ตอนที่2 เหมือนอุ๋งๆ
TALKเซฟ
“ ทำไมถึงยอม... ให้เขารังแกแบบนั้น ทั้งๆที่ตัวเองก็ตัวใหญ่” ผมพูดขึ้น พร้อมกับมองหน้าของเธอ แต่เธอไม่สบตาผมเลย
“ พี่ถามได้ยินไหม ถ้าไม่ตอบต่อไปจะไม่ช่วยแล้วนะ”
“ อุบอิบกลัว... ฮึก... ฮือ.. ฮือ.. กลัว” ผมเข้าใจความรู้สึกเธอ ถ้าผมเป็นเธอ ผมไม่กล้าสู้ เพราะส่วนมาก มีแต่ผู้ชายที่แกล้งเธอส่วนผู้หญิงมีแค่เล็กน้อย ผมหยิบผ้าเช็ดหน้า ออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วยื่นให้กับเธอ
“ อ่ะ เช็ดหน้าซะ... หยุดร้องได้แล้วไม่มีใครทำอะไรเธอแล้ว ไหนมีแผลตรงไหนพี่ขอดูหน่อย จะได้พาไปหาหมอ” เธอยื่นแขนมาให้ผมดู แล้วก็ชี้ให้ผมดูที่แขนแล้วก็ขา เธอบอกว่าเธอเจ็บ แขนขาของเธอเป็นแผลมีเลือดซึมนิดๆ ท่าทางจะแสบมากเลย
“ มันใกล้จะถึงเวลาซ้อมแล้วนะมึง กูว่ามึงไปได้แล้วนะ ไม่มีใครทำอะไรน้องเขาแล้วแหละ มึงขู่พวกมันไว้ขนาดนั้น...? ” ไอ้บอยวิ่งมาตามผม ให้ไปซ้อมร้องเพลง เพื่อเตรียมตัวโชว์ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า...ช่วงนี้... พวกผมก็เลยต้องเตรียมความพร้อมกันอยากหนัก
“ แต่... น้องเขายังเจ็บอยู่เลยนะมึง น้องเขาจะเดินไปไหวหรอวะ กูว่าเราไปส่งน้องเขาที่ห้องพยาบาลก่อนดีไหม” ไอ้บอยมันพยักหน้า ผมก็บอกให้เธอลุกขึ้น เอากระเป๋ายื่นให้บอย ส่วนผมประคองเธอ แล้วก็เดินไปที่ห้องพยาบาล ผมไม่สนหรอกว่าสายตาคนอื่นจะมองผมยังไง แต่ผมสงสารเธอ ผมแทบจะร้องไห้ตามเธอด้วยช่ำไป
ผมส่งเธอเสร็จ ผมก็บอกกับอาจารย์ที่เฝ้าห้องพยาบาล บอกว่าเธอโดนรุมทำร้าย อยู่ที่หน้ามหาลัย ขอให้อาจารย์เปิดกล้องวงจรดู แล้วก็เอาผิดพวกที่มันรุมทำร้ายเธอ ผมทนเห็นเธอโดนทำร้ายแบบนี้ไม่ได้ มันไม่มีความยุติธรรมเลย เธอเป็นผู้หญิง แล้วโดนผู้ชายรังแก แบบนี้มันไม่แฟร์ ถ้าอาจารย์ ไม่ยอมทำตามสิ่งที่ผมบอก ผมก็จะใช้วิธีของผม แล้วอาจารย์จะได้เห็นดีกัน
ผมพูดจบอาจารย์ตอบตกลงทันที วันนี้ผมไม่มีกะจิตกะใจจะร้องเพลงเลย แต่ผมก็ต้องซ้อมเพราะมันคือหน้าที่ ผมไม่เคยเป็นห่วงใครขนาดนี้ แล้วผมก็ไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนด้วย เธอทำให้ผมรู้สึกแปลกใจในตัวเองเอามากๆเลย....
“ น้องคนนั้นน่าสงสารนะมึง” ไอ้บอยเดินไป พูดไป
“ ใช่... เธอออกจะน่ารัก มึงเคยเห็นอุ๋งๆไหม ” แล้วผมก็ยิ้มเมื่อผมพูดถึงอุ๋งๆ ตุ๊กตาอุ๋งๆ เต็มห้องนอนผมเลย
“ เอ๋อ...แมวน้ำใช่ป่ะ เหมือนมากทั้งแก้มแดงๆของน้องคนนั้น ... กูมองอยู่นานตอนน้องคนนั้นนั่งอยู่ในห้องพยาบาล...น่ารักดีนะ” หู้ยยยย! ไอ้นี่มันคิดอะไรอยู่่ ทำไมมันพูดไปยิ้มไป
“ มึงยิ้มทำไม... มึงอย่าแม้แต่จะคิดกูไม่ยอมแน่ๆ”
“ อะไร... กูยังไม่คิดอะไรเลย กูแค่บอกว่าน่ารัก มึงอย่าคิดไปไกลสิวะเพื่อน ไปๆอย่ามัวแต่คุย เดี๋ยวพวกนั้นมันจะรอพวกเรานาน” อย่าให้กูรู้นะ! ว่ามึงกำลังคิดอะไรอยู่ ไอ้บอย ไอ้ตัวร้าย
“ เซฟ...ทำไมเพิ่งมาล่ะ เพื่อนๆเขารอเธออยู่นะ นี่น้ำจอยเอามาเสิร์ฟให้ เซฟดื่มน้ำก่อนขึ้นร้องเพลงนะ เสียงจะได้สดใส” จอยเป็นเพื่อนที่คณะของผมเอง ก็ค่อนข้างสนิทกันระดับหนึ่ง แต่มีหลายๆคนบอกว่าจอยชอบผม แต่ว่าผมไม่ได้สนใจในตัวของจอย ผมรู้สึกกับจอยแค่เพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น
“ ขอบคุณนะจอย วางไว้ก่อนนะเรายังไม่หิว” ผมรีบเดินขึ้นไปบนเวที
“ เชฟไม่สบายหรอสีหน้าเซฟไม่ค่อยดีเลยนะ ให้จอยไปเอายาให้ไหม จอยเป็นห่วงเซฟนะ ”
“ ไม่เป็นไรจอย ผมสบายดี” ผมพูดจบ ผมก็เดินไปหาไอ้บอย ที่กำลังซ้อมเสียงกีตาร์ไฟฟ้าอยู่ ไอ้ทีมันเดินตรงมาหาผมกับไอ้บอย ด้วยสีหน้าที่ไม่พอผมเป็นอย่างมาก...!!
“ มึงเป็นอะไรไปวะไอ้เซฟ มึงไปช่วยผู้หญิงคนนั้นทำไม มึงไม่ดห็นหรอว่ามันคือตัวตลกของพวกกู มันอ้วน.. ไม่สวยแถมยังทำตัวปัญญาอ่อนอีก” ผมกำหมัดแน่น เดินเข้าไปหามัน... ผมต่อยเข้าไปที่หน้ามันแรงๆ1ครั้ง
“ เห้ยย เซฟอย่า ” ไอ้บอยร้องห้ามผม?
“ กูเกลียดคนที่ดูถูกผู้หญิง เขาคือเพศแม่ของมึง เขาจะสวยไม่สวย มึงก็ไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินเขา เขามาเรียนมาหาความรู้ เขาไม่ได้มาเป็นสถุนแบบมึง อย่าให้กูต้องทำกับมึงมากกว่านี้นะไอ้ที ... ถ้ากูรู้ว่ามึงรังแกน้องคนนั้นอีก มึงกับกูได้เห็นดีกันแน่นอน ” หลายๆคนต่างเข้ามาห้ามผม ส่วนไอ้ทีมันโดนผมต่อย ปากแตกฟันหักด้วยโบว์กับจอยพามันไปทำแผล มันไม่กล้าตอบโต้ผม เพราะที่นี่คือมหาลัยของพ่อผม ส่วนมากจะมีแค่คนสนิทกับผมจริงๆเท่านั้น ที่จะรู้ว่าผมคือลูกของเจ้าของที่นี่ ส่วนอาจารย์หลายๆท่าน รู้หมดทุกคนว่าผมคือลูกของเจ้าของที่นี่ แต่ผมไม่เคยใช้สิทธิ์ ลูกของเจ้าของมหาลัยทำเรื่องแย่ๆ หรือพลักดันตัวเองเลยนะ ทุกๆอย่างผมทำด้วยความสามารถของผมเองทั้งนั้น...!!
“ ใจเย็นๆนะมึง” ไอ้บอยพูดขึ้น พร้อมกับเดินมาตบบ่าไหล่ผมเบาๆ ผมก็พยักหน้าตอบรับ มันคงเห็นว่าผมโมโหมาก ถ้าไม่ถึงที่สุดจริงๆผมจะไม่ต่อยใครก่อนเด็ดขาด
“ เอาเป็นว่าวันนี้กูขอไม่ซ้อมนะ ใครอยากซ้อมก็ซ้อมไป กูไม่มีอารมณ์ซ้อมแล้ว ” ผมรีบเดินออกมาจากห้องซ้อมดนตรีทันที ไอ้บอยมันก็วิ่งตามผมมา ไอ้ทีมันโดนน้อยไปหน่อย ถ้าไอ้บาสมามันคงโดนหนักกว่านี้แน่ๆ แต่วันนี้ถือว่าเป็นโชคดีของมัน ที่ไอ้บาสไม่สบาย ก็เลยไม่ได้มาเรียน
TALKอุบอิบ
“ เจ็บมากไหม ช่วงนี้มีกิจกรรมเยอะไม่ค่อยได้เรียนเกศินีกลับบ้านไปพักผ่อนก็ได้นะ ถ้าพรุ่งนี้ไม่หายก็ไม่ต้องมาเรียนหยุดพักเอาแรง... เดี๋ยวอาจารย์จะคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาให้เอง” เราพยักหน้า
ยกมือไหว้อาจารย์
“ อย่าคิดมากเลยนะเกศินี”
“ หนูมันน่าเกลียดขนาดนั้นเลยหรอคะ ทำไมมีแต่คนเกลียดหนู หนูพยายามที่จะเป็นมิตรกับทุกๆคน ยิ้มให้ทุกคนตลอด แต่ทำไมทุกคน ต้องรังเกียจหนูด้วยคะ ฮึก... ฮือ... ฮือ.. ทุกคนทำไมไม่เข้าใจหนู หนูไม่เคยได้รับความรักจากเพื่อนเลย เพื่อนๆในคณะรังเกียจหนู ไม่คุยกับหนูเลย ไม่มีใครอยากนั่งใกล้ๆหนูเลย
“ เกศินี... อาจารย์เข้าใจความรู้สึกหนูนะลูก อาจารย์สัญญาว่าจะไม่ให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก อาจารย์จะลงโทษโดยการหักคะแนน ทุกๆคนที่ทำร้ายเกศินีนะ”
“ หนูกลัวว่าถ้าจะหักคะแนนพวกเขา พวกเขายิ่งทำร้ายหนูกว่าเดิม เพราะหนูเป็นต้นเหตุทำให้พวกเขาโดนหักคะแนน หนูว่าหนูขอออกจากมหาลัยที่นี่ดีกว่าค่ะ หนูไม่เรียนที่นี่และปีหน้าหนูหาที่เรียนที่ใหม่ก็ได้ค่ะ ”
“ ไม่ต้องออกไปไหนทั้งนั้น” เสียงผู้ชายดังขึ้นจากทางด้านหน้าประตู...พะ... พี่เซฟ?
“ อาจารย์จะไปสอนใช่ไหมครับ เดี๋ยวผมดูแลน้องเขาเอง ”
“ งั้นอาจารย์ฝากด้วยนะ มีอะไรก็เรียกอาจารย์ได้ทุกเมื่อเลยนะ ”
“ ครับ” พี่เซฟมองหน้าเรา เรารีบหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำตาออกทันที
“ ฮึก... อุบอิบไม่ได้ร้องไห้นะคะ” พี่เซฟมองหน้าเราแล้วยิ้ม พี่เซฟหยิบผ้าเช็ดหน้าพร้อมกับจับหน้าเราขึ้นมาให้มองหน้าเขา พี่เซฟ เช็ดน้ำตาที่ใบหน้าของเราออก หัวใจเราเต้นแรงมากๆ มันไม่เป็นจังหวะเลย.... สั่นไปหมดทั้งตัวเลย
“ อ่ะ เอาไปซักแล้วพรุ้งนี้เอามาคืนด้วยนะ ผ้าเช็ดหน้าผื้นนี้ พี่รักมากเลยรู้ไหม”
“ มะ... ม่ายรู้ค่ะ” ฉันตอบด้วยน้ำเสียงขัดๆ
“ ไม่รู้ก็รู้ไว้ซะ แล้วทำแผลยังขอพี่ดูหน่อย” พี่เซฟยกยกแขนฉันขึ้นมากู เขาเป็นผู้ชายคนเดียวที่ไม่รังเกียจฉัน
“ กินข้าวหรือยังหิวไหม ถ้าหิว พี่จะให้เพื่อนพี่เอากับข้าวขึ้นมาให้ทาน”
“ ไม่เป็นไรค่ะอุบอิบทานมาจากที่บ้านแล้ว”
“ แล้วจะอยู่เรียนต่อ หรือจะกลับบ้าน” พี่เซฟเดินไปหยิบยา ใส่ถุงให้เรา
“ กลับบ้านค่ะชุดดำหมดแล้ว เปลี่ยนไม่ได้แล้วมันสกปรก แล้วมันก็เหม็นด้วยกลับไปคงโดนคุณแม่ดุแน่นอน”
“ อย่าร้องไห้สิ เดี๋ยวพี่จะไปส่งเอง บอกความจริงกับแม่ไปซะ ถ้าเราไม่กล้าบอกเดี๋ยวพี่จะเป็นคนบอกให้”
“ แต่อุบอิบกลัวคุณแม่คิดมากค่ะ อุุบอิบอยู่กับคุณแม่แล้วก็น้องแค่ 3 คน ส่วนพ่อทิ้งพวกเราไปมีภรรยาใหม่ค่ะ แล้วก็มีครอบครัวใหม่ไปแล้ว อุบอิบไม่อยากให้คุณแม่ต้องเป็นห่วงค่ะ อุบอิบขอกลับเองนะคะ ”
“ งั้นก็ได้... แต่ต้องสัญญากับพี่ก่อนนะ ว่าจะไม่ร้องไห้อีก ...” เราพยักหน้า เอานิ้วก้อยไปเกี่ยวกับนิ้วก้อยของพี่เซฟ ที่ยกขึ้นมา พี่เซฟยิ้ม แล้วเดินเอายาไปใส่กระเป๋าให้กับเรา เรายกมือขึ้นไหว้พี่เซฟ แล้วก็บอกกับพี่เซฟว่า อุบอิบง่วงนอน อุบอิบจะกลับบ้าน อุบอิบเจ็บแผลคงไม่มีสมาธิเรียนแล้วค่ะ...
พี่เซฟ อาสาประครอง เราลงมาส่งที่หน้ามหาลัย พี่เซฟให้เงินเรา500 บาท ค่าแท็กซี่ เรายังไม่ได้บอกเลย ว่าเราจะเอาเงินพี่เซฟ แต่พี่เซฟยัดให้ลุงแท็กซี่แล้วบอกว่า... เหลือเท่าไหร่ก็ถอนให้กับเรา แล้วจะให้เราเอากลับมาคืนเขาพรุ่งนี้เช้า...
“ กินยาด้วยนะรู้ไหม... อย่าดื้อล่ะ พักผ่อนมากๆ จะได้หายเร็วๆ ”
“ ค่ะ อุบอิบไปก่อนนะคะ บ๊ายบายค่ะพี่เซฟ” พี่เซฟยกมือโบ๊กให้เรา ก่อนที่พี่เซฟจะเดิน กลับเขาไปในมหาลัย
เราหยิบผ้าเช็ดหน้าของพี่้เซฟ ขึ้นมาไว้ พี่เซฟบอกกับเราว่ามันคือผ้าที่พี่เซฟรักมาก เราจะกลับไปซักให้สะอาด แล้วก็จะดูแลเท่่าชีวิตของเราเลยค่ะ...
....... พี่เซฟผู้ชายคนนี้ละมุมมากๆ ฝากกดไลค์ให้แอดพร้อมคอมเม้นเป็นกำลังใจด้วยนะคะถ้าอยากให้ลงเร็วๆ.....
( อ่านจบฝากคอมเม้นกดไลค์เป็นกำลังใจให้แอดด้วยนะแอดจะได้ลงบ่อยๆขอบคุณค่ะ)
