บทที่ 16 คู่กัด
กว่าบุษราคัมจะจัดดอกไม้ตามออร์เดอร์ที่ลูกค้าสั่งไว้หมดก็เลย 2 ทุ่มไปแล้ว หล่อนไม่มีเวลาเหลียวมองเจ้านายหนุ่มว่าจะทำอะไรบ้าง ไม่มีเวลาสอนเขาจัดดอกไม้ตามที่ภูสุดากำชับไว้ก่อนเดินทางไปต่างประเทศ
ภากรเดินวนเวียนใกล้โต๊ะที่บุษราคัมจัดช่อดอกไม้ พยายามทำตัวและปากสงบที่สุด ตอนนี้เขาต้องขอความช่วยเหลือจากหล่อน ความโกรธที่ถูกหล่อนว่าหายไป ความไม่อยากเห็นหน้าจางไปนิดหนึ่ง คำพูดเตรียมจะเอ่ยไล่หล่อนออกหดหาย อาจเป็นเพราะความเก่งของหล่อนหรือไม่ก็เพราะคำขอร้องของธิติกับเบญจวรรณก็ได้ที่ทำให้เขาล้มเลิกความคิดไล่ผู้หญิงปากจัดคนนี้ออกจากร้าน
“เบญ ฉันกลับก่อนนะ ติส่งเบญด้วยล่ะ ไปละ” บุษราคัมเดินไปคว้ากระเป๋าผ้าดิบปักลวดลายดอกไม้ซึ่งเป็นฝีมือของหล่อนทั้งหมด
“เดี๋ยวสิบุษ ไปพร้อมกัน คุณกรคะกลับเถอะค่ะเบญจะปิดร้านค่ะ”
เบญจวรรณหันไปมองภากร เขาเหลือบหางตามองมาไม่ใช่ใบหน้าเบญจวรรณแต่เป็นหน้าบึ้ง ๆ ของบุษราคัม
“ฉันช่วยปิดแล้วก็จะพาไปเลี้ยงข้าว ยังไม่ได้กินข้าวกันไม่ใช่เหรอ”
“ค่ะ แต่ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวเบญกับติแวะกินร้านข้างทาง” เบญจวรรณเอ่ยอย่างเกรงใจ
“ไม่เป็นไรไม่ได้ เหนื่อยกันทั้งวันแล้วนี่” เจ้านายคนใหม่ลุกขึ้นยืน
“แกมีคนช่วยปิดร้านแล้วฉันกลับก่อนนะเบญ ติไปนะ” บุษราคัมทำปากเบี้ยวไปมาแล้วหันไปพูดกับเบญจวรรณก่อนจะเลยไปที่ธิติ
“ฉันอนุญาตให้เธอกลับรึไง บอกแล้วว่าจะเลี้ยงข้าวทุกคน”
ภากรเอ่ยขึ้นอย่างขัดใจกับการไม่แคร์ของหญิงสาว หล่อนท้าทายเขาตั้งแต่แรกเห็นหน้า วันนี้ทั้งวันหล่อนไม่เหลือบมองเขาแม้หางตาด้วยซ้ำไป ความอวดดีของผู้หญิงคนนี้ทำให้เขาอยากเอาชนะเสียแล้วสิ
เบญจวรรณดึงแขนเพื่อนสาวไว้แล้วหันไปพยักหน้ากับธิติ ชายหนุ่มยิ้มขำ ๆ วันแรกลูกน้องสาวก็ปะทะคารมกับเจ้านายหนุ่มแบบไม่เกรงใจอย่างนี้วันต่อไปจะเป็นอย่างไร เขาเลิกคิ้วแล้วยักไหล่ก่อนจะหัวเราะตามมา
“หัวเราะบ้าอะไร” บุษราคัมเดินมาเตะที่ขาเพื่อนแล้วเดินไปช่วยเบญจวรรณเก็บอุปกรณ์จัดดอกไม้บนโต๊ะใส่กล่องใหญ่ข้างโต๊ะ
กิริยาของหล่อนไม่พ้นสายตาคมปราบของเจ้านายหนุ่มไปได้ เขาส่ายหน้ากับความไม่ยอมของหล่อนแม้แต่กับเพื่อนหล่อนยังพาล อย่างนี้เขามิต้องถูกหล่อนว่าทุกวันหรือโดยเฉพาะการตื่นนอน เมื่อเช้าหล่อนโทร.ตามเขาจนป้าสุขไม่อยากรับสาย
“เหลือเกินจริง ๆ” เขาพึมพำแล้วเดินไปที่ประตูทางออก
“คุณกรไม่พักที่ร้านเหรอครับ พี่ดาค้างที่นี่นะครับ” ธิติเดินตาม
“ยังก่อน ฉันมีงานต้องทำ ขนโต๊ะทำงานมาที่นี่มันลำบาก”
“ถ้าคุณกรไม่ค้างให้ยายบุษค้างสิคะ บุษมันชอบอยู่คนเดียว” เบญจวรรณเสนอเพื่อนทันที
“มิน่า” ภากรมองมาที่หญิงสาวแล้วยิ้มหยัน ท่าทางอวดดีไม่ยอมคนอย่างนี้นี่เล่าถึงชอบอยู่ตามลำพัง คงไม่มีใครอยากคบด้วย เขาคิดค่อนหล่อนอยู่ในใจ
“มิน่าอะไร” หล่อนสวนคำทันควัน ใบหน้าบึ้งกว่าเดิม
“ฉันขอคิดดูก่อนก็แล้วกันแต่ถ้าเราจะมาอยู่ที่นี่ทั้งหมดก็ได้นะ ช่วยดูแลร้านให้ฉันด้วย”
เขาไม่มองหน้าบุษราคัมแต่หันไปมองธิติกับเบญจวรรณแทน หญิงสาวเดินลิ่วไปที่ประตูแต่ยังไม่ทันก้าวถึงประตู ขาของหล่อนก็ปัดไขว้ขวิดกันล้มกลิ้งลงกับพื้นแบบไม่ทันระวัง ไหล่ซ้ายกระแทกพื้นเต็มแรง
“โอ๊ย!” เสียงร้องเจ็บปวดดังออกมาเบามากแต่ใบหน้าเหยเก
“ยายบุษ” เบญจวรรณวิ่งเข้าไปหาเพื่อนพร้อมธิติ
“เดินยังไงวะ” ธิติบ่นขณะช่วยประคองให้ลุกขึ้นแต่บุษราคัมร้องทันทีที่แขนถูกยก
“โอ๊ย”
“เจ็บเหรอ ไหล่หลุดรึเปล่าวะ” ธิติปล่อยมือจากแขนเพื่อนถอยออกมามองอย่างห่วงใย
“ไม่รู้แต่มันปวด” บุษราคัมกัดฟันสู้ความปวดหนึบที่ไหล่
“คุณกรคะ พายายบุษไปหาหมอเถอะค่ะท่าทางจะเจ็บจริง”
เบญจวรรณหันมาบอกเจ้านายที่ยืนจ้องบุษราคัมนิ่ง สายตาไม่ใช่เยาะหยันแต่กำลังตกใจกับอะไรบางอย่าง เขาขยับขาก้าวเร็ว ๆ เข้าไปหาหญิงสาว
“เจ็บตรงไหน” คำถามห้วนแต่สายตาห่วงใย บุษราคัมย่นหัวคิ้วเข้าหากันไม่อยากเชื่อว่าจะเห็นสายตาคู่อริมองหล่อนอย่างนี้ หล่อนอาจตาฝาดไปก็ได้
“น่าจะที่ไหล่ครับ” ธิติตอบแทนคนเจ็บ
“ถ้างั้นติอุ้มไปขึ้นรถฉัน ฉันจะพาไปหาหมอ คลินิกใกล้ร้านมีมั้ย”
“มีครับ อยู่ถัดไปสามซอย”
ภากรพยักหน้าแล้วลุกขึ้นเปิดประตูกว้าง รอธิติอุ้มร่างบางผ่านออกไปจึงหันมาสั่งเบญจวรรณ
“เบญ ปิดประตูได้ใช่มั้ย เดี๋ยวให้ติช่วยแล้วตามไปที่คลินิกนะ”
“ค่ะ”
เบญจวรรณยืนมองภากรวิ่งไปที่รถของเขา เห็นเขาเปิดประตูให้ธิติพาบุษราคัมเข้าไปนั่งตอนหลัง ธิติวิ่งกลับมาช่วยหล่อนปิดประตูร้าน
“บุษมันล้มได้ยังไงวะติ” เบญจวรรณสงสัยอุบัติเหตุเล็ก ๆ ที่ทำท่าจะไม่เล็กเสียแล้ว
“ไม่รู้ ไม่ทันมอง พรุ่งนี้มันจะมาทำงานไหวรึเปล่าไม่รู้”
