บทที่4เพื่อนร่วมงาน
เขาใช้หลังมือลูบไล้แก้มนวลลงมาตามลำคอระหงส์ และหยุดยกกำปั้นทุบตู้ล็อกเกอร์เหนือศีรษะเล็กดังปัง เธอสะดุ้งหลับตาสนิท ขณะที่สายตาคมเข้มจ้องมองเรือนกายขาวท่อนบนที่ปกปิดเพียงเสื้อชั้นในและซับในตัวบางอย่างสนใจ กำปั้นใหญ่ทุบตู้ล็อกเกอร์อีกครั้งปัง ริมฝีปากเล็กแผดเสียงออกมาดังอย่างโมโหและหวาดหวั่นในเวลาเดียวกัน
"นายมันเป็นผู้ชายที่ห่วย คิดแต่เรื่องอกุศล ทำอะไรไม่อายเจ้าที่เจ้าทางปล่อยฉันออกไปนะ ไม่งั้นนายตายแน่" เธอสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆแล้วลืมตาสู้แววตาคมเข้มอย่างเอาเรื่อง
"ฮ่าๆ ตลกชมัด ข่มขืนเหรอ ผมเนี้ยะนะจะข่มขืนป้า อกหักจนเพี้ยนเลยหรือไง ฮ่าๆ ขอบอกอะไรไว้หน่อย ถ้าผมจะขมขื่น ผมทำตั้งแต่ที่โรงแรมแล้ว”
"งั้นถอยออกไป ถ้าไม่คิดจะทำอะไรฉันจริงๆ ถอยออกไปสิ”
"ผมปล่อยแน่ แต่ผมมีข้อแม้ แค่ป้ารับปากว่าจะไม่พูดเรื่องที่เห็น"
"แค่นี้ใช่มั้ย ฉันจะไม่พูดเรื่องของนาย ออกไปสิ ออกไป!!"
ร่างสูงถอยห่างเดินออกไปจากห้องพนักงาน เขาเดินเข้าไปในเคาน์เตอร์บาร์ รีบเปิดตู้เย็นหยิบน้ำแร่ขึ้นมาเปิดฝา แล้วยกดื่มสงบกายสงบใจที่รุ่มร้อนผิดปกติ
ดารินทร์สวมเสื้อยืดสีเขียวขี้ม้าเรียบร้อยก็เดินออกมาจากห้องพนักงานเธอเดินผ่านเคาน์เตอร์บาร์เพื่อกลับบ้าน แต่ยังไม่ทันได้ออกไป สายฝนโปรยปรายลงมาทั้งๆที่ไม่ตั้งเคล้าครึ้ม เสียงฝนกระหน่ำตามมาด้วยเสียงฟ้าร้องคำรามดัง แต่ทว่าเธอก็ไม่ได้สนใจกับสภาพภูมิอากาศ และยังดื้อรั้นที่จะออกไปข้างนอก จนคนในบาร์อ่อนใจในความดันทุรังของเธอ
"ป้า ผมว่าป้านั่งอยู่จนกว่าฝนจะหยุดแล้วค่อยกลับก็ได้ กลัวผมจะข่มขืนรึไง”
" ฉันเนี่ยะนะกลัวนาย!”
“ไม่กลัวก็นั่ง” เขาย่อตัวลงนั่งยองๆแล้วทำทีจัดของในตู้แช่เครื่องดื่ม
“นายทำงานที่นี่เหรอ”
“อืม”
“แล้วทำไมนายไม่กลับบ้าน วันนี้ร้านปิดไม่ใช่ นายทำแบบนี้ไม่ถูกต้องนะ”
“ทำอะไร ที่ว่าไม่ถูกต้อง” เขาย้อนถาม
“ก็ ก็ ใช้สถานที่ร้านทำเรื่อง เรื่อง…ก็นี่ไง นายไม่ควรเข้าไปหยิบของในบาร์มาดื่มแบบนี้ ถึงจะเป็นน้ำเปล่าก็เถอะ มันเป็นของร้าน ทำแบบนี้ขโมยชัดๆ "
"ผมซื้อมาแช่ไว้ ฝากแช่ แล้วป้ามาทำอะไรที่ร้านนี้ อ๋อ…ผมลืมไป ยูนิฟอร์มร้าน เป็นพนักงานใหม่เหรอ โลกกลมจริงๆไม่คิดว่าจะเจอป้าอีก"
“ฉันเป็นพนักงานใหม่ ว่าแต่นายทำตำแหน่งอะไร
"สงสัยฝนจะตกอีกนาน หยุดแล้วค่อยกลับ กินข้าวยังป้า เที่ยงแล้ว” เขาเปลี่ยนเรื่อง แล้วลุกยืนเต็มความสูง
"ไม่อ่ะ ฉันไม่หิว เอ่อไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอบใจมากนะ ที่นายอยู่เป็นเพื่อนฉันคืนนั้นจนถึงเช้า ฉันยังไม่ได้ขอบใจนายเป็นเรื่องเป็นราวเลย ขอบใจนะ นาย นาย เอ่อ นาย "
"นภัทร แต่เรียกภัทรเฉยๆก็ได้ ผมกับป้ากลายเป็นเพื่อนร่วมงานกันแล้ว ยินดีที่ได้รู้จัก” เขายื่นมือตรงหน้าดาริทน์
"งั้นต่อจากนี้ไป ฉันกับนายต้องสมานฉันท์กันไว้ เพราะเราต้องทำงานกันเป็นทีม " เธอยื่นมือตอบรับมิตรไม่ตรีพร้อมเผยยิ้ม ทำเอาคนตัวสูงใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ทว่าหน้าหล่อๆก็ยังเรียบเฉย
"ป้ารีบกลับหรือเปล่า”
"ฝนหยุดก็จะกลับเลย”
"กินข้าวด้วยกันมั้ย”
"ไม่ๆๆ นายตามสบายเลย " เธอรีบยกมือปฏิเสธ แต่ทว่าท้องน้อยดันร้องดังจนคนตัวโตได้ยินโครก
"กินด้วยกันเถอะน่า ไม่ต้องเกรงใจ ผมมีอาหารญี่ปุ่น"
"ดูเหมือนนายจะฝากชีวิตไว้ที่นี่เลยนะ "
"อืม รอแป้บนึง"
เขาหายเข้าไปในครัว ไม่นานก็ออกมาจากครัวในมือถือถาดมีถ้วยใหญ่สองถ้วย ภัทรเดินเข้าไปในเคาน์เตอร์บาร์ วางถาดลงบนหน้าเคาน์เตอร์ แล้วยกถ้วยอุด้งสั่งตรงจากญี่ปุ่นเสิร์ฟให้ดารินทร์
"เนี้ยะนะ อุด้ง มาม่าชัดๆ " เธอยิ้ม อย่างน้อยเขาก็ทำออกมาน่ากินกว่ามาม่าธรรมดา
"แล้วจะติดใจ” เขาอวดฝีมือ
"ขอบใจนะ” ดารินทร์จับช้อนส้อมจ้วงเส้นแล้วสูดเข้าปากภายในพริบตาเดียวเกลี้ยง แล้วตามด้วยสองมือยกถ้วยน้ำซุปซดจนหมด
"เอิ้ก..." เธอส่งเสียงเรออิ่มจัด ภัทรตาค้างมองอย่างงุนงง ขณะเส้นมาม่ายังคาปาก เขารีบวางช้อนส้อม แล้วเอื้อมหยิบขวดน้ำยื่นให้เธอโดยอัตโนมัติ
"อร่อยดี”
"ขอบคุณที่ชม”
"นายก็รีบกินสิ เดี๋ยวเย็นหมดไม่อร่อยนะ ฉันต้องกลับแล้ว” คนตัวเล็กลุกขึ้นเหยียบที่พักเท้าเก้าอี้บาร์ แล้วยื่นมือตบบ่าร่างสูงเบาๆ
"อืม” ภัทรพยักหน้า
"แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะ" ดารินทร์ลงจากเก้าอี้บิดตัวคลายกล้ามเนื้อ แล้วออกจากร้านอย่างว่องไว
เธอยืนรอรถที่ป้าย ไม่นานก็ได้ขึ้นรถเมล์ ตลอดเส้นทางเธอแย้มยิ้มและนึกถึงผู้จัดการเต้ ชายหนุ่มในอุดมคติ นอกเหนือจากทุ่มเทการทำงานก็คือทำตามความต้องการของหัวใจ และทอดสะพานไปหาผู้จัดการร้าน เป้าหมายใหม่ในชีวิต เธอต้องทำภารกิจให้สำเร็จก่อนที่อายุจะมากขึ้นเรื่อยๆจนหมดประจำเดือนไม่สามารถมีลูกได้ ~ไฟ้ติ้ง ดารินทร์ โว้ว ฉันจะไม่กินแห้ว ไม่กินแห้ว วู้ว~ เสียงในใจที่อยากตะโกนออกมาดังๆ มือกำหมัดยื่นไปข้างหน้าริมฝีปากเล็กพึมพำ ทุกอริยาบทของเธออยูว่าในดวงตากลมใสของหนูน้อยวัยหกขวบนั่งอยู่ก่อนบนรถเมล์ข้างมารดา
"คุณแม่ขา คุณน้าคนนั้นเค้าเป็นอะไรคะ”
"คุณน้าคงสวดมนต์อยู่น่ะลูก "
หลังจากดารินทร์ออกไปจากร้าน ภัทรก็เดินกลับไปในส่วนห้องพักของโรงแรม เขาเป็นเพื่อนกับเจ้าของเลยได้รับอภิสิทธ์จากสนธยาเพื่อนสนิท ทันทีที่ถึงห้องพัก สมาร์ทโฟนในกระเป๋ากางเกงยีนส์สั่นมีสายเรียกเข้า มือหนารีบล้วงหยิบออกมากดรับสาย
(“ครับพ่อ”)
(“วันนี้ได้เข้าไปที่ร้านหรือเปล่า”)
(“เข้าไปครับ”)
(“แล้วได้เจอกับพนักงานใหม่หรือเปล่า ชื่อดารินทร์ พ่อลืมบอกว่าร้านปิด ไม่รู้ว่าไปเก้อหรือเปล่า”)
(“ผมเจอพนักงานใหม่ของพ่อแล้ว ว่าแต่ตำแหน่งซุปเปอร์ไวเซอร์ มีคนมาสมัครหรือยังครับ”)
(“ก็ดารินทร์ไง ซุปเปอร์ไวเซอร์”)
