อยากได้เป็นสะใภ้
“ไม่ต้องตกใจค่ะ” พลอยนารีเดินจูงพรทิพย์และชบาแก้วไปนั่งคุยกันที่ห้องนั่งเล่น
“หนูมาแต่งงานแทนพี่สาวได้ยังไงจ๊ะ ตอนนี้น้าไม่เข้าใจอะไรเลย” พรทิพย์นั่งลงได้ก็โพล่งถามเรื่องที่อยากรู้ทันที
“พลอยตอบให้ค่ะ พลอยคุยกับน้องมาแล้ว”
พรทิพย์หันมาจ้องหน้าลูกสาวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอยากรู้
“คุณแม่จำคุณอรนลินได้ไหมคะ”
“จำได้สิ”
“เธอเป็นแม่เลี้ยงของแก้วค่ะ เธอติดหนี้พี่ใหญ่แล้วไม่มีเงินคืน พี่ใหญ่เลยยื่นข้อเสนอให้พี่สาวของแก้วมาแต่งงานกับพี่ใหญ่ แต่ตอนนี้พี่สาวของแก้วท้องก็เลยมาแต่งงานกับพี่ใหญ่ไม่ได้ แก้วก็เลยอยากจะมาแต่งงานแทน”
“อ๋อ...เข้าใจแล้ว แต่น้าว่าเรื่องหัวใจมันบังคับใครไม่ได้นะหนูแก้ว”
“แต่แก้วอยากแต่งงานกับพ่อเลี้ยงให้ได้ค่ะ เพราะยังไงคุณแม่ก็ไม่มีเงินมาใช้หนี้พ่อเลี้ยง เรื่องอื่นแก้วไม่สนใจเลยค่ะ แก้วสนใจแค่บ้านเรือนไทยของคุณย่าแก้ว แก้วไม่อยากเสียมันไป ที่นั่นเป็นที่เดียวที่แก้วกับครอบครัวมีความทรงจำดีๆ”
พรทิพย์มองหญิงสาวใบหน้าจิ้มลิ้มด้วยสายตาเอ็นดู สาวเจ้าคิดอะไรก็พูดออกมาท่าทางไม่ปิดบังเช่นนี้ เธอดูออกว่าชบาแก้วท่าจะเป็นคนซื่อ เธอน่ะชอบคนแบบนี้ แต่ให้เดาใจของสิงหราชเขาคงไม่อยากได้ภรรยาที่ดูอ่อนต่อโลกเท่าไหร่ พลันสมองก็นึกถึงบ้านเรือนไทยที่หญิงสาวพูดถึง
“เอ...บ้านเรือนไทยที่หนูแก้วว่าอยู่อีกตำบลใช่ไหมจ๊ะ เจ้าของบ้านชื่อบุญชื่นที่ปล่อยเป็นบ้านร้างไม่มีคนอยู่ตอนนี้ใช่ไหม”
ชบาแก้วพยักหน้าหงึกๆ “คุณน้ารู้เหรอคะ?”
“คุณสิงห์เคยพาน้าไปดูแล้วบอกว่าอีกหน่อยที่นั่นก็จะเป็นของเค้า แล้วหนูก็เป็นลูกสาวของชาติชายใช่ไหม”
“ค่ะ แล้วคุณน้ารู้จักคุณพ่อแก้วด้วยเหรอคะ” ชบาแก้วพยักหน้าอีกรอบ สายตาของเธอเต็มไปด้วยความสงสัยเพราะไม่รู้ว่าพรทิพย์รู้รายละเอียดขนาดนี้ได้อย่างไร
“นั่นสิคะคุณแม่” พลอยนารีมองแม่เธอด้วยสายตาฉงนไม่ต่างอะไรกับชบาแก้ว
“น้าเคยเป็นเพื่อนเล่นกับชาติชายตอนเด็กๆ น่ะ พอน้าโตเป็นสาวพ่อกับแม่น้าก็ย้ายไปอยู่ที่ลำปาง หลังจากนั้นก็เลยไม่ได้เจอกัน น้าเพิ่งกลับมาอยู่ที่นี่หลังแต่งงานกับพ่อของคุณสิงห์ แต่ก็ไม่ได้กลับไปแถวบ้านของย่าหนูอีก ถึงว่าล่ะน้าถึงรู้สึกคุ้นหน้าหนูนัก หน้าหนูแก้วเหมือนป้าชื่นนี่เอง แล้วแม่เลี้ยงของหนูเค้าติดหนี้คุณสิงห์มันเกี่ยวอะไรกับบ้านย่าหนูล่ะจ๊ะ”
“หลังจากคุณแม่เสียตั้งแต่แก้วเด็กๆ คุณพ่อก็แต่งงานใหม่กับแม่เลี้ยงแก้ว คุณพ่อป่วยตั้งแต่ตอนที่แก้วกับพี่ว่านอยู่มัธยม ก่อนคุณพ่อเสียคุณพ่อเห็นว่าเราสองพี่น้องยังดูแลอะไรไม่ได้เลยยกทุกอย่างให้แม่เลี้ยงแก้วค่ะ พอคุณแม่เป็นหนี้ก็เลยถูกยึดจนหมด แถมพอพ่อเลี้ยงรู้ว่าพี่ว่านท้อง เค้าก็สั่งให้แก้วกับคุณแม่รีบเก็บของออกไปจากบ้าน เรื่องบ้านที่กรุงเทพแล้วก็สมบัติอื่นๆ แก้วไม่สนค่ะ แก้วอยากได้แค่บ้านคุณย่าคืนเท่านั้น คุณแม่บอกว่าถ้าแก้วทำให้พ่อเลี้ยงแต่งงานกับแก้วแล้วยกหนี้ให้เธอสำเร็จคุณแม่จะโอนบ้านคุณย่าให้แก้วค่ะ”
สองแม่ลูกต่างมองชบาแก้วด้วยสายตาที่เวทนาก่อนจะมองหน้ากันเงียบๆ อย่างรู้กัน ฟังแค่นี้พวกเธอก็พอจะรู้แล้วว่าชบาแก้วอาจจะถูกแม่เลี้ยงหลอกใช้
“แล้วหนูจะเชื่อใจแม่เลี้ยงหนูได้แค่ไหน น้าเคยเจออรนลินอยู่บ้างตอนที่เธอมาขอยืมเงินคุณสิงห์ น้าดูออกว่าเธอเจ้าเล่ห์แค่ไหนขอโทษนะที่น้าต้องพูดตรงๆ เพราะอรนลินดูเชื่อถืออะไรไม่ได้เลย ที่คุณสิงห์ยอมให้ยืมเงินก็เพราะว่าเห็นว่าเธอเอาสมบัติมาค้ำประกันมากพอสมควร”
“แก้วเข้าใจที่ทุกคนจะมองเธอแบบนั้น แต่แก้วก็อยากจะลองเชื่อใจคุณแม่อีกสักครั้ง”
“หนูแก้วแน่ใจแล้วใช่ไหมที่จะมาเป็นภรรยาคุณสิงห์”
“ค่ะ แก้วจะต้องแต่งงานกับพ่อเลี้ยงให้ได้ค่ะ”
พรทิพย์อมยิ้มกรุ้มกริ่มมีเลศนัย เมื่อเธอมองไปยังนัยน์ตาของชบาแก้วก็รู้ได้เลยว่าเด็กคนนี้ช่างใสซื่อและมีความมุ่งมั่นเหลือเกิน ประกอบกับยิ่งรู้ว่าเธอเป็นหลานของบุญชื่นคุณป้าใจดีที่เคยให้ขนมเธอตอนเด็กบ่อยๆ เธอก็ยิ่งเอ็นดูชบาแก้วมากขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว
“โอเค หนูแก้วพักที่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวน้าขอปรึกษากับพลอยก่อนว่าจะช่วยหนูได้ยังไงบ้าง”
“ขอบคุณคุณน้ามากๆ เลยนะคะ คุณน้ามีอะไรให้แก้วช่วยแก้วช่วยได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นทำความสะอาดบ้าน ทำกับข้าวแก้วก็ทำได้ค่ะ”
“จะ ถ้าน้ามีอะไรให้ช่วยน้าจะบอกนะ”
“ค่ะ” ดวงตาคู่สวยเริ่มเป็นประกาย ริมฝีปากบางฉีกยิ้มกว้าง ดีใจเหลือเกินที่ตอนนี้เริ่มเห็นความหวังว่าจะได้แต่งงานกับสิงหราชแล้ว
สองแม่ลูกมานั่งปรึกษากันหลังจากจัดห้องหับให้ชบาแก้วได้เข้าพักเรียบร้อยแล้ว
“แก้วน่ารักดีนะคะ หนูถูกชะตากับเธอจังเลยค่ะคุณแม่”
“แม่ก็เหมือนกัน แม่ดูออกนะว่าหนูแก้วค่อนข้างซื่อ ยิ่งรู้ว่าเป็นหลานป้าชื่นแม่ก็ยิ่งเชื่อว่าเธอเป็นคนดี”
“อย่าบอกนะคะว่าคุณแม่อยากให้แก้วมาเป็นภรรยาพี่ใหญ่”
“เราล่ะอยากให้พี่เรามีภรรยาแบบไหน”
“แบบแก้วก็ดีนะคะ พลอยว่าแก้วน่าจะทำให้พี่ใหญ่มีชีวิตชีวามากกว่านี้ พลอยจะลองไปตะล่อมพี่ใหญ่ให้รับแก้วไว้พิจารณาดูค่ะ”
พรทิพย์ยกมือแตะบ่าพลอยนารี มองลูกสาวเธอด้วยสายตาฝากความหวัง “แม่เชื่อว่าเรามีวิธีพูด ทำให้สำเร็จล่ะ”
“แน่นอนค่ะ” พลอยนารียิ้มเจ้าเล่ห์ หลังจากพี่ชายของเธอหย่าล้างกับภรรยาเก่าจอมขี้เกียจนั่นหลายปีเขาก็ไม่คิดจะสนใจใคร ไม่คิดเลยว่าจู่ๆ พี่ชายเธอจะไปถูกตาต้องใจสาวเมืองกรุงแล้วก็ต้องผิดหวังอีก แต่ก็ดีที่ได้รู้ว่าพี่เธอพร้อมที่จะมีครอบครัวใหม่ และชบาแก้วนี่แหละที่เธอถูกชะตาอยากจะให้มาเป็นคนในครอบครัว
“ทำอะไรอยู่คะพี่ใหญ่” พลอยนารีเข้ามาหาสิงหราชที่เรือนใหญ่ขณะที่พ่อเลี้ยงหนุ่มใหญ่กำลังง่วนอยู่กับเอกสารในห้องทำงาน
“เรามาก็ดี พี่กำลังจะเข้าไปหาที่เรือนเล็กพอดี”
“มีอะไรเหรอคะ” เข้ามานั่งเก้าอี้ตรงหน้าโต๊ะทำงานของพี่ชาย
“พี่มีของจะให้ บ้านที่เขาใหญ่พี่ให้เป็นของขวัญวันเกิดล่วงหน้า” ยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลวางตรงหน้าพลอยนารี สาวเจ้ารู้ว่าเป็นที่ดินก็ตาโตรีบเปิดดูโฉนดด้าน เมื่อเห็นโฉนดและรูปถ่ายบ้านหลังใหญ่ติดวิวทิวทัศน์สวยงามก็ตาลุกวาว
“โห...ขอบคุณนะคะ ว่าแต่ซื้อบ้านให้พลอยเพราะจะไล่พลอยไปจากที่นี่หรือเปล่าคะ”
“ใช่พี่จะไล่”
“หือ พี่ใหญ่ใจร้ายอะ” รอยยิ้มที่เปื้อนใบหน้าเมื่อครู่หายไปกะทันหัน
“ล้อเล่น ไล่เราไปแล้วใครจะคอยมาส่งข้าวแล้วก็ช่วยพี่ทำบัญชีของไร่ล่ะ”
“จะว่าไปหน้าที่นี้ก็ให้ภรรยาใหม่พี่ใหญ่ทำก็ได้นี่คะ”
“พูดอะไร” สิงหราชส่ายหัวน้อยๆ ส่งสายตาเชิงตำหนิที่น้องสาวพูดอะไรไปเรื่อย
“ก็แก้วไงคะ เธอน่ารักนะคะ”
“แสดงว่าเจอเธอ” เริ่มมีน้ำเสียงไม่สบอารมณ์
“ค่ะ คุณแม่ให้พักอยู่ที่บ้าน”
ได้ยินเช่นนั้นคิ้วหนาเริ่มขมวดมุ่นแสดงอาการไม่พอใจ กลับมาไม่เห็นชบาแก้วพร้อมรถของเธอจึงคิดว่าหญิงสาวกลับไปแล้วเสียอีก ที่ไหนได้ไปอยู่บ้านพรทิพย์เสียอย่างนั้น
“ไล่เธอกลับไปซะ ถ้าไม่ไล่พี่จะไปไล่เอง”
