บทที่ 15 หุ่นผีสิง
คำตอบของหญิงสาวที่แผดเสียงตอบโต้กับพนักงานหนุ่มเรียกรอยยิ้มให้กับภากรโดยไม่รู้ตัว ความรู้สึกโกรธผู้หญิงอวดดีร่างสูงเกือบเท่าเขาหายไปได้อย่างไรรวดเร็วนัก ภากรสงสัยตัวเองแต่ก็พอใจที่บุษราคัมไม่หนีงาน
“ไอ้ดานะไอ้ดา” เขาถอนใจพรวดนึกโกรธเพื่อนแทนหญิงสาวที่คว้าแผ่นกระดาษกับโบว์สีชมพูบนโต๊ะสำหรับวางของจัดช่อดอกไม้
“ทำไมต้องเลือกกูด้วยวะ”
เขาพึมพำต่อแล้วหันหน้าหนีดวงตาที่จ้องมา บุษราคัมจ้องตาสีเข้มของเขาไม่หลบ เขาเบือนหน้าหนีหันไปทางหุ่นหินทราย ดวงตากินรีจ้องเขม็งมายังเขาประกายแสงวับขึ้นในดวงตาแกะสลัก ภากรสลัดศีรษะแล้วจ้องมองหุ่นกินรีและต้องผงะเมื่อดวงตาหุ่นกลอกกลิ้งล้อหลอกเขา สัตว์หิมพานต์ตัวนี้ยิ้มเยาะเขา
“คุณกรครับ เป็นอะไรรึเปล่าครับ นั่งก่อนครับ”
ธิติเห็นชายหนุ่มเซสองสามก้าวคล้ายจะล้ม เขาวิ่งเข้ามายืนข้าง ๆ
“ไม่เป็นไร เวียนหัวนิดหน่อย ขอกาแฟฉันแก้วสิ”
เขาโบกมือแล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้รับแขก ไม่อยากมองหุ่นผี เขาเชื่ออย่างนั้น หุ่นหินทรายตัวนี้ต้องมีผีสิงอยู่และอาจจะเป็นผีกินรีที่เขาฝันเห็น เขาถอนใจเฮือกใหญ่เอนหลังพิงพนักเบาะหลับตานิ่ง ครู่หนึ่งจึงลืมขึ้นและมองหุ่นกินรี มองแบบจับผิดกันเลยทีเดียวแต่ไม่มีอะไรผิดปกติ หุ่นกินรีก็ยังเป็นหุ่นหินทรายธรรมดา ๆ ดวงตาไม่มีแสง ปากไม่ยิ้มแย้มหยอกยั่ว เขาเห็นไปเองคิดไปเองทั้งนั้น เขายิ้มขำตัวเอง ครู่ต่อมาธิติถือแก้วกาแฟมาวางบนโต๊ะให้เจ้านายคนใหม่
“ขอบใจ” ภากรเอ่ยเบา ๆ ธิติยิ้มบางแล้วถาม
“คุณกรจะเอาอะไรอีกมั้ยครับ”
“ไม่แล้วละ ไปทำงานเถอะ” เขายิ้ม พยักหน้าให้พนักงานหนุ่มแล้วยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ
ธิติเดินออกไปนอกร้าน ทำความสะอาดกระจกด้านนอก กวาดถูพื้นกระเบื้องด้านหน้าตัดแต่งกิ่งไม้ในกระถางตามคำสั่งของบุษราคัมเมื่อเช้านี้ ภากรนั่งมองนิ่ง ๆ ครู่หนึ่งจึงหันมามองหญิงสาว 2 คนจัดดอกไม้ช่อใหญ่โดยมีลูกค้าสาวเลือกดอกไม้ที่ต้องการส่งให้
“คุณดาไม่อยู่เหรอจ๊ะเบญ”
“คุณดาไม่ได้เป็นเจ้าของร้านแล้วค่ะ คุณดาขายร้านแล้ว ตอนนี้อยู่อเมริกากับสามีค่ะ”
“อ้าวเหรอ ทำไมขายเร็วจัง วันก่อนฉันยังให้คุณดาจัดดอกไม้อยู่เลยแล้วนี่ใครซื้อไว้จ๊ะ”
“คุณภากรค่ะ นั่งอยู่นั่นค่ะ” เบญจวรรณหันไปมองชายหนุ่มที่ยังนั่งหน้าเครียดอยู่บนเก้าอี้รับแขก ลูกค้ามองตามแล้วหันมากระซิบ
“ทำไมหน้าบึ้งจัง เขาทะเลาะกับแฟนมาเหรอ”
“ทะเลาะกับแม่ยายมาค่ะ ร้ายมากค่ะ ลูกเขยร้ายนะคะกับแม่ยายยังไม่เว้น”
บุษราคัมตอบคำถามลูกค้าสาวซึ่งเป็นรุ่นพี่ของหล่อนด้วยเสียงไม่เบานักจนเจ้าของร้านหนุ่มหันมามอง หล่อนยักไหล่ท้าทายดวงตาที่จ้องมา
“พูดบ้าอะไร” เขาลุกจากเก้าอี้เดินเข้ามายืนข้างโต๊ะจัดดอกไม้
“ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ยิ้มรับลูกค้า ได้ดอกไม้ที่ต้องการรึยังครับ ถ้ายังไงก็เชิญตามสบายนะครับ” เขายิ้มกับลูกค้าสาวพร้อมคำขอโทษซึ่งหล่อนหัวเราะแล้วว่า
“ไม่เป็นไรค่ะ คนเรามีเรื่องให้คิดกันทั้งนั้น คุณภากรเป็นเจ้าของร้านคนใหม่เหรอคะ โชคดีจังนะคะที่คุณดาขายร้านต่อให้คุณ”
“ครับ โชคดีครับ โชคดีมาก เชิญตามสบายนะครับ”
เขาเน้นคำว่าโชคดีสายตาจ้องที่นวลหน้าบุษราคัม ได้โชคสองชั้นเพราะพบพนักงานปากร้ายคนนี้นี่แหละ
เจ้าของร้านเดินดูดอกไม้โดยเหลือบหางตามองพนักงานสาวปากจัดบ่อยครั้ง หล่อนไม่ใส่ใจกับเขานอกจากสนใจดอกไม้ตรงหน้า หล่อนหยิบจับช่อดอกไม้คล่องแคล่ว สนแผง ดอกดาวดินเสียบแซมดอกกุหลาบชมพู ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ช่อดอกไม้ที่ลูกค้าต้องการก็ส่งถึงรถหน้าร้าน
“ขอบคุณมากนะครับ โอกาสหน้าเชิญใหม่นะครับ”
ภากรรับเงินจากลูกค้ารายแรกของเขา รู้สึกขัดเขินชอบกลกับเงินจากผลงานจัดดอกไม้ของบุษราคัม เจ้าหล่อนกำลังจะกลายมาเป็นครูสอนเขาในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า งานนี้คงสนุกพิลึก
