บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3

หนูพุกคิดว่าตัวเองคาดการณ์ผิดถนัดเรื่องการตอบคำถามที่อาจารย์สุดหล่อมักจะโยนมาให้ขบคิดอยู่เสมอๆ ตลอดทั้งคาบเรียน เพราะสุดท้ายเธอก็รู้แล้วว่า อาจารย์ก็ย่อมเป็นอาจารย์อยู่วันยันค่ำ ทำไมน่ะหรือ...ก็เพราะเมื่อเห็นว่าเวลาถามคำถามอะไรไป แล้วคนตอบจะมีแค่เธอ ในขณะที่คนอื่นอ้อมแอ้มผสมโรงบ้างประปราย อาจารย์ธีรัชต์ก็แก้เกมด้วยการจี้ถามทีละคน แน่นอนว่า คลาสเรียนที่มีผู้เรียนแค่ห้าคน อาจารย์จี้ถามได้สบายๆ อยู่แล้ว ที่สำคัญ เห็นได้ชัดเลยว่า เขาจงใจมองข้ามเธอแล้วโยนคำถามไปให้คนอื่นตอบแทน

“การปฏิวัติฝรั่งเศสเกิดขึ้นในปีใดครับ คุณโศภิตา”

“คะ...ค่ะ...” เจ้าของชื่อถึงกับสะดุ้งเมื่อถูกโยนคำถามเข้าใส่แบบตั้งตัวไม่ทัน ไม่ใช่ว่าไม่มีความรู้เรื่องการปฏิวัติฝรั่งเศส ของอย่างนี้มันเรียนกันมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าเหาแล้ว แต่ดันถูกจี้ถามเรื่องปี ใครมันจะไปจำได้ล่ะคะอาจารย์ “เอ่อ ปี...” โศภิตาเหลือบมองเพื่อนๆ เพื่อขอความช่วยเหลือ ในขณะที่หนูพุกก็พยายามกระซิบกระซาบแต่ก็ไม่ถนัดนักเพราะถูกสายตาสีนิลคมกริบราวคมมีดคอยจับจ้องอยู่เป็นระยะ

“จริงๆ แล้ว เรื่องตัวเลข เรื่องปี มันเป็นสิ่งที่พวกคุณจำเป็นจะต้องจำนะครับ เพราะในกระบวนการทำธีสิส ถ้าเราไม่สามารถจำปีพวกนี้ได้ การเรียบเรียงมันก็อาจจะผิดพลาดหรือเกิดการสับสน แล้วเราจะมองไม่เห็นวิวัฒนาการของเรื่องนั้นๆ” เมื่อเห็นว่าโศภิตายังคงเงียบ ธีรัชต์ก็ได้โอกาสสอนด้วยกระแสเสียงที่ราบเรียบออกจะอ่อนโยนเสียด้วยซ้ำตามประสาคนใจเย็นที่แม้แต่ธาริณี น้องสาวของเขายังเคยค่อนแคะว่า ‘พี่ธีร์น่ะ ใจเย็นจนแทบจะเป็นน้ำแข็งขั้วโลกอยู่แล้ว’ แต่กระนั้น น้ำเสียงที่เขาใช้เอ่ยออกมาก็ทำเอาโศภิตากับคนอื่นๆ รู้สึกผิดไปไม่น้อยเช่นกัน เพราะการตอบคำถามไม่ได้ มันหมายถึงความไม่ใส่ใจในการศึกษาเท่าที่ควรจะเป็น แต่สุดท้ายชายหนุ่มก็เลือกที่จะแก้ไขสถานการณ์เสียเองเมื่อเห็นลูกศิษย์เริ่มหน้าซีดเหลือแค่สองนิ้วด้วยการหันไปหาหญิงสาวที่คงต้องเรียกว่า ‘ตัวท็อป’ ของรุ่นเลยกระมัง และเอ่ยถามเป็นเชิงไม่ระบุคนตอบ แต่เชื่อว่าแม่สาวน้อยหนูพุกจะต้องตอบได้แน่นอน “มีใครพอจะตอบแทนคุณโศภิตาได้มั้ยครับ”

“ปี 1798 ค่ะ” หนูพุกตอบทันทีราวกับรอโอกาสนี้มานานทั้งยังรู้สึกโล่งอกที่อาจารย์จอมโหดเลิกไล่บี้กับเพื่อนของเธอ “หลายตำรามองว่าจุดเริ่มต้นมาจากการบุกทำลายคุกบาสตีย์ แต่สาเหตุการปฏิวัติจริงๆ มาจากปัญหาทางเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำทางสังคม ความไม่พอใจผู้นำอย่างพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ชนชั้นกลางมีความรู้มากขึ้นและต้องการจะเข้ามามีบทบาททางการเมือง”

“ถูกต้องครับ” ธีรัชต์เอ่ยสั้นๆ และยิ้มน้อยๆ อย่างพอใจในคำตอบ ก่อนจะเริ่มบรรยายพร้อมกับฉายพาวเวอร์พ้อยท์บนจอโปรเจ็กเตอร์ไปในคราวเดียวกัน “หลังจากสงครามสามสิบปีทำให้เกิดสนธิสัญญาสันติภาพเวสต์ฟาเลีย ซึ่งตกลงกันว่า อำนาจอธิปไตยสูงสุดควรอยู่ที่ผู้ปกครองอาณาจักรต่างๆ หมายความว่ารัฐต่างๆ จะไม่ขึ้นกับใครและมีอำนาจอธิปไตยเป็นของตัวเอง”

การบรรยายของอาจารย์ธีรัชต์มักจะชอบสลับกับช่วงถามตอบเสมอๆ นานๆ เข้า บรรดานิสิตก็เริ่มชินและเริ่มที่จะเตรียมความพร้อมกันทุกคนโดยการมะงุมมะงาหราอ่านเอกสารที่อาจารย์สั่ง ทั้งยังพากันกลับไปทบทวนหลังจากเลิกชั่วโมงเรียน ไม่ใช่อะไรหรอก แต่เป็นเพราะคำกล่าวจากน้ำเสียงทุ้มน่าฟังของอาจารย์หนุ่มที่บอกกับพวกเขาก่อนหมดชั่วโมงว่า

“เอกสารที่ผมแนะนำให้พวกคุณไปอ่าน ผมออกสอบหมดนะครับ ยังไงก็ค่อยๆ ทยอยอ่านไปเรื่อยๆ แล้วกันนะครับ ผมทราบเรื่องเกรดเฉลี่ยของพวกคุณบางคนว่า ยังมีคนที่เสี่ยงว่าจะหลุดอยู่เหมือนกัน ถ้าวิชานี้พวกคุณได้ต่ำกว่าบี มันก็น่าเสียดายนะครับ อุตส่าห์สู้กันมาถึงขนาดนี้แล้ว”

ขู่...ขู่อีกแล้ว แถมเป็นการขู่ที่ฟังเผินๆ น่ะก็เหมือนจะหวังดี แต่กลับทำเอาพวกที่หมิ่นเหม่ว่าจะถูกเด้งออกสะดุ้งทีเดียว เพราะถ้าเกรดเฉลี่ยรวมไม่ถึงสามจุดศูนย์ศูนย์ก็ไม่สามารถเข้าสู่การทำวิทยานิพนธ์ได้ ถึงแม้ว่าบางคนจะได้เกรดสามจุดศูนย์ศูนย์เป๊ะ แต่ถ้าวิชานี้เกิดได้ซีขึ้นมาล่ะก็...

คิดแล้วหนูพุกก็นึกเป็นห่วงเพื่อนขึ้นมาในทันที โดยเฉพาะยัยมุทิตากับดวงฤทธิ์ที่เกรดเฉลี่ยหมิ่นเหม่ด้วยกันทั้งคู่

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel