ตอนที่ 5
วิริยารู้ว่าแม่พยายามจะหาคู่ให้น้องคนเล็ก เธอไม่ค่อยจะเห็นด้วยกับความคิดของแม่นัก แต่พูดไป...แม่เธอก็ไม่เคยฟัง
"ยายอุ้ม...แกช่วยแม่คุยกับตาวินหน่อยสิ แม่ไม่อยากเห็นเขาต้องอยู่คนเดียวแบบนี้นะ เมื่อกี้ไปเห็นหน้าเขาแล้ว...แม่จะบ้าตาย ไว้ผมยาว ไว้หนวดไว้เคราจนรกรุงรัง สภาพใกล้เป็นโจรเข้าไปทุกทีแล้วเนี่ย"
คุณหญิงชไมพรทำท่าฮึดฮัดขัดใจ
"นิสัยตาวินก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เขาเคยฟังใครซะที่ไหนล่ะคะ ขนาดคุณแม่ยังไม่เชื่อ แล้วจะเชื่ออุ้มหรือคะ อีกอย่าง...เขาอยู่คนเดียวซะที่ไหนล่ะคะ เขายังมีลูกต้องเลี้ยงอีกคนนะคะคุณแม่"
"นังเด็กเหลือขอนั่นน่ะนะ มันเป็นห่วงผูกคอตาวินชัด ๆ ถ้าไม่มีมันสักคนนะ ตาวินก็ไม่ต้องมาลำบากแบบนี้หรอก"
วิริยาถอนใจส่ายหัว
"ทำไมพูดแบบนี้ล่ะคะ น้องเจ้าขาเป็นหลานเรานะคะ ถึงคุณแม่จะไม่ชอบสาวิตรียังไง ก็ไม่ควรไปอคติกับหลานแบบนี้"
"แกอยากนับมันเป็นหลาน...ก็เชิญนับมันไปคนเดียวเถอะ แม่ไม่นับด้วยหรอกย่ะ"
คุณหญิงชไมพรค้อนลูกสาวคนโตที่พูดไม่เข้าหู
"คุณแม่อย่าพยายามหาใครไปแต่งงานกับตาวินเลยค่ะ อุ้มว่าเหนื่อยเปล่า เว้นเสียแต่...ผู้หญิงคนนั้นจะเข้ากับน้องเจ้าขาได้"
"แม่ไม่สนหรอก ยังไงแม่ก็ต้องให้ตาวินแต่งงานกับหนูโมน่าให้ได้ หนูโมน่าทั้งสวยทั้งรวย เพียบพร้อมทุกอย่าง คู่ควรที่จะมาเป็นสะใภ้ของแม่มาก หนูโมน่าดีกว่านังสาวิตรีตั้งเยอะ"
วิริยาส่ายหัว
"อุ้มไม่เข้าใจจริง ๆ...ทำไมคุณแม่ถึงชอบยายโมน่าอะไรนี่นัก นอกจากสวยกับมีเงินหน่อย นอกนั้นก็ไม่เห็นว่าจะมีดีอะไรเลย"
"ใครบอกว่าไม่มีอะไรดี หนูโมน่าช่างเอาอกเอาใจ น่ารักจะตาย นี่...แกอย่ามาขัดใจแม่อีกคนเลยน่า"
"คุณแม่คะ...อุ้มว่าคุณแม่เลิกยุ่งกับตาวินเถอะค่ะ อุ้มไม่อยากให้คุณแม่กับน้องต้องผิดใจกันนะคะ"
"ไม่รู้ล่ะ...ถ้าแกไม่คิดจะช่วยแม่ ก็อย่ามาขวางละกัน"
คุณหญิงชไมพรสะบัดหน้าคว้ากระเป๋าขึ้นข้างบน เธอก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าลูก ๆ ไม่มีใครเข้าข้างเธอ ไม่มีใครเห็นด้วยกับเธอในเรื่องนี้
แต่ถึงจะรู้อย่างนี้ เธอก็ไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจ ที่จะให้ไรวินท์แต่งงานกับผู้หญิงที่เธอหาให้
วิริยาส่ายหัว...ที่แม่ดื้อดึงไม่ฟังใคร เธอก็ไม่ได้ชอบใจที่ไรวินท์ทิ้งอนาคตมาอยู่กับสาวิตรี แต่เมื่อเขาเลือกทางชีวิตของเขาแล้ว เธอก็ไม่อยากพูดมากอีก วิริยาหนักใจ ทั้งแม่ทั้งน้องต่างก็หัวรั้นทั้งคู่ เธอกลัวว่าพวกเขาจะแตกหักกันอีก เหมือนที่ไรวินท์เคยทำเมื่อ 5 ปีก่อน
บ้านที่เคยสงบ...อาจต้องลุกเป็นไฟอีกครั้ง เพราะความดื้อของน้อง กับความอยากเอาชนะของแม่ วิริยากุมหัวคิดหนัก
นางบุญนำเข็นรถใส่เข่งผักเข้ามาในบ้านกับนายยงผู้เป็นสามี ยงเข็นรถไปจอดไว้ข้าง ๆ บ้าน เขาเอาแขนเสื้อขึ้นเช็ดเหงื้อที่ไหลลงมา บุญนำเอาน้ำเย็นใส่ขันมายื่นให้ เขารับมาดื่มอย่างกระหาย แล้วยื่นขันส่งคืนให้เมีย
"นี่นังจุกยังไม่กลับมาอีกเหรอ"
ยงเห็นบ้านเงียบ ๆ จึงถามถึงลูกสาวคนเล็ก เธอชื่อสาลินี แต่พ่อแม่ชอบเรียกว่า "จุก" เพราะตอนเด็ก ๆ เธอไว้ผมจุก ชื่อจุกจึงกลายเป็นชื่อเล่นของเธอไป
"ยังหรอกพี่...ต้องรอจนใกล้จะกินข้าวนั่นแหละ...มันถึงจะมา"
ยงส่ายหัว เดินเข้าบ้านกับบุญนำ
"ร้อนเหลือเกิน พี่ไปอาบน้ำก่อนนะ ถ้านังจุกยังไม่กลับ เดี๋ยวพี่ไปเยี่ยมหลานเป็นเพื่อน"
"ได้พี่..,ฉันไปอุ่นกับข้าวให้ กินเสร็จเราค่อยไปเยี่ยมหลานด้วยกัน"
ยงพยักหน้า เดินเข้าห้องเพื่อไปอาบน้ำ บุญนำเอาถุงกับข้าวเข้าครัว เธอเตรียมอุ่นกับข้าวไว้ให้ลูกกับผัวกิน
สาลินีเดินเข้าบ้านมา ก็ได้กลิ่นแกงที่แม่อุ่นเพิ่งเสร็จ เธอวางกระเป๋าเดินมาเปิดฝาชีครอบกับข้าวขึ้นมาดู บุญนำเดินออกมาจากครัว เอาจานข้าวมาวาง
"ว่าแล้วเชียว พอได้เวลากินข้าว...แกก็จะกลับมาพอดี"
"พ่อล่ะแม่"
"ไปอาบน้ำ กินข้าวเสร็จพ่อกับแม่จะไปเยี่ยมหลาน แกจะไปด้วยไหม"
สาลินีหูผึ่ง พยักหน้ารัว ๆ
"ไปสิแม่..."
สาลินียิ้มตาเป็นประกาย เมื่อคิดถึงพี่เขยของเธอ
"แล้วแกอย่าไปทำอะไรรุ่มร่ามกับเขาอีกล่ะ เขาเป็นพี่เขยแกนะ.."
"แหม...แม่ หวงจริงนะ พี่สาก็ตายไปตั้งนานแล้ว เขาก็น่าจะมีใหม่ได้แล้วนะแม่"
สาลินีทำหน้าเคลิ้ม คิดไปไกล
"ไม่ต้องเลยนะนังจุก ฉันรู้นะว่าแกคิดอะไรอยู่"
"ทำไม...ฉันไม่ดีตรงไหน ฉันสวยกว่าพี่สาอีกนะ ถ้าเกิดเขาอยากได้ฉันไปช่วยเลี้ยงหลานล่ะก็ แม่ก็อย่าไปปฏิเสธเขาล่ะ"
"เฮอะ!...ถ้าเขาจะเอาแก คงเอาไปนานละ จะทำอะไรก็ให้มันรู้จักอายบ้างนะนังจุก"
"แม่อ่ะ...ไม่ช่วยกันบ้างเลย"
สาลินีขัดใจที่แม่ไม่เออออด้วย เธอชอบไรวินท์มานานแล้ว ตอนนั้นติดว่าเขาเป็นแฟนของพี่สาว แต่ตอนนี้พี่สาวเธอก็ไม่อยู่แล้ว เธอเลยคิดจะสานความสัมพันธ์กับเขา
