บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 ขุนเขา

ร่างกำยำตัวสูงใหญ่ในชุดบาสตัวโคร่งตามแบบฉบับนักกีฬาบาสเกตบอล ชายหนุ่มผู้เป็นตัวเต็งเรื่องกีฬามือหนึ่งของทีมบาสมหาลัยกีฬาชื่อดังในตัวจังหวัด เขากำลังเร่งฝึกซ้อมเพื่อที่จะคัดตัวจริงสำหรับทีมชาติในปีถัดไป แน่นอนว่าอีกไม่กี่เดือนแล้วสินะ

ร่างสูงกว่า 192 ที่กำลังถือลูกบาสในมือ จู่ๆ เขาก็นึกถึงร่างบางและรอยยิ้มของใครอีกคนขึ้นมาเสียดื้อๆ แต่แล้วเขาก็ต้องพยายามเก็บความรู้สึกนั้นกลืนมันลงไป เพราะรู้ตัวเองดีว่าไม่สมควรจะนึกถึง

“เป็นไรไปวะ วันนี้ดูเหม่อๆ”

เสียงของเพื่อนซี้อย่างนาวินเอ่ยถามเพื่อนรักขึ้น เขาก็เป็นหนึ่งในทีมนักกีฬาตัวเต็งที่สูงถึง 189 ไม่ต่างกัน ครอบครัวและฐานะของนาวินค่อนข้างดี หรือจะถือว่ารวยเลยก็ว่าได้ เพื่อนในกลุ่มยังมีกรอีกคน ที่เป็นถึงลูกท่านทูต ก็คงมีแต่เขาสินะที่ได้ทุนเรียนเพราะว่าตัวเองฐานะที่บ้านไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่

ด้วยความขยันและทะเยอทะยานมันทำให้เขาเป็นถึงนักศึกษาดีเด่น เก่งทั้งด้านการเรียนและเป็นตัวเต็งเพียงหนึ่งเดียวทางด้านกีฬา

ขุนเขาไม่ได้เก่งแค่เรื่องบาส แต่กีฬาอื่นๆ เขาก็เด่นด้วยเช่นกัน แต่ที่เขาเลือกมาด้านนี้เพราะเป็นความชอบของเจ้าตัวซะมากกว่า

“เฮ้ยขุนเขา มีเด็กม.ปลาย มาตามหาแกว่ะ”

แน่นอนว่าเป็นเสียงของเพื่อนสนิทอย่างกรได้เอ่ยขึ้น

“หน้าตาน่ารักเชียว นี่พวกพี่ๆ ต่างมองกันใหญ่”

ยังไม่ทันที่กรจะเอ่ยจบ ขุนเขาต่างก็วิ่งไปด้านหน้ามหาลัยอย่างรวดเร็วเพียงเพราะได้ยินว่าพวกพี่ๆ ต่างมองเธอกันใหญ่ แน่นอนว่ามหาลัยกีฬาที่นี่มักจะเป็นผู้ชายถึงร้อยละเก้าสิบ เมื่อไปถึงด้านหน้าโซนประชาสัมพันธ์ เขาก็พบกับหญิงสาวที่ใส่ชุดนักเรียนแบบฉบับม.ปลาย อย่างเช่นวันนั้น แต่วันนี้เธอแค่ตัวไม่เปียก

หญิงสาวกับผมสีดำเงายาวถึงกลางหลังที่ถูกถักเปียสองข้างติดด้วยโบว์สีน้ำเงินเข้มเข้ากับสีของกระโปรงทรงแคบหกกลีบ ใบหน้าสวยกับตากลมโตและคิ้วที่ได้รูปคู่กับปากกระจับบางๆ เขามองเธอด้วยหัวใจที่เต้นแรงอยู่แปลกๆ

“พี่ขุนเขา”

ทันทีที่คนตัวเล็กมองเห็นเขาก็รีบฉีกยิ้มกว้างให้อย่างดีใจ เธอลอบสำรวจมองคนตัวสูงด้วยแววตาที่ชื่นชม แน่นอนว่าเธอต่างรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก อายุของเธอก็จะสิปแปดในไม่ช้านี้ แต่ทว่าเธอยังไม่เคยรู้สึกกับใครแบบความรักของชายหญิง ซึ่งความรู้สึกในครั้งนี้ที่เธอมีต่อขุนเขา ยอมรับว่ามันแปลกๆ

หนึ่งอาทิตย์มาแล้วที่คนร่างบางพยายามจะไปหาเขาที่หอพัก แต่กลับไม่เจอเลยสักวัน เพราะเขาต้องเก็บตัวในรั้วมหาลัย นี่จึงเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้เธอตัดสินใจถ่อมาหาเขาถึงที่นี่

“ว่าไงครับตัวเล็ก ทำไมถึงมาถึงที่นี่ได้หืม?”

เรียกเราว่าตัวเล็กอย่างนั้นหรอ ก็ดีเหมือนกันนะ ก่อนที่นิราจะคลี่ยิ้มให้เขาจนรูปตาเธอหยี๋เล็ก

“มาหาพี่ค่ะ พอดีนิราไปหาพี่ที่หอ แต่ลุงยามแกก็บอกว่าพี่ไม่อยู่ นิราจำได้ว่าพี่เรียนมหาลัยกีฬา จึงสุ่มมาค่ะ ดีนะคะที่ที่นี่มีชื่อขุนเขาแค่คนเดียว ถ้ามีหลายคน ประชาสัมพันธ์เขาคงถามชื่อจริงของพี่แน่ๆ ซึ่งนิราก็ไม่รู้”

นี่คงเป็นครั้งแรกสินะที่หญิงสาวตัวน้อยร่ายอะไรกับเขายาวเหยียด ชายหนุ่มเอาแต่หัวเราะกับความใสซื่อของเธอ

“พี่ชื่อ นทีธร สุริยะพงศ์ จำได้มั้ย? ”

“นทีธร สุริยะพงศ์” เธอย้ำทวนชื่อของเขา

“ถ้าจำไม่ได้เดี๋ยวพี่จดให้”

“เอ่อ ไม่ต้องค่ะ นิราจำได้”

ก่อนที่เธอจะย้ำให้เขาฟังอีกรอบ

“พี่ขุนเขา นทีธร สุริยะพงศ์”

คนตัวสูงถึงกับยิ้มกว้างก่อนจะหันมาลูบศีรษะของคนตัวเล็กอย่างแผ่วเบา

“เฮ๊ย!! เดี๋ยวนี้มีแอบนัดเด็กนะเว้ย!!”

จู่ๆ เสียงของนาวินที่เดินคู่มากับกรก็เอ่ยดังขึ้น นาวินกับกรเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของขุนเขา พวกเขาโตมาด้วยกัน แม้ทั้งสามครอบครัวจะฐานะแตกต่าง แต่ความแน่นแฟ้นของมิตรภาพไม่ได้วัดกันที่ฐานะ เพื่อนๆ ต่างรู้ว่าขุนเขาไม่เคยมีเรื่องผู้หญิงเลยจนกระทั่งตอนนี้ เพื่อนต่างก็อดที่จะแปลกใจไม่ได้ ที่จู่ๆ ก็มีสาวสวยโรงเรียนดังมาตามหามันถึงมหาลัย

“จะมีแฟนทั้งที เล่นเด็กม.ปลายเลยนะ ร้ายไม่เบา”

กลับเป็นเสียงของกรที่เอ่ยเสริมขึ้นอีก แน่นอนว่านิราเจอกรก่อนหน้านี้แล้ว เพราะผู้ชายคนนี้นี่แหละที่ไปตามหาขุนเขามาให้เธอ

“นี่เพื่อนสนิทของพี่ครับ คนนี้ชื่อนาวิน” เขาหันไปชี้ทางนาวิน “และนี่กร” ก่อนจะหันไปแนะนำทางกรบ้าง

“นี่น้องนิรา” เขาไม่ได้บอกกับเพื่อนต่อว่าเธอคือใคร จบเพียงการแนะนำว่าเธอชื่ออะไรเพียงแค่นั้น

“อะไรวะ บอกว่าชื่อนิราแค่นี้เนี่ยนะ แฟน หรืออะไร มึงก็บอกมาด้วยดิโว้ย”

กลายเป็นเสียงของนาวินซะอีกที่แซวเพื่อน ทำเอาขุนเขาถึงกับหันไปมองดุกับพวกเจ้าแสบทั้งสอง

“น้องโว้ย พวกมึงจะมาแซวอะไรนักหนา”

แน่นอนว่าเขาพูดเสียงเบามาก ซึ่งนิราแทบจะไม่ได้ยิน ก่อนที่เขาจะพาหญิงสาวไปนั่งคุยกันที่ม้าหินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่ ซึ่งทางมหาลัยจัดวางไว้สำหรับนั่งพักผ่อน หรือต้อนรับแขกเวลามีใครมาหา ส่วนมากที่ตรงนี้ก็จะเต็มไปด้วยนักศึกษากีฬา และจะมีผู้ชายซะส่วนใหญ่

ดังนั้นการที่เด็กม.ปลายโรงเรียนเอกชนชื่อดังจะตกเป็นเป้าสายตาก็คงไม่แปลก เพราะชุดที่เธอสวมใส่ บวกกับหน้าตาที่

น่ารักถือว่าอินเตอร์เลยแหละ เมื่อทั้งคู่ได้ที่นั่ง ซึ่งขุนเขาก็นั่งอยู่ม้าหินอ่อนฝั่งตรงข้ามกับเธอ ความสูงของเขา แม้ว่าเจ้าตัวจะนั่งลงแล้วแต่กลับเหมือนคนที่ยืนอยู่ดี

เขายิ้มให้เธอพร้อมกับสายตาเชิงคำถาม

“คือนิราอยากจะมาขอบคุณพี่ ที่ช่วยนิราในวันนั้น” เธอพูดพร้อมกับยื่นถุงกระดาษสีน้ำตาลมาให้เขา มันคือครัวซองสองชิ้น กับอีกกล่องที่เป็นนาฬิกาเรือนสีดำ เธอจำได้ว่าวันนั้นนาฬิกาของพี่เขาน่าจะพังซะแล้ว

“ไม่เห็นเป็นไรเลยครับ แต่ยังไงก็ขอบใจมากนะที่อุตส่าห์ซื้ออะไรมาฝากพี่”

แน่นอนว่าเขารู้สึกดีจริงๆ คนทั้งคู่ต่างพูดคุยกันสักพัก และแล้วหญิงสาวก็ได้เอ่ยถามอะไรกับคนร่างสูงขึ้น

“ถ้านิราอยากติดต่อพี่นิราต้องทำยังไงคะ คือพี่มีเบอร์โทรมั้ยคะ? ”

แน่นอนว่าเขาไม่มีโทรศัพท์

“พอดีพี่ไม่มีโทรศัพท์ครับ”

“อ้าว … แล้วปกติพี่ติดต่อกับเพื่อนๆ แบบไหนคะ? ”

แน่นอนว่าเธออยากจะได้คอนแท็กจากเขาบ้าง ก่อนที่คนร่างสูงจะเอ่ยบอก

“ปกติพี่ไม่ได้ติดต่ออะไรกับเพื่อนๆ ”

“พี่เล่น MSN มั้ยคะ? ”

แน่นอนว่าเขาไม่เล่น

“ไม่ครับ”

แต่เมื่อเธอทำสีหน้าเศร้าๆ เขาจึงตัดสินใจเอ่ยอะไรต่อ

“แต่พี่มีเมลนะ แต่นานๆ ครั้งพี่จะเข้าเช็ค ถ้างั้นนิราเอาอีเมลพี่ไปมั้ย? ”

เธอยิ้มร่าพยักหน้าอย่างดีใจ ก่อนที่คนตัวสูงจะหยิบเอากระเป๋าเป้จากด้านหลังออกมา และก็เขียนอีเมลส่งให้เธอ

ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ค่อยๆ พัฒนาและเติบโตไปเรื่อยๆ โดยที่ทั้งเขาและเธอต่างไม่รู้เลยว่านั่นคือความรักหรือเปล่า เวลาว่างพวกเขาก็มักจะไปเดินเล่นออกกำลังกายที่สวนสาธารณะด้วยกัน

ยิ่งกว่านั้นเขายังชอบโทรขอเพลงจากคลื่นโปรด และมอบเพลง ‘รักเธอทั้งหมดของหัวใจ’ มอบให้เธอเป็นประจำ จนผู้ฟังแทบจะจำได้แล้วว่าเจ้าของเพลงนี้คือนิรา เพราะเขาขอให้นิราแทบจะทุกวันเลยก็ว่าได้

หนึ่งปีผ่านไป …. ไวอย่างกับโกหก

เขาและเธอต่างเคยไปบ้านของกันและกัน บิดามารดาของนิราต่างไม่ว่าอะไร เพราะพวกท่านต่างดูออกว่าขุนเขาเป็นคนดี ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่าเขาทำให้ชีวิตของลูกสาวคนเดียวของเธอเรียนดีขึ้นมาก นิราตั้งใจเรียน และขุนเขาต่างสอนวิชาเคมีฟิสิกส์ให้เธออย่างเก่งกาจ

ใครจะไปรู้ล่ะว่านอกจากกีฬาแล้วเขาจะเก่งในทุกด้านเช่นนี้ นี่จึงทำให้นิราสอบติดคณะแพทย์อย่างที่ตั้งใจเอาไว้

ตอนนี้ขุนเขามีโทรศัพท์แล้วนะ มันเป็นสมาชโฟนปุ่มกดแบบทั่วไปที่ไม่หวือหวาเท่าไหร่นัก เขามีไว้เพื่อติดต่อกับนิราเพียงเท่านั้น เออไม่สิ กับพวกเจ้ากรเจ้านาวินก็ด้วย

ส่วนนิราเองก็เคยมาที่บ้านของขุนเขาเช่นกัน ตอนนี้ขุนเขาอยู่กับมารดาแค่สองคน ซึ่งบิดาได้เสียชีวิตไปตั้งแต่เมื่อเขายังเด็ก จากบ้านที่เคยรุ่งเรืองมากๆ ด้วยสาเหตุที่ว่าบิดาต่างเป็นเสาหลักของบ้าน แต่เมื่อมันพังคลืนลงจึงทำให้ วรนุช ผู้เป็นแม่ต้องหารายได้เพื่อส่งลูกชายคนเดียวเรียนด้วยเช่นกัน

วรนุชยอมไปกู้ธนาคารแล้วเอาที่บ้านเป็นหลักทรัพย์ ซึ่งตอนนี้ก็ยังผ่อนไม่หมด แน่นอนว่านิรารับรู้ทุกเรื่องของบ้านนี้

ความสัมพันธ์เหมือนจะเป็นไปด้วยดี แต่แล้วขุนเขาก็ป่วยเป็นโรคลิ่มเลือดหัวใจ ดังนั้นการออกกำลังกายหนักๆ จึงไม่เป็นการดีเท่าไหร่นัก แต่เขาบอกมารดาว่าไม่ให้เล่าให้หญิงสาวฟัง เพราะน้องกำลังจะเตรียมเรียนและศึกษาตามที่เธอหวังไว้ จริงๆ แล้วขุนเขารู้อาการของตัวเองก่อนที่เธอจะเอ็นทรานซ์ แต่ด้วยกลัวว่าเธอจะคิดมาก จึงทำให้เขาปกปิดเรื่องราวทั้งหมดมาจนถึงทุกวันนี้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel