บทที่ 4 นี่คือฝันไปใช่ไหม
คนที่ถูกหญิงสาวเรียก เขาหันมายิ้มให้เธอ แต่ไม่ได้พูดอะไร เขาใช้มือหนาปัดไรผมที่ปรกหน้าของหญิงสาวออก สายตาของเขาอ่อนโยน มันอ่อนโยนเหมือนกับทุกครั้งที่ทั้งคู่ได้มองตา
“พี่หายไปไหนมาคะ? ทำไมไม่ติดต่อนิราบ้างเลย พี่ใจร้าย!!”
ทันทีที่หญิงสาวว่าให้เขา เขากลับดึงคนร่างบางเข้ามาโอบกอด มันเป็นกอดที่อบอุ่นแต่ทว่าใจหนึ่งก็หวิวๆ อยู่แปลกๆ ซ้ำร้ายเขายังไม่คิดจะพูดหรือจะอธิบายอะไรกับเธอเลย
“คนใจร้าย!!”
เสียงเธอต่อว่าเขามาพร้อมกับน้ำตาที่รินไหล ในขณะที่เขาเองก็มีใบหน้าที่โศกเศร้าไม่ต่างกัน เธอร้องไห้จนน้ำตาเลอะเปรอะเปื้อนปลอกหมอน แต่ต้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงของนาฬิกาปลุก
นี่เจ็ดโมงแล้วหรอเนี่ย!! ร่างบางต้องรีบลุกขึ้นก่อนจะเก็บซาวด์เบาท์เข้าในเก๊ะ ก่อนจะรีบเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวไปเรียน และวันนี้ก็เป็นวันที่สองที่เธอต้องเรียนกายวิภาคศาสตร์ แน่นอนว่าเธออยากจะเรียนวิชานี้จริงๆ เธออยากจะผ่าพิสูจน์ หรือจะด้วยเหตุผลอะไรก็บอกไม่ถูก
เมื่อถึงเวลา ทุกคนต่างก็เข้าที่ กลุ่มเดิม ที่เดิม และกับอาจารย์ใหญ่ร่างเดิม ซึ่งทุกคนจะต้องศึกษาต่อจากที่เรียนค้างไว้ วันนี้จะเป็นการผ่าเกี่ยวกับเส้นเอ็นและระบบประสาท แน่นอนว่าเธอเริ่มจะคุ้นชินกับร่างนี้บ้างแล้ว
ในระหว่างที่เรียน จู่ๆ เพลง รักเธอทั้งหมดของหัวใจ ก็ดังขึ้นอีก ทีนี้เล่นเอาคนฟังถึงกับใจแป้ว จู่ๆ เธอก็นั่งนิ่งๆ ฟังเพลงน้ำตาซึมซะอย่างนั้น
“มิรา แกไหวป่ะว่ะ? ”
เสียงของใบหม่อนเอ่ยขึ้น เพราะเพื่อนของเธอทั้งสองคนรู้ว่าเพลงนี้มีความหมายกับเธอมาก
“เดี๋ยวฉันจะบอกให้อาจารย์เปลี่ยนเพลง”
เสียงของจุ๊บแจงบอกกับเพื่อน แต่ก็ต้องตามมาด้วยเสียงปฏิเสธของเธออย่างไว
“ไม่ต้อง …. ฉันชอบเพลงนี้” เธอตอบพร้อมกับเริ่มลงมีดตรงเส้นเอ็นข้อมืออีกระลอก
คนตัวเล็กที่เอาแต่มองมือนั้นโดยที่บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าตัวเองต่างรู้สึกอย่างไร มันบอกไม่ได้ อธิบายไม่ถูก ก่อนที่นิ้วเรียวบางจะจับๆ เขี่ยๆ นิ้วหัวแม่มือด้านขวาเขาไปมา เพราะเธอได้ตำแหน่งผ่าพิสูจน์มือข้างนั้น ก่อนที่ภาพในอดีตจะฉายแวบขึ้นมา คือภาพที่คนตัวสูงจะเกลี่ยนิ้วตรงริมฝีปากของเธออย่างแผ่วเบา ก่อนที่คนทั้งคู่จะมอบจุมพิตอันหวานซึ้งให้กันและกัน
ถ้ารู้ว่าจูบครั้งนั้นจะเป็นครั้งสุดท้าย รู้งี้จับพี่เขาปล้ำซะให้เข็ด จะได้เป็นของเธอให้รู้แล้วรู้รอด ก่อนที่คนร่างเล็กจะดึงสติตัวเองกลับมาและทำการศึกษาต่อไป
นี่ก็เป็นการผ่าพิสูจน์กับร่างอาจารย์ใหญ่คนเดิมเป็นเวลาเกือบๆ เดือนแล้ว เธอเริ่มคุ้นชินและบอกความรู้สึกตัวเองไม่ถูก จะมีบางครั้งที่เธอต่างเผลอลืมตัวและลูบไล้หน้าอกกว้างของร่างไร้วิญญาณอย่างแผ่วเบา ซึ่งทุกคนก็ไม่ได้สังเกตอะไร
คืนนี้คนตัวเล็กที่กลับมายังห้องต่างรู้สึกง่วงนอนแปลกๆ นี่พึ่งจะสามทุ่มเองนะ ปกติเธอจะหมดเวลาไปกับการทบทวนบทเรียน และการอ่านอะไรก่อนนอน
“หนูต้องตั้งใจเรียนนะครับ พี่จะเป็นกำลังใจให้”
จู่ๆ ภาพของคนรักในอดีตกับคำพูดของเขาก็แว่วมา ก่อนที่น้ำตาของเธอจะไหลนองใบหน้าสวย แต่แล้วก็มีลมพัดมาปะทะเข้ากับใบหน้าของเธออยู่วูบหนึ่ง ความรู้สึกเหมือนจะปัดมาที่แก้ม ซึ่งมันทำให้น้ำตาของเธอแทบแห้งไปในทันที แต่เจ้าหล่อนก็ไม่ได้คิดอะไร
“ตอนนี้พี่ไปอยู่ไหนคะพี่ขุนเขา หนูคิดถึงพี่เหลือเกิน”
ความคิดบวกสายตาเศร้าของเธอก็ฉายแววเสียใจขึ้นมาอีกครั้ง แม้จะมีหลายครั้งหลายคนที่พยายามจะเข้ามาจีบเธอ แต่เธอนั้นกลับไม่เคยเปิดใจให้ผู้ชายคนไหน แน่นอนว่าเธอก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้ แต่หัวใจของเธอเอง ที่มันไม่เปิดรับใครเลย
ร่างบางที่นอนฟังเพลงโปรดก่อนที่ตาจะเริ่มหรี่แคบลงเรื่อยๆ จนเข้าสู่ห้วงนิทราและหลับไปในที่สุด
ท่ามกลางหมอกหนาที่ขาวโพลน เธอมองเห็นร่างสูงที่คุ้นเคย เขายืนหันหลังให้เธออยู่ แน่นอนว่าเธอจำร่างนั้นได้ดี ก่อนที่คนตัวเล็กจะวิ่งโผเข้าสวมกอดเขาจากทางด้านหลัง
“พี่ขุนเขา พี่รู้มั้ยว่านิราคิดถึงพี่มาก พี่หายไปไหนมาคะ โอลิมปิกเกมส์ที่ผ่านมาหนูตั้งใจดูทีมแข่งขันบาสเกตบอลจากไทยเลยนะคะ แต่ไม่มีพี่”
เธอเอ่ยถามเขาซึ่งมือยังคงสวมกอดเขาอยู่ จากนั้นร่างสูงก็หันมาสวมกอดตอบ ก่อนจะยิ้มให้เธอ มือหนาลูบแก้มนวลอย่างอ่อนโยน รอยยิ้มนี้มันช่างดูอบอุ่นอย่างที่เคยเป็นมา
เขาไม่ได้พูด หรือโต้ตอบอะไรใดๆ นอกจากคลี่ยิ้ม
“คิดถึ้งคิดถึงค่ะ พี่ต้องชดใช้โดยการแต่งงานกับหนูนะ ห้ามทิ้งนิราไปไหนอีก เข้าใจมั้ยคะ? ”
เขาเพียงแค่ยิ้มตอบและยีผมเธออย่างแผ่วเบา จากนั้นนัยน์ตาของเขาดันดูหมองเศร้า ก่อนที่รอยยิ้มนั้นจะหายไป แต่ก็ไม่นาน เขาก็หันมายิ้มให้คนตัวเล็กใหม่อีกรอบ
“ขอหนูกอดพี่ก่อนได้มั้ยคะ อย่าพึ่งไปนะ”
เธอขอร้องอ้อนวอนเขาในความฝัน
“หนูขอให้พี่จูบหนูเหมือนตอนนั้นได้มั้ยคะ? ”
มันช่างน่าอายเสียจริงที่จู่ๆ เธอก็ไปร้องขอเรื่องอย่างว่ากับเขา ก็คนมันคิดถึง มันห่วงหวงหานี่นา ถ้าไม่พูดตอนนี้พี่เขาอาจจะหายไปอีก
เขาพยักหน้าให้เธอ ก่อนจะย่อตัวเองลงมา ก้มรับกับจุมพิตที่แสนจะคิดถึง เขาจูบเธออย่างแผ่วเบาและทะนุถนอม จูบนี้กินเวลาไม่นานนัก ก่อนที่ฝันดีของเธอจะสลายไปพร้อมกับเจ้าเสียงนาฬิกาปลุก
“งื้ออออ ไอ้นาฬิกาบ้า แกจะมาปลุกอะไรตอนนี้”
เธอบ่นพึมพำอย่างหัวเสียแต่ก็เลี่ยงไม่ได้ แต่แปลกที่หูฟังยังเสียบคาที่หูของเธออยู่ และเพลงที่เล่นก็ยังเป็นเพลง ‘รักเธอทั้งหมดของหัวใจ’ ซึ่งมันเป็นเพลงโปรดของเขาและเธอ
“หนูคงจะคิดถึงพี่มากจนเก็บมาฝันสินะ”
เธอพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะลุกไปทำภารกิจแบบเดิมๆ เฉกเช่นทุกๆ วัน ในขณะที่ร่างบางเข้าไปในห้องน้ำ เธอก็ล้างหน้าแปรงฟันปกติ แต่แล้วหางตาก็ไปสะดุดกับอะไรเข้า มันเหมือนภาพของเขาที่แว้บเข้ามา แต่เธอก็ไม่ได้อะไร อาจเป็นเพราะเมื่อคืนฝันดี มันก็ไม่แปลกถ้าภาพของใครอีกคนจะติดตา ดีซะอีก เธอชอบ
จากนั้นเธอก็เข้าไปอาบน้ำตามปกติ แต่ความรู้สึกในวันนี้มันเหมือนมีสายตาที่จับจ้องมาที่เธออยู่ตลอด บนรถเมย์ระหว่างทางไปมหาลัย เธอก็อดแปลกใจกับผู้คนที่หันมายิ้มน้อยๆ ให้เบาะข้างๆ ที่ว่างเปล่าของเธออยู่ตลอด แต่เธอก็คิดว่าเขาคงทักทายให้กับเบาะด้านหลัง วันนี้รถของเธอนำไปเข้าศูนย์ ซึ่งก็น่าจะแล้วเสร็จช่วงบ่าย จึงทำให้คนตัวเล็กต้องโหนรถเมย์ไปพลางๆ
เมื่อผ่านสถานที่ ที่เขากับเธอเคยเปียกฝนด้วยกัน เธอก็หันมองป้ายรถเมย์ที่ตอนนี้เขาบูรณะใหม่ ภาพของพี่ชายที่แสนอบอุ่นที่ช่วยเธอเข็นรถคู่ใจฝ่าสายฝน กับจังหวะที่เธอกระโดดกอดเอวเขาในตอนที่ฟ้าร้อง มันทำเอาน้ำตาเจ้ากรรมของเธอรินไหลอย่างไม่รู้ตัว ก่อนที่นิ้วเรียวบางจะปัดคราบน้ำตาออกอย่างลวกๆ
เมื่อถึงป้ายหน้ามหาลัยเธอก็ลงรถตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือเสียงของรุ่นพี่พยาบาลศาสตร์ที่เอ่ยแซว
“เดี๋ยวนี้มีแฟนแล้วหรอ หล่อซะด้วย? ”
แต่เอ๋!! พี่เขาคงทักคนอื่นมั้ง แต่เมื่อหันซ้ายแลขวาก็เห็นแค่ตัวเองที่ลงรถมา แต่ด้วยเวลาที่กระชั้นชิดทำให้เธอต้องรีบเข้าเรียนต่อ
คาบสุดท้ายของกายวิภาคศาสตร์ นี่ก็จวบครบจบปีแล้วที่วิชากายวิภาคจะจบลง ก่อนที่ขั้นตอนต่อไปคือการศึกษาทางด้านประสาทและสมอง แน่นอนว่าชั้นปีที่สาม ก็ศึกษาร่างของอาจารย์ใหญ่ต่อ แน่นอนว่ามติเป็นเอกฉันท์ว่านักศึกษากลุ่มเดิมจะศึกษาร่างของอาจารย์ใหญ่ร่างเดิม
เมื่อทุกคนต่างเข้ามาภายในห้องเรียน ก็เตรียมศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับระบบประสาทและสมองต่อ ซึ่งวันนี้นักศึกษาปีสามในคาบเรียนแรกของการเปิดเทอมจะต้องเปิดผ้าคลุมหน้าของอาจารย์ใหญ่ออก แน่นอนว่าทุกคนราวๆ สามสิบกว่าชีวิตต่างก็ใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ ที่จะได้เห็นใบหน้าของร่างไร้วิญญาณ ซึ่งเป็นเสมือนอาจารย์อีกคนของพวกเขา
เมื่ออาจารย์สั่งให้เปิดผ้าคลุมหน้าออก เธอจึงค่อยๆ แกะผ้าขาวที่ห่อหุ้มไว้อย่างดีออก
และนั่น!!!
