บท
ตั้งค่า

บทที่ ๕ - 3

“ถอดเสื้อออก” เขาออกคำสั่ง น้ำเสียงนั้นราบเรียบแต่ไม่มีที่ว่างให้ปฏิเสธ

เหนือเมฆลังเลเล็กน้อย แต่เมื่อสบตากับสายตาคมกริบคู่นั้น เขาก็รีบถอดเสื้อยืดของตัวเองออกอย่างว่าง่าย ลมเย็นสัมผัสผิวของเขาจนขนลุกซู่ เผยให้เห็นแผ่นอกที่ขาวจัดตัดกับรอยประทับสีแดงคล้ำบนต้นแขน

สิงห์คำหยิบด้ายสีขาวกลุ่มหนึ่งขึ้นมา เริ่มบริกรรมคาถาอีกครั้ง...แต่ครั้งนี้ด้วยน้ำเสียงที่ทรงพลังและก้องกังวานกว่าเดิม ภาษาแห่งอำนาจนั้นทำให้แสงเทียนสั่นไหวอย่างรุนแรง กลุ่มเงาที่อยู่หน้าคุ้มพากันบิดเบี้ยวและเต้นระริกราวกับมีชีวิตที่กำลังหวาดกลัว

พ่อครูน้อยจุ่มด้ายสีขาวลงในขันน้ำมนต์ ก่อนจะนำมันมาพันรอบข้อมือซ้ายของเหนือเมฆสามรอบ ด้ายที่ชุ่มน้ำมนต์นั้นเย็นจัดราวกับน้ำแข็ง แต่เมื่อเงื่อนสุดท้ายถูกดึงจนตึง...

“อึ่ก!”

ด้ายสายสิญจน์พลันร้อนจี๋ขึ้นมาราวกับเหล็กเผาไฟ เหนือเมฆร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ความรู้สึกเหมือนมีเข็มนับพันเล่มที่ถูกแช่แข็งจนเย็นจัดกำลังทิ่มแทงเข้ามาในร่าง...ไม่ใช่จากภายนอก...แต่มาจากข้างใน

กลิ่นมะลิเน่าที่เขาคุ้นเคยพลันฟุ้งกระจายขึ้นมาอย่างรุนแรง ความเย็นยะเยือกที่เคยเกาะกินอยู่พลันปะทุขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งราวกับอสรพิษร้ายที่ถูกปลุกให้ตื่น มันกรีดร้องต่อต้านอยู่ในหัวของเขา ควันสีดำบางๆ ลอยขึ้นมาจากรอยประทับบนแขนของเขา และเสียงกรีดร้องโหยหวนของผู้หญิงก็ดังขึ้นในหัว

“อดทนไว้!” เสียงของสิงห์คำดังขึ้นมาอย่างเฉียบขาด

“มันกำลังต่อต้าน! อย่าหื้อสติหลุด!”

สิงห์คำตักน้ำมนต์ในขันขึ้นมาด้วยมือขวา แล้วสาดใส่ร่างของเหนือเมฆอย่างแรง

ซ่า! ฉ่าาาาาา!!!

เสียงนั้นดังราวกับน้ำที่ถูกสาดลงบนเหล็กร้อน! กลิ่นไหม้คล้ายเส้นผมถูกไฟลนคละคลุ้งไปทั่ว

“อ๊ากกกกกก!!!”

น้ำมนต์ทุกหยาดหยดที่สัมผัสผิวของเขานั้นไม่ต่างอะไรกับถ่านไฟร้อนๆ มันไม่ได้เผาแค่ผิวหนัง แต่แผดเผาไอเย็นที่เกาะกินอยู่ข้างในจนเกิดเป็นความเจ็บปวดที่ทับทวีคูณ เขากรีดร้อง...ไม่ใช่แค่เพราะความแสบร้อน แต่เพราะความรู้สึกราวกับว่ามี รากไม้ที่มองไม่เห็น ซึ่งชอนไชอยู่ในร่างกายของเขาทุกอณู...กำลังถูกกระชากออกอย่างรุนแรง มันคือความรู้สึกของการถูกถอนรากถอนโคนจากภายในจิตวิญญาณ ทิ้งไว้เพียงความเจ็บปวดและโพรงอันว่างเปล่าที่หนาวเหน็บอยู่กลางอก

สิงห์คำยังคงสวดคาถาต่อไปไม่หยุด เสียงของเขาเปรียบเสมือนโซ่ตรวนที่มองไม่เห็นซึ่งกำลังลากดึงสิ่งที่น่ารังเกียจนั้นออกมา จนกระทั่งเสียงกรีดร้องในหัวของเหนือเมฆเงียบหายไป...

ร่างของชายหนุ่มอ่อนระทวยและฟุบลงกับพื้น หมดสติไปในที่สุด

เมื่อทุกอย่างสงบลง กลิ่นอับไหม้และกลิ่นมะลิเน่าได้จางหายไป เหลือเพียงกลิ่นกำยานและสมุนไพรอันบริสุทธิ์ดังเดิม เอื้องผึ้งรีบเข้าไปดูอาการของเหนือเมฆด้วยความเป็นห่วง รอยนิ้วมือบนแขนของเขาที่เคยเป็นสีแดงคล้ำ บัดนี้ได้จางลงไปมาก เหลือเพียงรอยช้ำจางๆ เท่านั้น

สิงห์คำมองผลงานของตัวเองด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะหันไปสั่งลุงอินที่ยืนรออยู่ห่างๆ

“ปาเปิ้นไปพักตี้ห้องรับแขก...แล้วล็อกประตูตางนอกไว้” (พาเขาไปพักที่ห้องรับแขก...แล้วล็อกประตูข้างนอกไว้)

เขาหันมามองด้ายสายสิญจน์สีขาวบนข้อมือของคนป่วยที่บัดนี้มีจุดสีดำเล็กๆ ปรากฏขึ้นมาหนึ่งจุด

“นี่แค่เริ่มต้น...” พ่อครูน้อยสิงห์คำพึมพำกับตัวเองเสียงเบา

“เป็นการผูกมันไว้กับตัวเจ้าของ...บ่าหื้อมันออกไปทำร้ายไผได้แหม” (เป็นการผูกมันไว้กับตัวเจ้าของ...ไม่ให้มันออกไปทำร้ายใครได้อีก)

เขาเงยหน้าขึ้นมองความมืดนอกคุ้ม ดวงตาคมกริบฉายแววแข็งกร้าว

“คืนนี้มันจะปิ๊กมาแหม...แต่เข้ามาในนี้บ่าได้...แล้วพรุ่งนี้...เฮาจะได้หันดีกัน” (คืนนี้มันจะกลับมาอีก...แต่เข้ามาในนี้ไม่ได้...แล้วพรุ่งนี้...เราจะได้เห็นดีกัน)

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel