บทที่ 12 วางแผน
“นั่งลง ฉันให้เจ้าติไปซื้อแล้วเดี๋ยวมา ฉันจะทำให้แกกินก็ช้า ซื้อเอาดีกว่าเร็วทันใจแล้วคืนนี้ไม่ไปส่งฉันที่สนามบินเหรอ ฉันบินตีหนึ่งครึ่ง”
“ไม่ไหวว่ะง่วง อีกอย่างฉันต้องรีบทำงาน พรุ่งนี้ต้องมาร้านแกอีก ฉันไม่เข้าใจทำไมแกต้องเอาภาระมาให้ฉันแบกด้วยวะ บอกไม่ซื้อไม่ซื้อยังหน้าด้านขายให้อีก”
“เพราะแกเป็นเพื่อนฉันน่ะสิฉันถึงหน้าด้านขาย อย่าลืมฝากเงินเข้าบัญชีฉันทุกเดือนด้วยล่ะ ฉันรับสมัครพนักงานจัดดอกไม้ให้แกแล้ว พรุ่งนี้จะมารับหน้าที่วันแรก”
“แกวางแผนไว้กี่วันวะดาถึงเตรียมอะไรต่ออะไรไว้ให้เสร็จสรรพแบบนี้”
“หนึ่งเดือน”
“เป็นเดือน...เจริญเถอะแม่คุณ เล่นละครเก่งนะมึง มิน่าไอ้ฝรั่งผมทองมันถึงหลงเสน่ห์นางมารร้ายอย่างแก” เขาหันหน้าหนีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเพื่อนสนิท
“ฉันเป็นนางมารร้ายเฉพาะแกคนเดียวรู้ไว้ไอ้นายมารร้าย”
หล่อนกอดอกเชิดหน้ายกขาไขว้กัน พอดีธิติหิ้วถุงพลาสติกใบใหญ่เดินเข้ามา หล่อนชี้มือไปที่ประตูใกล้กับบันไดขึ้นชั้นบนซึ่งปิดอยู่ ธิติเปิดประตูก้าวหายเข้าไปด้านในครู่เดียวเบญจวรรณก็เปิดประตูให้ธิติยกถาดใส่จานข้าวผัดสองจานออกมาวางบนโต๊ะทานอาหารประจำของภูสุดาซึ่งอยู่ด้านข้างประตูห้องครัวอีกทีหนึ่ง มีฉากไม้ฉลุลายดอกไม้กั้นไว้ เบญจวรรณกลับเข้าห้องครัวถือเหยือกน้ำกับถาดเล็กใส่แก้ว 2 ใบตามมาวางบนโต๊ะ
“เรียบร้อยแล้วค่ะพี่ดา”
“ขอบใจจ้ะเราก็กินกันได้แล้วนะ เดี๋ยวติเอาตะกร้านี่ไปส่งร้านเสื้อนะ เบญเดี๋ยวเช็ดถูร้านนะ เช็ดกระจกตรงที่วางหุ่นให้ใสปิ๊ง เราจะโชว์กินรีแสนสวย”
เบญจวรรณทำตามเจ้านายสาวที่กำลังจะหมดวาระในวันนี้แต่ไม่ว่าภูสุดาจะไม่ใช่เจ้านายของหล่อนแล้วก็ตามหล่อนก็ยังรักและนับถือภูสุดาเช่นเดิมด้วยความใจดีถึงจะดุบ้างแต่ก็ไม่ได้โกรธจนทำให้ลูกน้องอย่างหล่อนกับธิติกลัวรนราน ส่วนเจ้านายคนใหม่จะใจดีเหมือนภูสุดาหรือเปล่าต้องรอดูกันต่อไป
ภากรชำเลืองมองกินรีแล้วถอนใจเฮือก เขาโทษความฝันเมื่อคืน กินรีตัวนี้มาจากความฝันและตามหลอนเขา พอเขาไม่กลัวก็มาในรูปลักษณ์ของหุ่นที่สามารถจับต้องได้ถึงจะไม่มีหัวใจแต่ดวงตาที่จ้องมองตรงมายังเขาพอดิบพอดีเหมือนยิ้มให้เขานั้นมันมีชีวิต เขาลุกเดินไปที่โต๊ะทานอาหารก่อนภูสุดาจะชวนเสียอีก ไม่อยากเห็นกินรีตัวนี้แม้ว่าเขาจะต้องเป็นเจ้าของและต้องเห็นทุกวันก็ตาม
การจัดดอกไม้เป็นงานที่ยากที่สุดสำหรับชายหนุ่มแต่เขาก็สามารถทำได้แต่ไม่ดีอย่างที่ภูสุดาต้องการ หล่อนยกมือสองข้างกำและเท้าที่เอวมองตะกร้าหวายใบเล็กบรรจุดอกกุหลาบสีขาว ชมพูและแดงอย่างไม่พอใจเท่าไรนัก
“ก็พอไปวัดตอนสาย ๆ ได้นะแก แต่พรุ่งนี้แกต้องเข้ามาเรียนกับพนักงานคนใหม่ทุกวัน แกต้องจัดดอกไม้ให้สวยเท่าฉันเข้าใจมั้ยยะ”
“รอให้ฉันเรียนสักปีสองปีแล้วแกมาแข่งกับฉันมั้ยล่ะ”
“ฉันต่อให้แกเรียนทั้งชาติแกก็ทำไม่ได้เพราะแกไม่ได้รักงานแบบนี้ ฉันถึงจ้างครูมาสอนแกถึงร้านไงล่ะ บุษจะเป็นทั้งพนักงานทั้งครูของแก เตรียมตัวให้ดี”
“บุษ ?” ชายหนุ่มทวนชื่อคนที่จะมาเป็นครูสอนจัดดอกไม้พร้อมกับจ้องหน้าเพื่อน
“เออ บุษราคัม จัดดอกไม้เก่งมากแป๊บเดียวเสร็จแถมสวยด้วย จบเกษตรฯแต่ชอบต้นไม้ดอกไม้ทุกสายพันธุ์”
หญิงสาวบรรยาสรรพคุณของครูที่ลูกศิษย์อย่างภากรยังไม่เคยเห็นหน้าและไม่ยอมรับว่าเป็นครูแต่ถูกเพื่อนจับให้อยู่ในฐานะนี้ไปแล้ว
“ทำไมแกไม่ขายร้านให้ยายบุษราคัมนี่ซะจะได้หมดปัญหา รักต้นไม้ดอกไม้ทุกชนิดแถมจบเกษตรฯ เกี่ยวกับต้นไม้ทั้งนั้น ดูแลร้านแกดีชัวร์แต่ประหลาดอยู่นิดเดียว เรียนเกษตรฯแต่จัดดอกไม้เก่งนี่แหละ”
เขาพูดเหมือนรำคาญเพื่อนเต็มทีและนึกหมั่นไส้บุษราคัมแบบไม่มีเหตุผล ภูสุดาเหลือบตาขึ้นมองหน้าเพื่อนหนุ่มแล้วยิ้มขำ ๆ อาการอย่างนี้บอกชัดว่าหงุดหงิดและไม่ใช่หงุดหงิดธรรมดาแต่ไม่อยากรู้จักครูสอนจัดดอกไม้ที่ชื่อบุษราคัม
แต่นายภากรต้องเจอและรู้จักผู้หญิงคนนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยแหละ
