บทที่ 17 ครูคนเก่ง
“คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง”
เบญจวรรณตอบธิติไม่ได้เช่นกันว่าบุษราคัมเจ็บมากน้อยแค่ไหนแต่ที่หล่อนสงสัย อยู่ๆ บุษราคัมล้มลงไปได้อย่างไร
ภากรขับรถเลี้ยวเข้าจอดหน้าคลินิกที่ธิติบอกไว้ เขาเปิดประตูก้าวลงจากรถ หันไปเปิดประตูด้านหลัง บุษราคัมนั่งหลับตานิ่ง
“ลงได้แล้วเข้าไปหาหมอตรวจหน่อย” เขาสั่งน้ำเสียงอ่อนลง
“ฉันไม่เป็นไร ทำไมต้องตรวจ” หล่อนไม่ยอมทำตามคำสั่งของเขา
“อย่ามาอวดดีตอนนี้”
เขาช้อนร่างหล่อนไว้ในวงแขนโดยไม่สนใจกับกิริยาผลักไสต่อต้านของหล่อน อุ้นพ้นรถพาเข้าไปในคลินิกบอกหมอว่าบุษราคัมหกล้มไหล่กระแทกกับพื้น หมอให้พาเข้าห้องตรวจแซงคิวคนไข้ที่นั่งรออยู่ ครู่เดียวผลการตรวจก็ออกมาว่า
“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ เคล็ดเท่านั้นเอายาไปทาแล้วก็ทานยาที่หมอจัดให้ก็หายแล้วครับ”
ภากรยิ้มรับคำตอบของหมอ รู้สึกโล่งใจ คิดว่าจะมีเรื่องร้ายกับพนักงานสาวอวดเก่งคนนี้เสียแล้วแต่พอคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ขนลุกขึ้นมาทันที ก่อนที่บุษราคัมจะล้มเขาเห็นปีกหุ่นกินรีสะบัดไปที่ขาของหล่อน เขาเห็นเต็มสองลูกตา มันไม่ใช่ความฝันแต่มันเกิดขึ้นจริงต่อหน้าเขา
“คุณกรคะ หมอว่าไงคะ ยายบุษเป็นอะไรรึเปล่า” เบญจวรรณเดินเข้ามาหาภากรตามด้วยธิติ สีหน้าของทั้งสองเป็นห่วงเพื่อนร่วมงานไม่น้อยทีเดียว
“ไม่เป็นไร เดินหน้าบูดมานั่นแล้ว” ชายหนุ่มพยักหน้าไปทางประตูห้องตรวจด้านใน บุษราคัมเดินหน้าบึ้งเข้ามา
“ติ ไปส่งฉันที่บ้านหน่อย” หญิงสาวไม่มองเจ้านายหนุ่ม หล่อนพูดกับธิติเหมือนอยู่กันสองคน
“ติ ขับรถตามฉันไปที่ร้านอาหารใกล้ ๆ นี่นะ เบญพาเพื่อนไปที่รถ ฉันจะเลี้ยงข้าว”
“ฉันไม่กิน ฉันจะกลับบ้าน”
“เธอได้กลับแน่แต่ต้องกินข้าวก่อน ท้องร้องดังไปทั้งห้องตรวจยังงั้นคงไม่หิวหรอกนะ ถ้าไม่เดินไปขึ้นรถดี ๆ ฉันอุ้มเอง เบญถือถุงยา”
“เฮ้ย.ไม่นะ”
หญิงสาวปัดมือชายหนุ่มที่ทำท่าจะย่อตัวอุ้มหล่อนไปที่รถของเขา เบญจวรรณหัวเราะอย่างเห็นเป็นเรื่องขำส่วนธิติมองยิ้ม ๆ
“ถ้าไม่ให้ฉันอุ้มรีบเดินไปขึ้นรถ เบญไปกับฉัน ติขับรถตามไปนะ”
“ครับ”
ธิติขับมอเตอร์ไซค์ตามรถภากรไปถึงร้านอาหารที่ใกล้คลินิกที่สุด บุษราคัมนั่งเงียบไม่พูดกับใคร อาการเจ็บที่ไหล่หายไปจนเหมือนกับว่าไม่ได้เกิดอุบัติเหตุขึ้นกับหล่อนอย่างนั้นแหละ
ภากรชำเลืองมองหญิงสาวที่นั่งหน้าบึ้งอยู่ข้างเขา เสียงถอนใจดังมาจากชายหนุ่มไม่ใช่หญิงสาวที่นั่งนิ่งเงียบ
“จะกินอะไรก็สั่งมา” เขาเอ่ยอย่างไม่อยากเอ่ยเท่าไรนัก
“ไม่กิน จะกลับบ้าน ติไปส่งฉันหน่อย” หญิงสาวตอบเสียงไม่พอใจแล้วหันไปมองหน้าธิติ
“ยังกลับไม่ได้จนกว่าจะกินข้าวเสร็จ”
ภากรพูดโดยไม่มองหน้าบุษราคัม หล่อนยกมือขึ้นกดท้องไม่ให้ส่งเสียงครวญครางด้วยความหิวแต่ท้องกับทรยศร้องดังมากขึ้น เขาจ้องหน้าเหยเกแล้วส่ายหน้า
“ฉันกินก็ได้ ข้าวผัดกะเพราไข่ดาวไม่ต้องสุก”
“ไม่สุกได้ยังไง ไข้หวัดนกยังอยู่เดี๋ยวได้เดี้ยงหรอก”
“เรื่องของฉัน ไม่ต้องยุ่ง” หล่อนพึมพำแต่เขาก็ได้ยิน
“ถ้าเธอเป็นอะไรไป ใครจะจัดดอกไม้” เขาเอ่ยเสียงเข้ม
“ก็จัดเองสิ เก่งไม่ใช่เหรอ”
“นี่เธอ...”
“คุณกรคะกินข้าวเถอะค่ะ ดึกแล้วนะคะ” เบญจวรรณแทรกขึ้นเพราะดูท่าทางเจ้านายกับลูกน้องไม่จบง่ายๆ
“เบญสั่งให้นะคะคุณกรจะกินอะไรคะ”
“กะเพราไก่ไข่ดาวเอาแบบสุก ๆ”
เขาสั่งโดยลืมคิดว่าเมนูของเขาตรงกับบุษราคัม เบญจวรรณอมยิ้ม ธิติมองหน้าเจ้านายคนใหม่แล้วหันมามองบุษราคัมอย่างไม่เข้าใจกับการโต้เถียงแต่กลับมาชอบอาหารจานด่วนเหมือนกัน
การรับประทานอาหารผ่านไป ภากรจ่ายค่าอาหารแล้วเลื่อนเก้าอี้ลุกขึ้นยืน สายตาคมจับที่ใบหน้าบึ้งของหญิงสาว
“ลุกไหวรึเปล่า ถ้าไม่ไหวฉันจะอุ้ม”
“ไม่ต้องยุ่ง ติ ไปส่งฉันหน่อย”
“ฉันจะไปส่งเอง ติไปเปิดประตูรถฉัน ฉันจะอุ้มครูสอนจัดดอกไม้ของฉันเอง”
“ฉันเดินเองได้” บุษราคัมลุกพรวด หล่อนเจ็บแค่แขนเท่านั้นไม่ได้เจ็บขาเรื่องอะไรจะให้เขาอุ้มหล่อน
