3
งานเลี้ยงในตอนเย็นถูกจัดขึ้นแบบง่ายๆอย่างที่เคยปฏิบัติมาทุกเดือน ธีร์ใช้บ้านของเขาเองในการนัดสังสรรค์กับเพื่อนสนิทและเพื่อนในวงการธุรกิจของเขาเดือนเว้นเดือน เด็กรับใช้ในบ้านเดินแทบชนกันเพื่อเร่งให้งานเสร็จทันก่อนเวลาที่แขกเหรื่อของนายจะมากันในตอนหัวค่ำตามเวลานัดหมาย
“คุณณิชขาวางงานลงเถอะค่ะ ขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดสวยๆลงมารับแขกเถอะนะคะ” เด็กรับใช้ต้องออกปากเมื่อเห็นใบหน้างามหมดจดนั่นมันวาวไปด้วยเหงื่อ ผมลุ่ยลงปรกในหน้าบางส่วน จะว่าไปณิชาทำงานมากกว่าคนรับใช้ในบ้านเสียอีก
ณิชาเร่งทำของในมือ ตอบไปอย่างไม่สนใจอย่างอื่นนอกจากงานตรงหน้า “แต่อาหารชุดนี้ยังไม่เรียบร้อยดีเลย ไว้ก่อนเถอะค่ะ เรื่องอาบน้ำแต่งตัวสวยๆน่ะ”
“โธ่คุณคะ นี่มันงานของพวกหนูนะคะ”
“ช่วยกัน จะได้เสร็จไวไวไง”
“คุณก็แบบนี้เรื่อยเลย”
ณิชายิ้มส่งให้เด็กรับใช้ ยกหลังมือขึ้นปาดเหงื่อที่ย้อยลงมาทางหน้าผากก่อนจะไหลเข้าดวงตาให้แสบไปเสียก่อน เมื่อทุกอย่างดูลงตัวแล้ว สั่งงานเด็กในห้องครัวอีกหน่อย ดูความเรียบร้อยอยู่เกือบชั่วโมงจนวางใจดีแล้ว เด็กรับใช้เข้ามาบอกอีกครั้ง
“ไปอาบน้ำเถอะค่ะ ทางนี้หนูจัดการเอง”
ค่อยยอมเช็ดมือกับผ้าขี้ริ้วบนโต๊ะ สายตาหวานเศร้ากวาดมองไปยังบริเวณจัดงานด้วยสายตาสำรวจตรวจตราจนแน่ใจแล้วค่อยพยักหน้าให้เด็กรับใช้คนเดิม
หญิงสาวรีบจ้ำเข้าห้องของตนเองอาบน้ำอย่างรีบเร่ง ตรงไปยังตู้เสื้อผ้าเพื่อรื้อหาชุดออกมาใส่ ก็เห็นว่ามีชุดหนึ่งแขวนรออยู่แล้วที่ด้านหน้า พร้อมโพสต์อิทแปะกำกับด้วยลายมือที่คุ้นชิน
‘ใส่ชุดนี้จะได้เป็นธีมเดียวกัน’
ณิชามองเงาสะท้อนของตนเองในกระจก สำรวจความเรียบร้อยดีแล้วจึงลงไปยังบริเวณที่ใช้สำหรับจัดเลี้ยง เข้าไปช่วยเด็กๆพร้อมทักทายแขกเหรื่อที่เป็นเพื่อนของธีร์ไปพลาง จนเวลาล่วงเข้ากลางดึก จึงได้เห็นว่าคนเป็นสามีส่งสายตามองมา พยักหน้าที่รู้ความนัยว่าเขาต้องการให้เธอเข้าไปหา
เดินอ้อมสระว่ายน้ำเข้าไปจนถึงเก้าอี้ที่ธีร์นั่งก็ถูกรวบตัวดึงให้ลงนั่งบนตักแกร่งๆแน่นตึงไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ แถมยังถูกวงแขนล่ำใหญ่โตของเขารัดรอบเอวเล็กๆของเธออีกด้วย
“ใส่ชุดแบบนี้แล้วดูเซ็กซี่จัง”
ชมเสร็จก้มลงฝังริมฝีปากกับไหล่เนียนของเธอ ณิชาร้อนวาบไปทั่วใบหน้าพร้อมๆกับบริเวณที่ถูกเขาฝังจุมพิต “ดูสายตาของเพื่อนผมเวลามองคุณสิ ผมชอบชะมัด”
ณิชานั่งตัวแข็งทื่อในอ้อมกอดที่อุ่นจนเกือบร้อนนั่น ไม่กล้ามองเพื่อนๆของเขาหรอกว่าสายตาเป็นเช่นไร แล้วกลั้นใจครู่หนึ่งบอกออกไป
“ณิชไปเตรียมเครื่องดื่มให้นะคะ”
“เดี๋ยว”
ธีร์รั้งด้วยรอยยิ้มแล้วเลื่อนมือที่กอดรัดเอวบางของเธอมาจับรอบสะโพกกดลงน้ำหนักจนรู้สึกได้ว่าเขาตื่นตัวกับการใกล้ชิดระหว่างกันเพียงใด เสียงทุ้มกระซิบบอกยั่วเย้า “ดูสิว่ามันคึกคักพร้อมรบขนาดไหน คุณรู้วิธีจัดการไม่ใช่หรือณิชา”
หญิงสาวสะดุ้งตกใจในทันที สายตามองกราดไปรอบๆก็พบว่าไม่มีใครสนใจมองมาที่เจ้าของบ้านสักคนเดียว ธีร์หลอกเธออย่างนั้นหรือ คนร้ายกาจ ปฏิเสธเสียงสั่นเมื่อรู้ว่าเขาไม่น่าจะพูดเล่น
“มะ ไม่นะคะ คุ เพื่อนคุณ”
ธีร์แกล้งเลิกคิ้วถามเหมือนไม่เข้าใจจริงๆ “ทำไม”
“ณิ...ณิชอาจเสียงดัง” สุดท้ายเลือกเอาคำตอบที่ไม่ได้อยากเอื้อนเอ่ยออกมานัก แต่รู้ว่าสามีของเธอจะหยุดหากได้ยินคำนี้มากกว่าคำปฏิเสธออกไปตรงๆ
“ทำไม อายหรือไง...คัมมอน”
ณิชากัดปากแน่น เดือดในใจขึ้นมาแทน ข่มโทสะที่มาพร้อมความอายแล้วตั้งท่าจะทำอย่างที่เขาสั่งแกมบังคับนั่น ธีร์เอียงคอมองคนบนตักแล้วหัวเราะในลำคอที่ฟังรู้ว่าถูกใจเสียนักหนา เขาโน้มกายด้านหน้าที่เต็มไปด้วยกล้ามมัดตึงแน่นแนบ
เข้ากับแผ่นหลังของเธอกระซิบบอกข้างหูด้วยเสียงกระซิบดังเดิมพร้อมลมหายใจอุ่นๆปนกลิ่นเหล้าชั้นดี
“ผมเปลี่ยนใจแล้ว คุณขึ้นไปรอบนห้องดีกว่าเดี๋ยวผมตามไป สงสัยคืนนี้จะยาว นอนเช้าเลยก็แล้วกันนะณิชา”
ได้ยินแบบนี้ก็คล้ายโล่งใจที่เขาจะไม่ทำเรื่องน่าอายในที่สาธารณะ ใช่ว่าธีร์ไม่เคย ตั้งแต่คราวไปต่างประเทศด้วยกันคราวก่อน ที่ปลุกเร้าให้เธอร่วมรักด้วยในสถานที่โล่งแจ้งในบ้านพักส่วนตัว ไม่รู้ว่ามีคนผ่านมาเห็นหรือไม่
แต่นี่เมืองไทยเธอไม่คิดว่าเขาหน้าหนาได้ขนาดนี้ ณิชารีบลุกออกจากตักของสามีด้วยสีหน้ากล้ำกลืน เดินก้มหน้าเข้าครัวไปดูว่าอะไรขาดเหลืออีกบ้าง ไม่คิดไปรอเขาอย่างที่อีกฝ่ายสั่งความเอาไว้
เหลือบไปมองที่ธีร์อีกครั้งก่อนเข้าไปด้านหลังบ้าน เห็นเขาขยับตัวนั่งหลังตรงยิ้มแย้มอย่างสุภาพให้กับหญิงสาวแสนสวยคนหนึ่งที่เดินเข้ามาหาเพื่อนั่งคุยด้วยกัน เขาสุภาพแบบนี้เสมอหากเป็นเพื่อนหรือใครคนอื่น แต่กิริยาพวกนั้นไม่ได้มีไว้ใช้กับเธอ
ธีร์ไม่ใช่คนหยาบคาย เขามีคำพูดสุภาพอยู่เป็นนิจ แต่แววตาท่าทีที่แสดงออกมานั่นต่างหากที่หยาบคายมากกว่าคำพูดของเขามากนัก
ณิชาถอนหายใจยาวเหยียดเดิมก้มหน้ามองพื้นอย่างเหนื่อยอ่อนในหัวใจ ตั้งใจตรงไปในห้องครัว เพียงพ้นหัวมุมของบ้านก็ชนโครมเข้ากับอกแกร่งๆของใครสักคนที่คงเป็นเพื่อนคนหนึ่งที่ธีร์เชิญมาร่วมงาน
“ขอโทษครับ”
เสียงทุ้มละมุนเอ่ยขอโทษเธอก่อน ณิชาเงยหน้ามองอย่างตกใจ ยิ้มแหยๆแล้วว่า
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ ผมเก้า คุณณิชจำผมได้ไหม”
อีกฝ่ายถามอย่างเป็นห่วง พร้อมแนะนำตัวเองเสร็จสรรพถามราวกับเขารู้จักเธอเป็นอย่างดี ณิชาให้หนักใจยิ่งนัก เพราะจำชายหนุ่มตรงหน้านี่ไม่ได้เลย เธอมีปัญหาเรื่องจำหน้าคน เอ่ยทวนชื่อเขาด้วยสีหน้าประดักประเดิดนิดๆ
“คุณเก้าหรือคะ”
“ครับ เก้า ลูกผู้น้องของนายธีร์ พ่วงตำแหน่งเพื่อนสนิทด้วยครับ” ชายหนุ่มกล่าวด้วยท่าทีเป็นกันเอง หวังให้หญิงสาวคู่สนทนาผ่อนคลายลง
ณิชาค่อยผ่อนลมหายใจออกเมื่อเห็นความเป็นมิตรของชายที่แนะนำตัวว่าชื่อเก้า ยิ้มด้วยความละอาย ก่อนหลบสายตาวูบ เพราะเธอจำไม่ใคร่ได้นักว่าญาติหรือเพื่อนของสามีมีใครบ้าง
ธีร์เป็นคนมีเพื่อนฝูงค่อนข้างมาก สังคมของเขาแตกต่างจากสังคมของเธอราวฟ้ากับเหว และเธอไม่คิดว่าจะมีเพื่อนของเขาจำเธอได้ด้วย น้อยครั้งที่เขาแนะนำเธอกับเพื่อนๆ หญิงสาวรู้ฐานะของตนเองดี เธอแต่งงานกับธีร์ด้วยภาวะจำยอมและมีกำหนดเวลา แม้ท้ายที่สุดแล้วเลิกราหย่าร้างกันไปตามที่ได้ตกลงกัน เธอจะเป็นคนที่สูญเสียมากที่สุดก็ตาม
“คุณณิชง่วงแล้วหรือครับ”
“ยังค่ะ ณิชว่าจะเข้าไปดูเด็กๆในครัวหน่อย”
“ออกไปนั่งคุยด้วยกันสิครับ คนอื่นๆอยากรู้จักผู้หญิงที่สยบนายธีร์ได้ทั้งนั้น”
สยบที่ไหน ก็แค่จดทะเบียนสมรสด้วยเหตุผลทางธุรกิจ ไม่ได้มีความรักเข้ามาพัวพัน น่าภูมิใจอย่างไร ณิชาค่อนอยู่ในอก แล้วบอกปัดอย่างสุภาพ
“ณิชคุยไม่เก่งค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะ”
มีแววผิดหวังในดวงตาของชายที่เรียกตัวเองว่าเก้าอย่างแจ่มชัด ก่อนที่เขาจะรับคำอย่างยอมจำนนในที่สุด “ครับ”
ณิชายิ้มให้อีกฝ่ายแล้วขอตัวเดินเข้าไปในครัวจากนั้น
