ท้องเหรอ
“อืม...แก้วก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่ว่ายังไงก็ต้องได้แต่งอยู่แล้วค่ะ” ส่ายหัวน้อยๆ ชบาแก้วให้คำตอบอะไรกับคำปันไม่ได้เพราะเธอก็ยังไม่รู้ว่าบททดสอบของสิงหราชจะมีให้เธออีกเยอะหรือเปล่า แต่ยืนยันกับทั้งสองได้เต็มปากว่ายังไงเธอก็จะต้องได้แต่งงานกับพ่อเลี้ยงของไร่นี้แน่นอน
“เอ่อ...อย่าหาว่าผมละลาบละล้วงเลยนะครับ คุณแก้วท้องกับพ่อเลี้ยงเหรอครับ”
คำปันถึงกับถลึงตาใส่หลานชาย ไม่คิดว่าจะโพล่งถามอะไรหยาบคายแบบนี้กับผู้หญิง
“ไม่ใช่ค่ะพี่ดล” ชบาแก้วรีบส่ายหัวพัลวัน ดูท่าเธอจะถูกเข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว
“คือ...อธิบายยังไงดีล่ะ พี่ใหญ่บอกว่าถ้าแก้วทำงานตามที่เค้าสั่งได้ทุกอย่างเค้าจะยอมแต่งงานกับแก้วค่ะ”
“อ่อ...ครับ อย่างงั้นพวกผมขอตัวก่อนนะครับ” คำปันรีบดึงนพดลออกไปให้ห่างจากชบาแก้ว
“รีบไปไหนล่ะอา ผมยังคุยกับคุณแก้วไม่รู้เรื่องเลย” นพดลบ่นอู้อี้ เขายังไม่ทันได้ถามไถ่อะไรชบาแก้วให้รู้ความกระจ่างก็ถูกอาตัวเองลากออกมาแล้ว
“มารยาทเอ็งนี่ก็ทรามเหลือเกิน ไปถามผู้หญิงอย่างงั้นได้ยังไง”
“อ้าว ก็ถามตรงๆ ดีกว่าไปพูดลับหลังแบบนั้นไม่มีมารยาทกว่านะอา”
“ข้าล่ะปวดหัวกับเอ็ง เหมือนพ่อเอ็งไม่มีผิด” คำปันส่ายหัวระอากับคำพูดคำจาหลานชายก่อนจะขึ้นไปขับรถไถกลับออกไป
“เราดูเหมือนคนท้องงั้นเหรอ?” ชบาแก้วก้มมองหน้าท้องยกมือลูบท้องน้อยสีหน้าฉงนก่อนจะเดินกลับเข้าไปในเรือนใหญ่
“ถึงคนอย่างแก้วจะไม่ฉลาด แต่ก็ทำอาหารได้อร่อยที่สุดในโลกเลยขอบอก” เดินตรงไปยังห้องครัวและจัดการแกะวัตถุดิบที่ซื้อมาจากตลาดสดทำอาหารเอาไว้ให้พ่อเลี้ยงหนุ่มได้ลองชิมตอนที่เขากลับมาเผื่อว่าจะประทับใจฝีมือของเธอแล้วอยากแต่งงานกับเธอได้เร็วขึ้น
“ทำอะไร”
ชบาแก้วเริ่มลงมือจัดการวัตถุดิบในครัวได้ครู่หนึ่งก็หันไปเห็นสิงหราชยืนกอดอกจ้องเธออยู่หน้าประตูห้องครัวจึงรีบวางมีดในมือทันที
“พี่ใหญ่ทำไมกลับมาไวล่ะคะ ไหนบอกว่าจะกลับตอนเย็นไง”
“ถามว่าทำอะไร”
“ซักผ้ามั้งคะ” เธอฉีกยิ้มกว้างพร้อมทั้งตอบคำถามกวนประสาทอีกฝ่ายเล่น แต่เมื่อเห็นว่าเขามีสีหน้าที่ไม่น่าจะอยากเล่นด้วยจึงสลดลงเล็กน้อย
“ขอโทษค่ะ แก้วทำกับข้าวเอาไว้ให้พี่ใหญ่ค่ะ คิดว่าทำเสร็จจะแช่ตู้เย็นเอาไว้เวลาพี่ใหญ่กลับมาตอนเย็นจะได้อุ่นแล้วก็ทานได้เลย ไม่รู้ว่าจะกลับมาไว อีกสักพักแกงส้มก็ได้ที่แล้ว พี่ใหญ่จะทานข้าวกลางวันเลยไหมคะ”
“ว่างนักหรือไง ที่สั่งให้ทำเสร็จเรียบร้อยแล้วเหรอ”
“ค่ะ เรียบร้อยแล้ว”
สิงหราชเดินเข้าไปดึงมือชบาแก้วออกจากห้องครัวไปที่หลังบ้านด้วยกัน เมื่อเห็นพื้นดินเรียบกริบก็ดูออกว่าหญิงสาวไม่น่าจะใช้จอบในการปรับหน้าดิน คงไปวานให้ใครมาไถที่ให้แน่นอน
“นี่มันไม่ใช่ฝีมือคุณใช่ไหม”
“ค่ะ เมื่อเช้าพี่พลอยมาที่นี่ พอเห็นว่าแก้วจะต้องปรับหน้าดินก็เลยโทรเรียกให้ลุงคำปันกับพี่ดลมาไถช่วยค่ะ เสร็จเร็วมากเลยนะคะครึ่งชั่วโมงเอง”
“ใครใช้ให้ขี้โกง”
“ขี้โกงอะไรคะ”
“บอกให้ใช้จอบปรับหน้าดินให้เสร็จภายในวันนี้ไม่ใช่หรือไง”
“ค่ะ แต่ก็ไม่ได้บอกว่าห้ามใครช่วยนี่คะ”
“เล่นแบบนี้ใช่ไหม” กระชากให้เดินตามจากหลังบ้านมาที่หน้าบ้าน
“พี่ใหญ่คะ แก้วเจ็บค่ะ”
“ออกไป แล้วไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก” เหวี่ยงชบาแก้วไปให้พ้นเขตบ้าน เป็นจังหวะเดียวกันกับที่พรทิพย์ขับรถมอเตอร์ไซค์เข้ามาพอดี พรทิพย์จึงรีบลงจากรถและเอาตัวไปบังชบาแก้วเอาไว้ด้วยกลัวว่าสิงหราชจะทำอะไรรุนแรงกับหญิงสาวอีก
“อะไรกันคะคุณสิงห์ ทำไมต้องทำกันรุนแรงแบบนี้ด้วยคะ”
“ก็เธอขี้โกงผมครับ ให้ทำงานก็ให้คนมาช่วย”
“แล้วได้ห้ามตั้งแต่แรกไหมล่ะว่าไม่ให้ใครมาช่วย” พรทิพย์พอจะรู้เรื่องราวคร่าวๆ จากพลอยนารีบ้างแล้วถึงได้คิดที่จะเข้ามาดูเหตุการณ์เป็นระยะ
“ใช่ค่ะ พี่ใหญ่ไม่ได้ห้ามค่ะน้าพร” ชบาแก้วประสมโรงกล้าๆ กลัวๆ โดยที่ไม่คิดจะมองไปยังสิงหราช
“นั่นไง แบบนี้ถือว่าไม่ผิดกติกา”
“เข้ากันดีจังเลยนะครับ ได้ครับ ครั้งนี้ผมจะคิดว่าเป็นผมที่ทำอะไรไม่รอบคอบเอง”
“ให้แก้วอยู่ต่อใช่ไหมคะ”
“ได้ แต่คุณต้องทำทั้งงานบ้านงานครัว แล้วก็งานในไร่ตกลงไหม ผิดพลาดแม้แต่อย่างเดียว คุณ ต้อง กลับ บ้าน ไป” เขาเน้นย้ำคำสุดท้าย
“ตกลงค่ะ น้าพรคะอยู่ทานข้าวกลางวันกันนะคะ แก้วทำแกงส้มเอาไว้ด้วยค่ะ” ดึงมือพรทิพย์เดินผ่านหน้าพ่อเลี้ยงหนุ่มเข้าบ้านไป
“เหรอ หนูแก้วทำอาหารอะไรได้บ้างล่ะ”
“ทำได้ทุกอย่างเลยค่ะ ทั้งอาหารคาว อาหารหวานแก้วทำเก่งมากค่ะ”
“หึ่” ให้ตายเถอะ แม่คุณคนนี้ทำอย่างกับว่าบ้านนี้เป็นบ้านของตัวเองเสียอย่างนั้น เขากรอกตาอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะเดินตามผู้หญิงทั้งสองคนนั้นเข้าไปในบ้าน
“อร่อยจริงๆ ด้วย หนูแก้วนี่มีฝีมือจริงๆ เลยนะ แล้วไปเอาของที่ไหนมาทำกับข้าวล่ะจ๊ะ” พรทิพย์เอ่ยชมเปราะหลังจาได้รับประทานแกงส้มชะอมกุ้งฝีมือชบาแก้วเข้าไป ไม่นึกเลยว่าเด็กวัยรุ่นที่เพิ่งเรียนจบจะทำอาหารได้ออกมาดีขนาดนี้ทั้งที่ไม่ได้เรียนสายการทำอาหารมาโดยตรง
“ออกไปซื้อที่ตลาดเมื่อช่วงสายๆ ค่ะ”
“อ๋อ วันหลังถ้าจะทำอะไรก็ไปเอาวัตถุดิบที่โรงครัวได้นะ ที่นั่นมีตู้แช่ของสดอยู่ มีทุกอย่างเลย”
“ไม่ต้องไปรบกวนของที่โรงครัวหรอกครับ ต่อไปนี้ผมจะให้เธอไปจ่ายตลาดเอง คุณโอเคหรือเปล่า” หันมาถามชบาแก้ว
“ค่ะ แต่ขอเงินด้วยนะคะเพราะแก้วเหลือเงินไม่เยอะแล้ว” หากไม่มีปัญหาเรื่องเงินอะไรเธอก็ทำได้ทั้งนั้น
พรทิพย์อมยิ้มกรุ้มกริ่มเอ็นดูคำพูดคำจาของชบาแก้ว เว้นเสียแต่ลูกเลี้ยงของเธอที่นั่งหน้าบึ้งตึงมองไปยังชบาแก้วอย่างไม่พอใจพร้อมกับส่ายหัวน้อยๆ
“ผมรู้น่า...”
ชบาแก้วบุ้ยปาก แค่นี้เขาก็ต้องดุไม่รู้ว่าจะพูดจาดีๆ กับเธอบ้างไม่ได้หรือยังไง
หลังจบมื้ออาหารกลางวันพรทิพย์ก็ขอตัวกลับ ส่วนสิงหราชก็สั่งให้ชบาแก้วทำความสะอาดบ้านและตัวเองก็ไปนั่งทำงานอยู่ในห้องทำงาน
ชบาแก้วจัดการปัดกวาดเช็ดถูแทบทุกซอกทุกมุมของเรือนใหญ่ตั้งแต่บ่ายจวบจนเกือบเย็น ตอนนี้ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยเหลือแค่เอาผ้าที่อยู่ตามตระกร้าซักไปตากเท่านั้น
“ไม่ใส่กางเกงในเลยเหรอ อยู่ยังไงของเค้า” เธอตากผ้าจนจะหมดตะกร้าแต่ก็ยังไม่เห็นชั้นในตัวจิ๋วที่ทุกคนควรจะใส่ เห็นเพียงแค่บ๊อกเซอร์ลายสก็อตสองสามตัวเท่านั้น
“หรือผู้ชายเค้าไม่ใส่กัน” มือยังคงจับผ้าใส่ไม้แขวนตาก แต่สีหน้าก็ยังคิดไม่ตกกับเรื่องชุดชั้นในของผู้ชาย เธอเองก็ไม่เคยมีแฟน แถมเพื่อนผู้ชายก็ไม่มีที่สนิทเลยไม่รู้ว่าส่วนมากผู้ชายเค้านิยมไม่ใส่กางเกงในกันหรือเปล่า
“หึย!! คิดอะไรเนี่ย” เมื่อรู้ตัวว่าเริ่มหมกมุ่นกับการคิดเรื่องชั้นในของผู้ชายจนเริ่มเขินความคิดของตัวเองแลยรีบสลัดความคิดนั้นออกจากหัว
