บทที่ 13 เจ้าของคนใหม่
เสียงเคาะประตูดังรัวแบบไม่เกรงใจเจ้าของห้องไม่ได้ทำให้ภากรหงุดหงิดแต่อย่างใดเพราะชินกับการปลุกของป้าทองสุขจึงดึงผ้าห่มคลุมโปงดึงหมอนปิดหูแต่ก็หนีเสียงปลุกฟ้าผ่าไม่พ้น
“ตื่นได้แล้วคุณชายเจ้าขา ตื่นเจ้าค่ะ ตื่น ตื่น” ทองสุขส่งเสียงแข่งกับการเคาะประตู
“โอ๊ย ได้ยินแล้วยายแจ๋วใจร้าย ไม่เกรงใจเจ้าของบ้านต้องหักเงินเดือน”
เขาสะบัดผ้าห่มออกจากตัว ผลักหมอนออกห่างแล้วยันกายลุกขึ้นนั่ง เหลือบตามองนาฬิกาบนโต๊ะข้างเตียง
“สิบโมง มิน่าป้าสุขถึงปลุกห้องแทบพัง”
เขายักไหล่แล้วเหวี่ยงเท้าลงจากเตียงเดินเข้าห้องน้ำครู่ใหญ่จึงกลับออกมา เสื้อยืดคอกลมแขนในตัว เสื้อเชิ้ตแขนสั้นลายสก๊อตสีน้ำเงินสลับขาว กางเกงยีนสีซีด วันนี้เขาต้องเข้าร้านดอกไม้ที่ไม่อยากเข้าสักเท่าไร ไม่รู้ว่าครูสอนดอกไม้ที่ภูสุดาจัดหามาจะเป็นอย่างไร
“มีอะไรกินบ้างครับป้า” เขาเดินลงมาจากชั้นบนร้องถามเสียงดังทั้งที่ไม่เห็นตัวทองสุข
“ข้าวผัดรวมมิตร เน้นผักเยอะ ๆ ตามที่คุณชายโปรดไงคะ กาแฟรสเข้ม น้ำเปล่าอีกหนึ่งแก้วพอมั้ยคะ”
“ป้า อย่ามาทำเป็นพูดเพราะนะ วันนี้ไม่มีอารมณ์เล่นด้วยนะจะบอกให้ กำลังโกรธไอ้ดา มันบังคับขายร้านดอกไม้ที่ผมไม่เคยชอบให้ผมแถมยังหาครูมาสอนจัดดอกไม้ให้ผมอีก มันน่าแค้นใจมั้ยครับป้า”
“น่าแค้นแต่ดีเพราะเพื่อนนำสิ่งดี ๆ มาสู่ชีวิตเรา รีบกินข้าวรีบเข้าร้านด่วนเพราะคนที่ร้านโทร.มาตามแกสิบกว่ารอบแล้วจนป้าต้องวิ่งขึ้นไปปลุกแกนั่นแหละ”
“อะไรนะป้า คนที่ร้านโทร.มาตามผมเหรอครับ”
“ใช่ รีบ ๆ กินแล้วก็รีบ ๆ ไป ป้ารำคาญเสียงโทรศัพท์เต็มแก่แล้ว”
“ไม่มีใครกล้าโทร.มาตามผมนอกจากไอ้ดา เฮ้ย ป้าอย่าบอกนะว่าไอ้ดายังไม่บินไปเมืองนอก มันบอกผมว่ามันจะบินเมื่อคืน มันเปลี่ยนใจเหรอป้า มันโทร.ตามผมสงสัยเปลี่ยนใจไม่ขายร้านแล้วมั้ง ดีเลยผมจะรีบไปบอกคืนมัน ป้าจะทำอะไรก็ไปทำเถอะ ผมไม่เอาอะไรแล้วละ”
ทองสุขยืนนิ่งเมื่อหลานชายพูดเองเออเองและไม่ฟังคำอธิบายจากหล่อน เขาโบกมือให้หล่อนออกมาจากโต๊ะทานอาหารแล้วลงมือทานข้าวในจานเกือบหมด ยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มรวดเดียวตามด้วยน้ำเปล่าครึ่งแก้ว
“ป้า ไปซื้อกับข้าวรึเปล่า พาลุงไปซื้อกระถางต้นไม้ด้วยนะ ผมจะซื้อต้นไม้มาปลูกเพิ่ม ลุงไปเลือกกระถางมาปลูกบัวอีกสองใบนะ ไปละ”
เขาสั่งโดยไม่มองหน้าป้าทองสุขที่เดินมายืนจ้องหน้าเขาอยู่ ไม่มองประจวบที่พยักหน้ารับคำสั่งแบบงุนงง
ชายหนุ่มขับรถออกจากบ้านไปด้วยความรู้สึกสดชื่นเปิดเพลงฟังดังลั่นรถ โยกตัวตามทำนองเพลงมัน ๆ
“ไอ้ดา แกหลอกให้ฉันเครียดทั้งวัน ฉันจะไปด่าแกให้หายแค้น เล่นทะลึ่ง ๆ ยังงี้ต้องคูณเป็นสองเท่า” เขาพูดแข่งเสียงเพลง เร่งความเร็วรถเมื่อถนนด้านหน้าว่าง
บุษราคัมเข้ามาที่ร้านดอกไม้ภูสุดาแต่เช้าตามคำสั่งของเจ้าของร้านคนเดิม หล่อนย้ายแจกันดอกไม้ใหม่ จัดมุมรับแขกใหม่เมื่อเห็นว่าร้านนี้มีเจ้าของคนใหม่แล้ว ทุกอย่างในวันแรกของการทำงานทั้งของหล่อนและเจ้าของต้องใหม่ตามไปด้วย
เบญจวรรณกับธิติพลอยสนุกไปกับการแต่งร้านโดยไม่ต้องขนของนอกร้านมาแต่งเติมให้แน่นเพียงแค่ย้าย ๆ และย้าย ร้านดอกไม้ร้านเดิมก็แปลกตาไปยกเว้นหุ่นหินทรายที่บุษราคัมเห็นพร้องต้องกันกับภูสุดาว่าต้องอยู่ด้านขวาของประตูจากทางเข้าด้านนอกแต่หญิงสาวเปลี่ยนการหันหน้าเข้าร้านเป็นหันออกต้อนรับลูกค้าเท่านั้นแต่งสองข้างหุ่นด้วยไม้โชว์ใบสีเขียว ทำราวกับว่ากินรีตัวนี้อยู่ท่ามกลางป่าอันชุ่มชื้นเขียวขจีด้วยแมกไม้ในป่าดงดิบ
“เบญ ติ เป็นไง อยากเปลี่ยนตรงไหนบอกนะฉันจัดให้”
หญิงสาวเรียกชื่อเล่นของพนักงานเก่าอย่างเป็นกันเองเพราะก่อนหน้านี้หล่อนเข้ามาช่วยภูสุดาจัดดอกไม้โดยไม่รับค่าแรงนานเกินกว่าอาทิตย์ ความสนิทสนมระหว่างพนักงานเก่ากับพนักงานใหม่เริ่มตั้งแต่ครั้งนั้น
“ไม่ต้องแล้ว ทำไมแกจัดร้านได้สวยยังงี้ล่ะไปเรียนมาเหรอ” เบญจวรรณถามกับความสามารถของเพื่อนสาว
“ไปช่วยญาติจัดสวนบ่อยก็เลยแอบเรียนวิชากับเขามา” บุษราคัมตอบขำ ๆ
“เรียกว่าครูพักลักจำว่างั้น”
ธิติยืนกอดอกกวาดสายตาไปรอบ ๆ ตัว เบญจวรรณชมฝีมือการจัดแต่งร้านของบุษราคัมถูกต้องแล้ว หล่อนทำได้ดีทีเดียว
“ถูก จะให้ฉันไปนั่งเรียน ไปเดินตามครูสอน ฟังครูจาระไนชื่อต้นไม้จำไม่ไหวหรอก อยากให้อะไรมาอยู่ตรงไหนก็ยก ๆ มาวาง ๆ ตามใจฉันแค่นี้จบ”
หล่อนยืนเท้าเอวมองผลงานของตนเองแล้วหันมายักคิ้วกับธิติ หางตามองผ่านกระจกผนังหน้าร้านออกไปด้านนอก รถสีบรอนเงินแล่นเข้าไปจอดที่ลานจอดรถ
“ลูกค้ามาแล้วเจ้าของยังไม่มาอีก ร้านคงเจริญหรอกนะ”
