ตอนที่ 4 : เถ้าควันหลังชัยชนะ
เช้าวันใหม่ปกคลุมหมู่บ้านด้วยความเงียบผิดปกติ แสงแดดสาดลอดเมฆสีเทาหม่น ราวกับสวรรค์ยังคงเฝ้ามองเหตุการณ์เมื่อคืนที่เพิ่งผ่านไป เศษเถ้าควันยังเกาะตามชายคาไม้ กลิ่นไหม้จากกองฟืนที่ใช้เบี่ยงยามยังคละคลุ้ง
ซินเหยาลืมตาตื่นในเพิงไม้เล็ก ๆ ที่แม่ม่ายกับลูกสองคนจัดไว้ให้เป็นที่พักชั่วคราว เสียงหายใจสม่ำเสมอของเด็ก ๆ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกอีกใบ โลกที่ยังพอมีความสงบ แม้เพียงชั่วครู่
เธอขยับกาย ลูบแผลช้ำตามแขน ความเจ็บแปลบยังคงอยู่ แต่หัวใจกลับแน่วแน่กว่าทุกครั้ง ตั้งแต่เธอก้าวเข้ามาในโลกนี้ สิ่งเดียวที่เธอรู้ชัดคือ—ความยุติธรรมไม่ได้ถูกกำหนดด้วยกฎหมาย หากแต่ถูกกำหนดด้วย “เวลา” ที่ใครบางคนมีสิทธิ์พรากไปจากผู้อื่น
ซินเหยาสะพายเสื้อคลุมสีหม่น เดินออกไปยังลานกลางหมู่บ้าน ที่นั่นมีชาวบ้านจำนวนหนึ่งยืนล้อมรอบแท่นพิธี หมุดกาลที่แตกร้าวเมื่อคืนถูกคลุมด้วยผ้ากระสอบหยาบ ทุกคนจ้องมันด้วยแววตาผสมระหว่างความหวังกับความหวาดหวั่น
ผู้ใหญ่บ้าน—ชายวัยห้าสิบผิวกร้านแดด—เดินเข้ามาข้างเธอ เขากระซิบเบา ๆ “เช้านี้พวกของเจ้าเหมินมาเงียบ ๆ มันนับจำนวนครัวเรือน ตรวจเส้นทางหนี แล้วก็ไปตั้งค่ายย่อยตรงทุ่งเกลือด้านตะวันตก ขนของบางอย่างมาด้วย ข้าว่า…มันเตรียมพิธีใหม่แล้ว”
ซินเหยากำมือแน่น เธอรู้ว่าความสำเร็จเมื่อคืนไม่ใช่การหยุดยั้ง แต่เป็นเพียงการซื้อเวลา
เธอหันไปมองแท่นพิธีที่ถูกคลุมอยู่ ใต้ผ้ากระสอบนั้นมีรอยแตกที่เธอฝากไว้ รอยที่ทำให้พิธีหยุดชะงักเพียงเสี้ยววินาที และช่วยชีวิตหลิวซานเอาไว้ แต่ครั้งต่อไป…เหมินอี้จะไม่พลาดให้เธอใช้กลยุทธ์เดิมอีก
เสียงฝีเท้าดังจากด้านหลัง “ดูเหมือนเจ้าตื่นเช้าไม่น้อย”
ซ่งเจี้ยนปรากฏตัว เขาสะพายกระสอบผ้าเล็ก หอบเล็กน้อย แต่รอยยิ้มยังฉายชัด “ข้าเอาอุปกรณ์มาด้วย—เหล็กงัดสามชิ้น คีมเล็กหนึ่ง และลวดเส้นบาง ๆ”
ซินเหยาลองดีดปลายลวด เสียงแหลมสั้นสะท้อนออกมา ซ่งเจี้ยนอธิบายว่า “ลวดนี้ดัดเป็นคลิปได้ ลื่นพอจะสอดเข้าไปตรงรอยตาเงินโดยไม่ทิ้งรอยใหม่ ถ้าใช้พร้อมแรงสั่นจากพื้น จะทำให้หมุดกาลเสียสมดุลในช่วงพิธีสวด”
ซินเหยาพยักหน้า เธอเริ่มร่างแผนในหัวทันที
• ชั้นแรก: ใช้ควันชื้นสองกอง เบี่ยงยามออกจากแนวพิธี
• ชั้นสอง: สอดลวดกดรอยเดิมให้ขยายตัว
• ชั้นสาม: หากทุกอย่างล้มเหลว ให้คนโยนถุงเกลือเปียกใส่ฐานหมุด เพื่อถ่ายแรงออกจากแกน
ระหว่างที่เธอกำลังคิด แม่ม่ายที่เคยยกเศษเฟืองให้เมื่อคืนเดินเข้ามา เธอยกมือไหว้แล้วเอ่ยเสียงสั่น “ท่านหญิง…เมื่อคืนข้าเห็นชายแปลกหน้าแอบคุยกับหัวหน้าคลังเกลือ เขาสวมแหวนเงินแกะเฟืองครึ่งซีก แต่ที่ข้อมือกลับผูกด้ายแดง”
ซินเหยาขมวดคิ้วทันที 【ระบบบันทึก】 เบาะแสใหม่: เครือข่ายชั้นบนของกงล้อเวลา อาจมีผู้เกี่ยวข้องจากอำเภอใหญ่
เธอขอให้แม่ม่ายวาดสัญลักษณ์นั้นลงบนไม้ชิ้นเล็ก แล้วเก็บใส่เสื้ออกทันที สายตาเธอหันขึ้นฟ้า มองกงล้อมหึมาที่ลอยอยู่ไกลสุดสายตา
“…หากนี่คือเกมที่เจ้าพวกนั้นใช้เวลาเป็นอาวุธ” เธอพึมพำเบา ๆ “ข้าจะใช้ทุกเสี้ยววินาทีเป็นเกราะให้ผู้คน”
บ่ายวันนั้น หมู่บ้านเหมือนถูกกดด้วยความเงียบ ทุกคนรู้ว่าเจ้าเหมินจะกลับมา แต่ไม่รู้ว่าจะมาเมื่อไร ซินเหยานั่งกางแผนที่หยาบที่วาดจากคำบอกเล่าของผู้ใหญ่บ้าน เส้นสีดำถ่านแบ่งเส้นทางลม ทิศทางน้ำ และจุดเฝ้าของยาม เธอวางนิ้วลงทีละตำแหน่ง ริมฝีปากขยับคำนวณเหมือนทนายที่กำลังร่างคำแถลงต่อศาล
ซ่งเจี้ยนก้มลงมอง “เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าจะให้พวกชาวบ้านช่วยเจ้า พวกเขากลัวจนแทบเดินไม่ตรงแล้ว”
ซินเหยาสบตาเขา ดวงตาคมดั่งคมมีด “ในศาล ข้าเคยปกป้องคนที่ไม่มีเสียง…แต่ที่นี่ หากทุกคนไม่ยืนขึ้น เราจะไม่มีวันชนะ”
คำพูดนั้นทำให้ชายหนุ่มนิ่งไป เขามองใบหน้าเธอที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ไม่ใช่เพียงความดื้อรั้น แต่คือความศรัทธาในบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า
ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าหนักดังขึ้นจากปลายถนน คนในหมู่บ้านรีบถอยเข้าบ้าน ปิดหน้าต่างแน่น ทหารโรงงานสามนายเดินตรวจตรา พวกมันลากชายหนุ่มคนหนึ่งออกมาอย่างหยาบคาย เสียงกรีดร้องของแม่แก่ ๆ ดังสะท้อน “ปล่อยลูกข้า!”
ซินเหยากัดฟันแน่น เลือดในกายพลุ่งพล่าน เธออยากพุ่งออกไปช่วย แต่สมองเย็นลงทันที—นี่ไม่ใช่เวลาลงมือ นี่คือการทดสอบจากเจ้าเหมิน
【ระบบแจ้งเตือน】
เหตุการณ์สุ่ม: การจับกุมระหว่างวัน
ผลลัพธ์: หากผู้ถูกจับไม่ถูกช่วย ทหารจะใช้เขาเป็นเป้าพิธีคืนนี้
โอกาสแทรกแซง: ต่ำมาก หากใช้ทันที = ความเสี่ยงสูง
ซ่งเจี้ยนกระซิบเสียงสั่น “เราจะทำยังไงดี”
ซินเหยาหันมองทหารลากเหยื่อหายไปทางโรงงาน เธอสูดลมหายใจยาว “ไม่…คืนนี้เราค่อยจัดการ นี่คือการบังคับให้เราตัดสินใจด้วยอารมณ์ ถ้าเราพลาดหนึ่งครั้ง ชาวบ้านทั้งหมดจะตาย”
เธอกำหมัดแน่นจนเล็บกดลงผิว มือสั่นเล็กน้อย แต่ดวงตากลับนิ่งมั่น เธอเลือกแล้วว่าจะไม่เสียเวลาไปกับความหุนหัน
หลังทหารหายไป ซินเหยาเรียกประชุมเงียบในโรงเก็บเกลือเก่า มีเพียงไม่กี่คนที่กล้ามา หนึ่งในนั้นคือแม่ม่าย อีกสองคนคือวัยหนุ่มที่เคยช่วยขนฟืนเมื่อคืน
“คืนนี้ เราจะสร้างควันสองกอง—ทิศตะวันตกกับเหนือ” ซินเหยาพูดเสียงหนักแน่น “เมื่อควันฟุ้ง ยามจะเคลื่อนไปผิดทาง จากนั้นข้าจะสอดลวดเข้าไปตรงตาเงินที่แตกร้าวให้มันสั่น และถ้าไม่สำเร็จ ทุกคนโยนถุงเกลือเปียกลงฐานหมุดทันที”
“มันเสี่ยงเกินไป” หนุ่มคนหนึ่งโพล่ง “ถ้าเราถูกจับ…”
“เสี่ยงแน่” เธอตัดบท “แต่หากไม่ทำ พรุ่งนี้ก็ไม่มีหมู่บ้านให้พวกเจ้าอยู่”
คำพูดนั้นทำให้ห้องเงียบ ทุกคนสบตากัน ไม่มีใครอยากเผชิญ แต่ไม่มีใครเถียงอีก
แม่ม่ายวางมือบนอก “เราจะทำตาม…เพราะเมื่อคืนท่านช่วยพวกเราไว้ ถ้าท่านไม่ยืนตรงนั้น วันนี้ลูกข้าอาจไม่เหลือ”
เสียงนั้นทำให้กำลังใจซึมผ่านทุกคน เงียบงันกลายเป็นความตั้งใจ ซินเหยารู้สึกได้ว่าความหวังเล็ก ๆ กำลังงอกขึ้นในใจผู้คน แม้มันเปราะบาง แต่ก็พอจะยืนหยัด
【ระบบบันทึก】
ภารกิจย่อย: ปลุกความหวังของชาวบ้าน
ความคืบหน้า: 35%
ซินเหยากำเฟืองในมือแน่น มองออกไปนอกหน้าต่างที่พระอาทิตย์กำลังลับฟ้า สีส้มแดงกลืนเข้ากับเมฆหม่น เธอพึมพำเบา ๆ ว่า “คืนนี้…กงล้อจะได้ยินเสียงของเราอีกครั้ง”
ตะวันตกดินช้า ๆ เงาโรงงานทอดยาวทาบหมู่บ้าน เสียงกลองไม้ดังก้องเป็นสัญญาณอีกครั้ง ทุกคนรู้ว่าคืนนี้พิธีจะเริ่มขึ้นอีก
ซินเหยายืนอยู่ขอบลาน แววตาไม่สั่นไหว เธอมองเห็นควันบางจากกองฟืนที่ซ่งเจี้ยนกับเด็กหนุ่มจุดไว้เริ่มลอยขึ้นท้องฟ้า ชาวบ้านจำนวนหนึ่งแอบซ่อนอยู่ในยุ้ง เฝ้ารอจังหวะที่เธอสั่ง
ลมพัดแรงขึ้น กลิ่นเกลือและควันปะปนกันในอากาศ หมุดกาลกลางลานยังคงคลุมด้วยผ้ากระสอบ แต่แสงเงินลอดออกมาจากรอยแตกที่เธอฝากไว้เมื่อคืน มันเตือนว่าเวลาไม่ได้อยู่ฝ่ายใดทั้งนั้น หากแต่ขึ้นอยู่กับว่าใครกล้าจะใช้มัน
ซ่งเจี้ยนเข้ามายืนข้างเธอ เสียงสั่นแต่แฝงความมั่นใจ “ทุกอย่างพร้อมแล้ว…เจ้าจะเดินนำจริง ๆ ใช่ไหม”
ซินเหยาไม่ตอบ เพียงยกมือขึ้นกำเฟืองเล็ก ๆ แน่น แสงสะท้อนวาบในดวงตา เธอสูดลมหายใจยาว แล้วก้าวออกไปข้างหน้า
เสียงฝีเท้าทหารเจ้าเหมินดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เสียงโลหะกระทบกันก้องในความมืด กงล้อบนท้องฟ้าเริ่มหมุนเร็วขึ้นเหมือนกำลังรอคอย
ซินเหยาพึมพำกับตนเอง “…ไม่ว่ากงล้อจะหมุนไปทางใด ข้าจะเป็นคนชี้เส้นทางให้มัน”
คืนใหม่กำลังจะเริ่ม และการต่อสู้ครั้งที่แท้จริงก็เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น