ
และเมื่อเขาค่อยๆหย่อนตัวลงไป ก็มีเสียงนกร้องมาใกล้ๆพวกเรา มันทำให้ผมรีบหันกลับไปในทันที ซึ่งก็ได้พบกับฝูงนกเกือบสิบตัวกำลังบินตรงเข้าหาผู้ชายคนนั้น ซึ่งมันทำให้เขาถึงกับสะดุ้งและพยายามปีนลงไปให้เร็วกว่าเดิม
“ไม่ทันแน่!” ผมกล่าวออกมาเมื่อปมที่ผมผูกไว้ที่ผ้าได้ถูเข้ากับแผลบริเวณเอวของเขา ผมคิดว่ามันน่าจะเจ็บพอสมควร แต่เขาก็ยังคงกัดฟันและปีนลงต่อไป
วูบบ
“อ๊ากกกก” เขาร้องออกมาทันทีที่เขาถูกเหวี่ยงขึ้นกลางอากาศ ทำให้เขาลอยขึ้นจากตัวที่เป็นแนวตรงกลายเป็นแนวเฉียงเกือบจะเป็นแนวนอนที่กำลังเกาะผ้าไว้อย่างแน่น
ฟึบ
“รีบเข้าไปในห้องแล้วรอผมอยู่นิ่งๆ!” ผมตะโกนลงไปหลังจากที่เหวี่ยงผ้าปูคล้ายเชือกให้เขาปลิวเข้าไปในระเบียง ซึ่งผมก็ได้ยินเสียงเปิดประตูเลื่อนระเบียงจึงพอรับรู้ได้ว่าหญิงสาวจากประเทศญี่ปุ่นคนนั้นได้ช่วยเหลือเขาไว้แล้ว
ปังๆๆๆๆๆๆๆ
ผมจึงไม่รอช้าที่จะหยิบอาวุธปืนจากพวกมันมาและยิงไปตามเป้า ซึ่งก็คือนกเกือบสิบตัว และด้วยความที่ผมใส่พลังมานาไปในกระสุนด้วย ทำให้พวกมันระเบิดไปจนไม่เหลือชิ้นดีก่อนที่จะกลับเข้าไปในห้องพัก
“เอาล่ะ”
“ฉันคงไม่สามารถปีนลงไปเหมือนพวกเขาได้” ผมคิดในใจเพราะฝูงนกซอมบี้กำลังบินตรงมาหาผมอีกเป็นสิบๆตัว ผมจึงรีบปิดประตูเลื่อนและหยิบของใช้ออกมาจากกระเป๋ามิติทันที
ฟึบๆ ฉึบๆๆ
ผมได้หยิบเกราะพลาสติกออกมาและสวมไปที่แขน หน้าแขน คอ หน้าขาและขาของผม เพื่อเป็นการป้องกันการกัดจากพวกซอมบี้ เพราะในตอนนี้ผมกำลังจะต้องเผชิญหน้ากับพวกซอมบี้ที่มากกว่าสิบตัว ผมจึงไม่สามารถประมาทได้ เพราะผมต้องเผชิญหน้ากับพวกมันด้วยตัวคนเดียว
ข้อความแชท
หงส์บิน : พี่มังกรเกิดอะไรขึ้น?
หงส์บิน : หงส์ได้ยินเสียงยิงปืนมาจากชั้น 3 หลายครั้ง
มังกรบิน : ไม่มีอะไรมาก
มังกรบิน : พี่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้
ผมพิมพ์ข้อความตอบกลับหงส์และปิดหน้าต่างระบบลงทันที ซึ่งมันเป็นเรื่องดีที่เราสามารถสื่อสารกันโดยไม่ต้องใช้โทรศัพท์ มันสะดวกมากๆ แต่ผมก็คงต้องหยุดคิดเรื่องนี้เสียก่อน เพราะต้องกวาดล้างซอมบี้ในชั้นที่ 3 เพื่อลงไปช่วยเหลือผู้รอดชีวิตที่อาการหนักทางจิตและทางกายทั้งสองคนในชั้นที่สอง
“ฮึก” ผมพยายามควบคุมการหายใจของผมเพื่อลดอาการตื่นเต้นลง
ฮาาส ฮาาสส
ส่วนพวกซอมบี้ข้างนอกห้องเองก็ขู่ผมไม่หยุด เพราะพวกมันได้ยินเสียงปืนเมื่อครู่จึงคลั่งกันมากกว่าเดิม ผมจึงเรียกอาวุธประจำตัวที่ผมสามารถหาได้ในตอนนี้มา นั่นก็คือขวานและมีดเดินป่า ที่จริงผมมีแผนจะออกไปร้านอาวุธเบื้องนอก เพราะเราคงต้องใช้อาวุธในการฆ่าพวกซอมบี้ อาวุธที่ไม่ใช่ขวานตัดไม้และเป็นอาวุธที่ไม่ใช่อุปกรณ์เดินป่าหรืออุปกรณ์ทำครัว
ฟึบ ฉับ!!
เมื่อผมเปิดประตูออกไป ผมไม่ลังเลที่จะวาดขวานเป็นแนวนอนในระดับคอ ทำให้ซอมบี้สามตัวที่อยู่หน้าประตูได้ถูกผมฟันคอจนหัวหลุดกระเด็นไปไกล และผมก็ได้เข้าต่อสู้กับพวกซอมบี้ทั้งหมดในชั้นนี้ทันที
“ทำไมห้องนั้นเปิดอยู่?” ผมกล่าวออกมาเมื่อเหลือบไปเห็นห้องถัดไปจากห้องที่ผมเพิ่งออกมา 3 ห้อง ซึ่งพวกซอมบี้เองก็ได้ออกมาจากห้องนั้นตามเสียงผม
กรรร ฉึก
ผมจึงพยายามที่จะไปที่ห้องนั้นเผื่อว่าจะได้เจอกับอะไรบางอย่าง ไม่ดีก็ดีแหละ ซึ่งผมเชื่อว่ามันจะมีของดีด้วยเซ้นส์ของผม เพราะผมเองก็โชคดีมาตลอดไม่ว่าจะเลือกทางเลือกไหน
คลืน ฟิ้ววว ฉึกๆๆ
ผมที่อยากจะเปิดทางจึงขว้างขวานของผมออกไปด้วยมานาที่ปกคลุมด้านคมของขวาน ทำให้มันสามารถตัดสมองและกระโหลกของพวกซอมบี้จนเชือดเฉือนไปได้ถึง 3 ตน ร่างของพวกมันทั้งสามได้นอนทับกันอยู่บนพื้น ในจังหวะนั้นผมเองก็ไม่ได้หันไปสนใจอย่างอื่นเฉกเช่นเดียวกับพวกมัน ผมฝ่าฟันไปถึงห้องที่เปิดอยู่และได้เข้าไปในห้องรวมถึงปิดประตูห้องไปในทันที
กรรร กรรรร
เสียงขู่ดังมาจากในห้องผมจึงหันไปที่ต้นเสียงทันที และได้พบกับชายคนคนที่ถูกผูกติดไว้บนเก้าอี้ เขากลายเป็นซอมบี้ และรอยกัดบนตัวเขาบ่งบอกได้ว่าเขาถูกกัดมานับไม่ถ้วน ถูกกัดกระชากเนื้อหนังออกมาจนร่างกายของเขาน่ากลัวเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีเศษชิ้นเนื้อและรอยเลือดเต็มห้องไปหมด
เดาว่าเขาอาจจะถูกใช้เป็นเหยื่อล่อในการหลบหนีออกไปจากห้องนี้ ผมจึงหยุดสนใจเขาและไปสำรวจห้องซะแทน ซึ่งภายในห้องบนเตียงทั้งสองเตียงนั้นมีกระเป๋าสีดำทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าตั้งอยู่สี่ใบ และทุกๆใบถูกล็อคด้วยกุญแจเอาไว้ ทั้งยังมีกระเป่าสีดำแบบยาวราวๆ 80 เซนติเมตร
ฟึบ แคว่กก
“ใครเขาใช้กุญแจกันล่ะตอนนี้?” ผมคิดในใจก่อนที่จะหยิบมีดสั้นออกมาจากกระเป๋ามิติและใช้มันกรีดที่ขอบกระเป๋า พร้อมกับใช้แรงฉีกมันออกไปจนเผยให้เห็นอาวุธสงคราม M4 พร้อมกระสุน 3 แม็กที่ถูกจัดเรียงไว้อย่างดี ส่วนกระเป๋าใบอื่นๆเองก็มีอาวุธสงครามเช่นกัน อีกสองใบจะเป็น AK และ M16 ส่วนใบสุดท้ายน่าจะเป็นปืนพก แต่มันไม่มีอาวุธ มีเพียงร่องรอยลักษณะอาวุธปืนปรากฏบนกล่องที่ใส่ปืน และกระสุนเองก็หายไป เดาว่าคงจะเป็นปืนของพวกมาเฟียพวกนั้น
ซึ่งมันก็ชัดเจนเมื่อผมได้หยิบปืนนั้นออกมาและวางใส่ลงไปบนที่วางอาวุธในกระเป๋า ซึ่งมันสามารถใส่ได้พอดี เพราะฉะนั้นเหลือเพียงกระเป๋าใบสุดท้ายที่ยาวและรูปทรงต่างจากกระเป๋าปืน เพราะมันยาวเพียงอย่างเดียว มันทำให้ผมลุ้นมากๆว่าจะเป็นอาวุธประชิด
แคว่ก
ผมใช้มีดทำแบบเดิมเพื่อเปิดกระเป๋า ซึ่งภายในกระเป๋านั้นมีฟักดาบสีดำที่น่าจะมีตัวดาบอยู่ข้างใน รูปทรงของมันคล้ายกับคาตานะญี่ปุ่น ผมจึงไม่รอช้าที่จะหยิบมันออกมาและพลิกซ้ายขวามองดูมันด้วยความชอบใจ
ฉึก
ก่อนที่จะหันไปหาชายที่ถูกมัดไว้บนเก้าอี้ ผมได้ใช้ดาบเล่มใหม่ของผมในการวาดเป็นเส้นตรงลงจากข้างบนกลางหัวของเขา ซึ่งมันทำให้สมองของเขาถูกผ่าออกเป็นสองซีก ในทันทีนั้นผมจึงใช้ความไวหยิบเยลลี่สีเขียวออกมาจากหัวซีกขวาของเขาและยัดมันใส่ไว้ในกระเป๋ามิติ
“คมมาก” ผมกล่าวออกมาด้วยความเหลือเชื่อ ผมสามารถผ่าหัวของคนเป็นสองซีกได้โดยไม่ต้องออกแรงมาก
“ฉะนั้นแล้ว พวกข้างนอกก็ง่ายๆ” ผมกล่าวก่อนที่จะเดินไปที่ประตู
ฮาาสๆๆ
เสียงซอมบี้มากมายกำลังขู่ผม ซึ่งในครั้งนี้ผมมั่นใจว่าพวกมันคงจะมากรูกันที่หน้าห้องนี้เป็นที่เรียบร้อย และมันคงจะเป็นเรื่องง่ายในการใช้ดาบคาตานะอันแหลมคมนี้ฟาดฟันพวกมันราวกับกระดาษหลายๆแผ่น
ฟึบ ฉับๆๆๆ
ทันทีที่ผมเปิดประตูห้องออกไป ผมก็ได้ใช้ดาบคาตานะฟันคอพวกมัน เพื่อผมจะมาตามเก็บเยลลี่สีเขียวได้อย่างง่ายดาย เพราะการฟันหัวของพวกมันอาจจะทำให้เยลลี่สีเขียวกระเด็นกระดอนไปและหาเศษยาก ผมจึงฟันคอของมันเพื่อให้ส่วนหัวของพวกมันหลุดกลิ้งไปซะแทน แล้วผมค่อยมาตามเก็บเยลลี่สีเขียวทีหลัง
“นะ..นี่…” เมื่อผมปรากฏตัวหน้าห้องของหญิงสาวชาวญี่ปุ่น เธอเปิดประตูต้อนรับผมและได้ตกใจกับสิ่งที่เธอเห็นเป็นอย่างมาก เพราะเสื้อผ้าที่ผมสวมใส่รวมถึงเกราะส่วนต่างๆเต็มไปด้วยเลือด มันราวกับผมทำงานอยู่ที่โรงชำแหละ เนื่องจากผมไม่สามารถขยับตัวได้มากมายนักเพราะความแคบของทางเดิน ทำให้เลือดของพวกซอมบี้มันเปื้อนเต็มตัวผมไปหมด โดยที่มันคือเลือดของซอมบี้เกือบ 20 ตัว
“อืม” ผมส่งเสียงออกมาเบาๆก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้อง ซึ่งทันทีที่ผมเดินเข้าไปในห้องผมก็ได้ถอดเสื้อถอดเกราะออกทันที เพราะทั้งกลิ่นและความสกปรกมันสุดๆจริงๆ
“ผมขอเสื้อยืดสักตัวจะได้ไหม?” ผมกล่าวถามหญิงสาวด้วยภาษาอังกฤษ ส่วนชายที่ถูกซ้อมมาจากห้องชั้น 3 เขาได้สลบไปเป็นที่เรียบร้อย
“ดะ…ได้…ได้สิๆ” เธอกล่าวออกมาด้วยท่าทางกระอึกกระอัก ซึ่งการที่ผมได้ถอดเสื้อออกมามันได้เปิดเผยกล้ามเนื้อของผมที่แน่นไปซะทุกส่วน
ซึ่งเธอก็ได้เดินไปหยิบเสื้อของเธอในตู้เสื้อผ้าทันที แต่เสื้อของเธอถึงแม้มันจะเป็นโอเวอร์ไซส์ ผมก็ยังคงรู้สึกคับไปอยู่ดี แต่มันก็ช่วยไม่ได้ ผมจึงต้องใส่มันไปก่อน ส่วนกางเกงผมก็คงต้องใส่กางเกงตัวเก่าไปก่อน เพราะผมคิดว่าเธอคงไม่มีไซส์ให้ผมเปลี่ยน
“เขาหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่?” ผมกล่าวถามเธอทันทีที่ใส่เสื้อเสร็จ
“ตั้งแต่คลานเข้ามาในห้องเขาก็สลบไปในทันที” เธอกล่าวตอบผม ซึ่งชายคนนั้นไม่ได้นอนอยู่บนเตียง เขานอนอยู่บนพื้นใกล้ๆกับทางเข้าระเบียง มันก็ไม่แปลกที่เขาจะนอนอยู่ตรงนั้นเพราะว่าหญิงสาวชาวญี่ปุ่นไม่มีแรงพอที่จะยกร่างผู้ชายขึ้นมาได้แน่ๆ เพราะเธอทั้งอดอาหารและยังมีสภาพจิตใจที่ย่ำแย่มากๆ เธอแทบจะไม่มีแรงทำอะไรทั้งนั้น
“เราต้องรีบขึ้นไปที่หลบภัยของผม” ผมกล่าว ซึ่งมันหมายถึงชั้นที่ ครอบครัวของผมอาศัยอยู่
“คุณสามารถอดทนได้อีกสักนิดไหม?” ผมกล่าวถามหญิงสาว ก่อนที่จะเดินตรงไปหาร่างชายที่นอนสลบอยู่
“ได้…ฉันไหว" เธอกล่าวออกมา ผมจึงพยักหน้าตอบรับเธอ
ฟึบๆ
ผมได้แบกร่างของชายที่หมดสติขึ้นมาไว้บนหลังและเดินไปที่ประตูห้อง ผมไม่รอช้าที่จะเปิดประตูออกไปด้วยความมั่นใจ เพราะผมได้จัดการพวกซอมบี้ไปหมดแล้ว ผมจึงไม่มีความกลัวหรือหวาดระแวงที่จะมีพวกซอมบี้เฝ้ารอพวกเราอยู่
“เดินตามผมมา" ผมกล่าวและเดินไปที่ลิฟท์ในทันทีและกดเรียกลิฟท์ ซึ่งลิฟท์ก็ได้ลงมาจากชั้นสูง นั่นก็คือชั้นที่ครอบครัวของผมกำลังกวาดล้างชั้นพวกนั้น
ฟูบบ
เมื่อประตูลิฟท์เปิดออกผมได้เข้าไปในลิฟท์รวมถึงชาเบตะ ซึ่งผมก็ได้กดไปที่ชั้น 15 และระหว่างรอลิฟท์ขึ้น ดูเหมือนหญิงสาวจะเริ่มทรงตัวไม่ค่อยอยู่ ผมจึงอยากภาวนาให้ถึงชั้นจุดหมายเร็วๆ เพราะผมไม่น่าจะสามารถแบกร่างทั้งสองไหว เนื่องจากผมยังไม่มีพละกำลังถึงขนาดนั้น
ฟึบ
จนในที่สุดชั้นที่ 14 หญิงสาวก็ได้เอนตัวมาซบกับแขนของผม ผมไม่ต้องหันไปมองก็รู้ได้ทันทีว่าเธอได้หมดสติไปแล้วเช่นเดียวกับชายบนหลังของผม
“เฮ้อ” ผมถอนหายใจออกมาทันที และมันพอดีกับประตูลิฟท์ที่ได้เปิดออก ซึ่งมันหมายความว่าเรามาถึงชั้นที่ 15 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“หืม?” และเมื่อประตูลิฟท์เปิดออกผมก็ได้พบกับกลุ่มคนที่เฝ้ารออยู่เบื้องหน้าลิฟท์
“พี่มังกร?” หงส์กล่าวออกมาด้วยความสงสัยเมื่อเธอได้เห็นสภาพของผมที่แบกผู้ชายคนหนึ่งไว้เบื้องหลัง และยังมีหญิงสาวที่ดูเหมือนว่าเธอจะหมดสติยืนเอนพิงแขนผมอยู่
“แล้วพ่อแม่ล่ะ?” ผมกล่าวถามถึงผู้ให้กำเนิดของเราทั้งคู่ เพราะมีเพียงแค่เธอมายืนเฝ้ารอทั้งเธอยังถือหน้าไม้เตรียมไว้อีกด้วย
“พวกท่านกลับห้องไปพักผ่อนแล้ว” เธอกล่าวก่อนที่จะเดินเข้ามาในลิฟท์และกดที่ปุ่มเปิดประตูค้างไว้ เพื่อที่เธอจะได้ช่วยผมพยุงหนึ่งในสองคนที่หมดสติออกมา ซึ่งคนคนนั้นก็คือชาเบตะ
“ฝากด้วยนะ” ผมกล่าวพร้อมกับกระเป๋ามิติของผมที่ถูกเปิดออก ซึ่งกุญแจห้องได้ร่วงลงมาจากมิตินั้น หงส์จึงรับกุญแจไปและพยุงหญิงสาวที่สลบไปด้วย ส่วนผมก็ได้ไปอีกห้องหนึ่งพร้อมกับชายที่สลบ ซึ่งผมคิดเพียงแค่ไปวางเขาไว้ในห้องว่างและกลับห้องของตนเองเพื่อชำระล้างร่างกาย เนื่องจากผมรู้สึกไม่ค่อยดีที่ต้องเปื้อนเลือดซอมบี้
