บท
ตั้งค่า

พบเจอเจ้าหนี้

อันนาหยิบเอกสารขึ้นมาดู มือของเธอสั่นเทาเมื่อเห็นลายเซ็นของพ่อ และจำนวนเงินมหาศาลที่ระบุอยู่ในนั้น หัวใจของเธอหล่นวูบ ไม่ใช่แค่หนี้สิน แต่ยังรวมถึงความจริงที่ว่าบ้านที่เธอรักกำลังจะถูกยึด

"ไม่จริง...เป็นไปไม่ได้" อันนาพึมพำ น้ำตาคลอเบ้า "พ่อฉันไม่เคยบอกเรื่องนี้"

คำพูดของเขาดังก้องอยู่ในหัวของอันนา ราวกับเสียงฟ้าร้องที่ผ่าลงมากลางใจ เธอไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตที่ดำเนินไปอย่างเรียบง่ายของเธอจะต้องมาเผชิญหน้ากับความจริงอันโหดร้ายเช่นนี้ หนี้ที่มองไม่เห็น กำลังจะกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างของเธอไปฝัน..

"ฉันให้เวลาเธอ 1 สัปดาห์หาเงินทั้งหมดมาคืนฉันแต่ถ้าคืนไม่ได้...."มาร์คัสเวรคำพูดขาดช่วงไว้สักนิดใช้มือหนาจับไปที่คานเล็กๆแล้วเชยชมใบหน้าที่ดูธรรมดาแต่กลับมีแรงดึงดูดมหาศาลทำให้เขาอยากจะเล่นกับลูกหนี้ตรงหน้า

"ไม่งั้นอะไรคะ.!" อันนาพยายามทำเสียงนิ่งเธอรู้ว่าเธอคงไม่มีทางหายเงินมากมายแบบนั้นมาได้แน่นอนแต่เธอก็จะยอมให้บ้านหลังสุดท้ายที่แม่ทิ้งเอาไว้ให้ตกไปเป็นของเจ้านี่น่าเลือดอย่างคนตรงหน้าแน่นอน

"ไม่งั้นเธอต้องทำงานใช้หนี้ให้กับฉัน ฉันมีตัวเลือกให้เธอไม่เยอะหรอกนะแล้วอีก 1 อาทิตย์ฉันจะส่งคนรับเธอ"

"เดี๋ยวสิคุณ คุณคะ..!" อันนาพยายามเปล่งเสียงเล็กๆของเธอแต่เหมือนว่าเจ้าหนี้หน้าตาโหดคนนี้ไม่อยากฟังเลย

มาร์คัสไม่ต้องการฟังคำตอบจากปากของอันนาตอนนี้เขาเดินหันหลังกลับโดยไม่รู้ว่าอันนาจะมีเงินมาคืนเขาหรือเปล่าเขาเพียงแค่รอให้อันนาวิ่งมาหาเขาด้วยตัวเธอเอง

"ฉันจะทำยังไงดี" อันนาร้องไห้เหมือนคนเสียสติเมื่ออยู่ดีๆเธอต้องมารับภาระหนี้ก้อนโตในวัยเพียง 24 ปีเธอต้องหาเช้ากินค่ำขายข้าวแกงที่หน้าบ้านหลังนี้ส่งเสียตัวเองเรียนทำงานทุกอย่าง

มาร์คัส เดินขึ้นกลับไปบนรถหรูสีดำด้วยท่าทีสง่าผ่าเผยแต่วันนี้ดูเหมือนว่าเขาจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษหลังจากที่ได้มาพบเจอกับลูกหนี้อย่างอันนา

"นายดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษนะครับ" บอดี้การ์ดคู่ใจที่นั่งประกบมาบนรถมองกระจกหลังแล้วถามมาร์คัส

"อาการกูมันฟ้องขนาดนั้นเลยหรอ..?" มาคัสหัวเราะอย่างอารมณ์ดีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

"นิดหน่อยครับนาย เจ้านายว่าผู้หญิงคนนั้นจะหาเงินมาคืนเจ้านายได้จริงๆหรอครับ"

"ฉันคิดว่าเธอหามาได้ แต่คงไม่ใช่ทั้งหมดก็รอดูกันไป" มาร์คัสมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยรอยยิ้มอย่างมีเลศนัย

หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปราวกับพายุที่โหมกระหน่ำ อันนาใช้ทุกวิถีทางเพื่อหาเงินก้อนมหาศาลนั้น แต่ไม่ว่าจะหันหน้าไปทางไหน ประตูก็ถูกปิดใส่หน้าเธอเสมอ

ไม่มีใครอยากเสี่ยงกับหนี้ที่ดูเหมือนจะไม่มีวันชดใช้หมดสิ้น ยิ่งไปกว่านั้น พ่อของเธอก็ยังคงหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย ทิ้งให้เธอต้องเผชิญหน้ากับความจริงเพียงลำพัง

"ได้โปรดเถอะของานให้ฉันทำหน่อยได้ไหมพี่ไตรรัตน์ไตรรัตน์ เพื่อนชายคนสนิทของอันนาเธอเหลือไตรรัตน์คนสุดท้ายที่จะหันหน้าไปพึ่งได้

"ฉันช่วยเธอก็ได้นะ ฉันยอมจ่ายหนี้ให้เธอหมดเลยก็ได้ แต่เธอต้องยอมเป็นแฟนของฉันแต่งานกับฉันได้ไหม..?"

ไตรภพคนที่แอบชอบอันนามานานแล้วตั้งแต่เรียนปี 1 แต่อันนาก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าชอบไตรภพเพียงแค่เพื่อน

รุ่นพี่เจ้าของร้านทองที่ไปกินข้าวแกงร้านประจำของอันนาตั้งแต่เธอเรียนปี 1 จนถึงปี 4 เหลือเพียงแค่เทอมสุดท้ายในปัจจุบันก็จะเรียนจบแล้วไตรภพพยายามทุกวิถีทางที่จะชนะใจอันนาให้ได้

"ได้โปรดเถอะพี่ไตร อย่าใช้วิธีนี้กับอันนาเลยนะค่ะ"

อันนาไม่อยากจะต้องอยู่ในกรงทองของใครไตรภพไม่ใช่คนที่ดี 100% แม้ว่าไตรภพไม่เคยร้ายกับอันนาเลยสักครั้ง แต่มักจะร้ายกับผู้ชายที่มายุ่งกับอันนา

พ่อของเขาเป็นเจ้าของร้านทองประมาณ 3-4 แห่งก็ถือว่ามีอันจะกินคนหนึ่งส่วนแม่ของไตรภพค่อนข้างเกลียดอันนาจนเข้ากระดูกดำเมื่อไหร่ที่รู้ว่าลูกชายของตัวเองมากินข้าวแกงที่ร้านของอันนามักจะเดินมาด่าหรือส่งคนมากลั่นแกล้งอันนาอยู่บ่อยครั้ง

"แต่เธอลองคิดดูสิอันนา ถ้าเธอแต่งงานกับฉัน มีลูกให้ฉัน อยู่บ้านเฉย ๆ เธอไม่ต้องทำอะไรเลย" ไตรภพพยายามที่จะใช้วิธีสกปรกให้ได้ตัวของอันนามาต่อให้อันนาเมื่อรักเขาก็ตาม

"ไม่ได้อันนา ทำไม่ได้" อันนาปฏิเสธเสียงแข็งแล้วเดินจากไตรรัตน์ไปโดยไม่หันกลับมามอง

"คอยดูเถอะสุดท้ายเธอจะต้องคลานกลับมาหาฉันอันนา!"ไตรภพพูดเค้นเสียงในลำคอด้วยความโกรธเล็กน้อย เขาพยายามทุกทางที่จะได้อันนา

ในที่สุด วันที่เส้นตายมาถึง อันนาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำตามคำสั่งของมาร์คัส ในเช้าวันนั้น เธอปิดร้านข้าวของเธออย่างเงียบงัน

หัวใจบีบรัดด้วยความเจ็บปวดที่ต้องจากสถานที่ซึ่งเปรียบเสมือนบ้านและชีวิตของเธอไป น้ำตาคลอเบ้าเมื่อคิดถึงอนาคตที่ยังไม่รู้ทิศทาง

อันนามีเงินเพียง 300,000 บาทที่จะไปให้กับมาร์คัสก่อนแล้วเหลือไว้เล็กน้อยเพื่อเป็นค่าเทอมของเธอในเทอมสุดท้ายอีกห้า หมื่นบาท

รถยุโรปคันหรูสีดำสนิทมาจอดเทียบหน้าร้านตรงเวลาเป๊ะ บอดี้การ์ดร่างกำยำสองคนลงจากรถ เปิดประตูและมองมาที่เธอด้วยสายตาไร้อารมณ์

"เชิญครับคุณอันนา นายให้ผมมาเชิญคุณอานัสไปที่คฤหาสน์" บอดี้การ์ดคนหนึ่งโค้งคำนับให้กับอันนาใบหน้าเรียบนิ่งไร้อารมณ์

อันนาโค้งคำนับเล็กน้อยแล้วก็เดินขึ้นรถไปแต่โดยดี "ขอบคุณค่ะ"

อันนาสูดหายใจลึก พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี เธอก้าวเข้าไปในรถอย่างเชื่องช้า ราวกับกำลังก้าวเข้าสู่ประตูอีกบานหนึ่งของชีวิต ที่เธอไม่รู้ว่าจะพบเจออะไรอยู่เบื้องหลัง

การเดินทางสู่คฤหาสน์ของมาร์คัส คอร์วิโน่ เงียบสงัดตลอดเส้นทาง อันนาได้แต่มองทิวทัศน์นอกหน้าต่างที่คุ้นเคยค่อยๆ เลือนหายไป

ความรู้สึกหวาดกลัวและกังวลเข้าจู่โจมหัวใจ เธอไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญกับอะไรบ้างภายใต้ชายคาของเจ้าพ่อมาเฟียผู้ทรงอิทธิพลคนนั้น

ไม่นานนัก รถก็แล่นเข้าสู่ถนนส่วนบุคคลที่ทอดยาว ผ่านประตูเหล็กดัดขนาดใหญ่ที่เปิดออกอัตโนมัติ เผยให้เห็นคฤหาสน์หลังโอ่อ่าสไตล์ยุโรป ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนพื้นที่กว้างขวาง

รายล้อมไปด้วยสวนสวยงามราวกับภาพวาด มันเป็นความหรูหราที่อันนาไม่เคยคิดว่าจะได้สัมผัส แต่ในความงามนั้นกลับแฝงไว้ด้วยความอ้างว้างและความโดดเดี่ยว

เมื่อรถจอดสนิท บอดี้การ์ดก็เปิดประตูให้ อันนาก้าวลงจากรถอย่างเชื่องช้า ดวงตากลมโตสำรวจคฤหาสน์เบื้องหน้าด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย

"เชิญครับคุณอันนา เดี๋ยวตามบอดี้การ์ดคนนั้นไปได้เลยครับ เจ้านายรออยู่" บอดี้การ์ดคนที่มาเปิดประตูรถให้อันนาได้บอกรายละเอียดต่างๆให้เธอทราบ

อันนาตอบกลับเสียงเบาๆแล้วก็เดินตามบอดี้การ์ดหน้าประตูไปอย่างว่าง่าย

ทั้งตื่นตะลึงและหวาดหวั่น ก้าวเท้าเข้าไปในตัวอาคาร เธอก็พบว่าภายในนั้นยิ่งใหญ่และวิจิตรบรรจงกว่าที่คิด

เพดานสูง ประติมากรรมหินอ่อน เฟอร์นิเจอร์สั่งทำพิเศษทุกชิ้นล้วนสะท้อนถึงรสนิยมอันหรูหราของผู้เป็นเจ้าของ

เสียงฝีเท้าหนักแน่นก้าวลงมาจากบันไดไม้โอ๊คขนาดใหญ่ ทำให้ร่างของอันนาแข็งทื่อ เธอเงยหน้าขึ้นมอง

และก็ได้พบกับมาร์คัส คอร์วิโน่ เขายืนอยู่ตรงนั้น ใบหน้าคมเข้มยังคงฉายแววเย็นชาและอำมหิต ดวงตาคมกริบกวาดมองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ราวกับกำลังประเมินค่าของสิ่งของชิ้นใหม่

"มาแล้วสินะ... อันนา.!" เสียงทุ้มต่ำของเขาก้องกังวานในโถงทางเดินอันโอ่อ่า คำพูดนั้นไม่ได้มีน้ำเสียงยินดี แต่กลับคล้ายกับการประกาศกรรมสิทธิ์....

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel