ตอนที่ 2หลัวทิพย์
ตอนที่ 2หลัวทิพย์
"อร๊าย..ทรอยสุดหล่อของฉัน แกจะไปมิตติ้งกับทรอยไหมฟ้า" สาวิตรี หรือ แตงหนึ่งในพนักงานออฟฟิศถามฟ้าระดา หรือฟ้า เพื่อนร่วมแผนกขึ้นมาอย่างตื่นเต้น สายตาจดจ้องไปในหน้าจอมือถือแม้ปากจะเอ่ยคำถามนั้นกับเพื่อนก็ตามที
"ไม่!!...” คำปฎิเสธเสียงเข้มที่ออกจากปากฟ้าระดาทำให้สาวิตรีหันไปเบิกตามองเหมือนเห็นสิ่งนั้นเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดเสียเหลือเกิน
“ไม่พลาดย่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า ฟ้าจะไปทั้งสองวันเลยด้วย แต่แบบจะกดบัตรทันไหมวะ คนต้องแห่กันกดจนเว็บล่มเหมือนครั้งก่อนแน่ ๆ” ฟ้าระดาหัวเราะออกมาเสียงดังเมื่อได้แกล้งรุ่นพี่ในแผนกได้
"เออวะ เฮ้อ"
เสียงถอดถอนหายใจของสองสาวดังขึ้นอย่างพร้อมกัน เพราะรู้ดีว่างานมิตติ้งของไอดอลหนุ่มอย่าทรอย อติวิชญ์ไม่ใช่จะมีกันง่าย ๆ เพราะไอดอลหนุ่มไม่ได้เป็นศิลปินสังกัดของเมืองไทย แต่ไอดอลหนุ่มมีสัญญาอยู่ที่เกาหลี และนาน ๆ ครั้งถึงจะมีโอกาสกลับมามิตติ้งกับเหล่าแฟนคลับที่ประเทศบ้านเกิดสักครั้ง แน่นอนว่าเหล่าแฟนคลับต่างก็จ้องที่จะไปกันให้ได้
ภิญญาพัชญ์ยืนฟังทั้งสองอยู่ที่หน้าประตู ใบหน้าหวานยิ้มออกมา เมื่อได้ยินใครก็ตามที่พูดถึงในทางชื่นชมไอดอลหนุ่มคนนี้ เธอมีความสุขทุกครั้งที่ได้ฟัง และที่ผ่านมาไอดอลหนุ่มอย่างทรอยก็ไม่เคยมีข่าวเสียหายเลย หญิงสาวรอจนกระทั่งทั้งสองคนคุยกันเรื่องไอดอลหนุ่มเสร็จแล้วจึงเดินเข้ามาในห้อง
เธอชอบที่จะฟังเขาพูดคุยกัน แม้ว่าหัวข้อของการสนทนาพวกนั้นจะห่างไกลกับเธอเหลือเกิน ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากจะไปร่วมงานมิตติ้งนี้ แต่เป็นเพราะเธอไม่มีหน้าจะไปมากกว่า!
"อ้าว!!..ขิงมาแล้วเหรอ หมอว่าไงบ้างความจริงเธอลาทั้งวันก็ได้นะ ไม่เห็นจะต้องกลับมาทำงานเลย" สาวิตรีหันไปเห็นภิญญาพัชญ์เดินเข้ามาก็ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
"กลับไปก็อยู่คนเดียวน่ะสิพี่แตง มาทำงานดีกว่าจะได้ไม่เหงา" ภิญญาพัชญ์ตอบรุ่นพี่ด้วยใบหน้าซีดเซียวทว่าใบหน้าหวานก็ยังคงประดับไปด้วยรอยยิ้ม หญิงสาวเดินลงมานั่งที่โต๊ะประจำของตัวเอง เธอเก็บกระเป๋าใส่ในลิ้นชัก และเริ่มเปิดคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงาน เพื่อที่เคลียร์งานในส่วนของตนเอง
"ยังไม่บอกเลยหมอว่าไงบ้าง" สาวิตรถามขึ้นมาอีกครั้งเพราะเห็นว่ารุ่นน้องเธอไม่ยอมตอบสักที หญิงสาวหน้าหวานหันไปยิ้มตอบรุ่นพี่อย่างเป็นกันเอง สาวิตรี เป็นรุ่นพี่ที่ทำงานในแผนกการตลาดแห่งนี้มายาวนานกว่าทุกคน หากจะพูดว่าเธออยู่มาก่อนหัวหน้าแผนกก็ไม่ผิดนัก เพราะฉะนั้นทุกคนในแผนกจึงค่อนข้างที่จะเกรงใจเธอเป็นอย่างมาก
"ก็เหมือนเดิมค่ะ ไม่มีอะไรเพิ่มเติมขอบคุณพี่แตงนะคะที่เป็นห่วง" ภิญญาพัชญ์หันไปส่งยิ้มให้อีกครั้ง เธอรู้ดีว่าสาวิตรีเป็นห่วงเธอจากใจจริง แต่เรื่องอาการเจ็บป่วยของร่างกาย อย่าเอาไปบอกใครเลยจะดีกว่า เธอเชื่อว่าเพื่อน ๆ ร่วมงานก็คงจะไม่สบายใจและเป็นพากันเป็นห่วงเสียเปล่า ๆ เธอไม่ได้อยากจะโกหกแต่ก็ไม่อยากให้ใครต้องมารับรู้ แต่ถึงจะต้องโกหก เธอก็สามารถโกหกได้อย่างง่ายดายเลยล่ะ ภิญญาพัชญ์ยิ้มเยาะตัวเองในใจ
"ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ถ้ามีอะไรเธอต้องรีบบอกนะรู้ไหมยัยขิง ถึงยังไงเธอก็ยังมีพวกฉันทั้งคนเข้าใจไหม" ฟ้าระดาพูดขึ้นมาบ้าง
"อืม..ขิงรู้แล้วขอบคุณทุกคนมากนะ" สังคมพนักงานออฟฟิศไม่ได้แย่อะไร แต่ก็ไม่ได้ดีมากเช่นกัน ก็อาจจะเป็นทุกที่นั่นแหละ ไม่อะไรดีไปเสียหมดหรอก ทุกอย่างล้วนเป็นสีเทา
"เออจริงด้วยขิงเธอไปมิตติ้งกับทรอยด้วยกันไหม รอบนี้จัดแบบพิเศษมากและบัตรวีจะได้สัมผัสมือของทรอยด้วยนะ " ฟ้าระดาพูดออกมาด้วยใบหน้าเพ้อฝัน เธออยากจะเป็นผู้โชคดีที่ได้สัมผัสกับไอดอลหนุ่มสักครั้ง อยากรู้ว่ามือเขาจะนุ่มยิ่งกว่ามือของผู้หญิงจริงหรือไม่
"ไม่เอาล่ะ ขิงไม่ชอบที่คนเยอะ ๆ ฟ้าก็รู้ ไปมิตติ้งกับทรอยให้สนุกเถอะ ถ่ายรูปมาให้ดูด้วยนะ" หญิงสาวปฏิเสธออกไป ทว่าใจลึก ๆ แล้วใครเลยจะรู้ว่าเธออยากไปมากแค่ไหน
"เออตลอดแหละ ชวนไม่เคยจะไป แต่ขิงเธอช่วยฉันกดบัตรหน่อย กลัวไม่ทันน่ะ" ภิญญาพัชญ์ไม่มีปัญหาอะไรกับการที่เพื่อนขอร้องให้ช่วยด้วยเรื่องแค่นี้
หลังจากนั้นอีกหนึ่งสัปดาห์ก็เป็นการเปิดให้จองบัตรมิตติ้งของไอดอลหนุ่มอย่างเป็นทางการ การจองในครั้งนี้ฟ้าระดาเป็นคนจองบัตรได้ เธอกดมาสองใบเพื่อเธอกับสาวิตรี แต่แล้วพอถึงเวลา สาวิตรีกลับถูกหามส่งโรงพยาบาลตั้งแต่ตอนกลางคืนก่อนวันเริ่มงานมิตติ้งแค่เพียงวันเดียวซะอย่างนั้น จะให้หิ้วเสาน้ำเกลือไปด้วยก็กระไรอยู่ เรื่องเจ็บป่วยมันห้ามกันได้เสียที่ไหนกัน
"พี่แตง!!..พี่มาเข้าโรงพยาบาลอย่างนี้แล้วฟ้าจะไปกับใคร ฟ้าไม่กล้าไปคนเดียวนะ ดูสิบัตรก็อุตส่าห์กดมาได้แล้ว" ฟ้าระดาทั้งร้องทั้งโมโหทั้งเป็นห่วงสาวิตรีที่นอนมองเสาน้ำเกลือด้วยสายตาละห้อย บัตรก็กดมาแล้ว เสียดายค่าบัตรน่ะไม่เท่าไร ประเด็นคือฟ้าระดาไม่กล้าไปคนเดียวแน่นอน
"เอ้า!! ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่าขนมจีนน้ำยารวมมิตรจะทำให้เข้าโรงพยาบาลอย่างนี้" สาวิตรีเองก็อยากจะร้องไห้ออกมาเหมือนกัน ทั้งปวดท้องทั้งเสียดายโอกาส ทั้งสองจองบัตรกันได้เพียงวันเดียวเท่านั้น เรียกได้ว่าพลาดแล้วก็พลาดเลย
"เอาอย่างนี้ให้ขิงไปเป็นเพื่อนละกัน เดี๋ยวฉันโทรไปบอกน้องให้" ฟ้าระดาพยักหน้าอย่างเร็ว จะยังไงก็ได้ในเมื่อสาวิตรีไปไม่ได้แล้ว ถ้าภิญญาพัชญ์ยอมไปด้วยก็คงจะดีไม่ใช่น้อย
สาวิตรีส่ายหน้าออกมาก่อนจะกดโทรศัพท์ไปหารุ่นน้องในแผนก ในยามวิกาลเช่นนี้ถึงแม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายคงจะนอนไปแล้ว แต่เพราะเรื่องนี้เรื่องด่วนจริง ๆ ใครว่าไม่สำคัญเล่า ทรอย อติวิชญ์เชียวนะ!
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นกลางดึก ปลุกหญิงสาวที่กำลังหลับใหลในตื่นขึ้นมาจากนิทรา ภิญญาพัชญ์คิ้วเรียวขมวดมุ่นมองชื่อผู้โทรเข้ามาอย่างแปลกใจ เหตุใดจึงได้โทรมาดึกดื่นอย่างนี้
"พี่แตงเป็นอะไรหรือเปล่าคะถึงได้โทรมาดึกขนาดนี้ เกิดอะไรขึ้นคะ" ไร้เสียงงัวเงียของคนเพิ่งถูกรบกวนการนอนหลับ แต่เป็นเสียงของความห่วงใยที่มีสาวิตรีอย่างปิดไม่มิด
"มีแหละขิง พี่มีเรื่องรบกวนหน่อย คือตอนนี้พี่อยู่โรงพยาบาลน่ะ"
"ตายจริง พี่แตงเป็นอะไรคะ เดี๋ยวขิงรีบไป " เสียงที่ดังขึ้นอย่างเป็นห่วงพานทำให้สาวิตรีรู้สึกผิดที่โทรมารบกวนน้องในตอนนี้ แต่ถ้าไม่โทรตอนนี้พรุ่งนี้ก็คงจะไม่ทัน เพราะงานก็เริ่มในวันพรุ่งนี้แล้ว
"ไม่ ๆ ขิงฟังพี่ก่อน คือพี่ท้องเสียอาหารเป็นพิษน่ะ แต่เรื่องที่พี่จะรบกวนคือพี่อยากให้ขิงไปมิตติ้งกับยัยฟ้าแทนพี่หน่อย ยัยฟ้ามันไม่กล้าไปคนเดียว ส่วนเรื่องค่าบัตรน่ะไม่ต้องเป็นห่วงพี่กับยัยฟ้าจัดการเอง"
"แต่..ขิงไม่ชอบสถานที่แบบนั้น"
"นะขิงนะ ไปเป็นเพื่อนมันหน่อย ยังไงพรุ่งนี้ขิงก็ไม่ได้ไปไหน ยัยนุทกับเอกก็ไม่ชอบเรื่องแบบนี้ ไอ้พวกนั้นสายเมามันไม่เข้าใจสายไอดอลหรอก ถือว่าไปเจอหลัวทิพย์ของคนทั้งโลกละกันนะ เปิดหูเปิดตาซะบ้างเราน่ะ ทำแต่งานแฟนเฟินก็ไม่หา เดี๋ยวก็เหี่ยวเฉาตายหรอก ไหน ๆ หลัวจริง ก็ไม่มี ไปเจอหลัวทิพย์หน่อยละกัน" สาวิตรพยายามหว่านล้อมอย่างเต็มที่ ใจจริง ๆ ก็อยากจะให้ภิญญาพัชญ์ไปเปิดหูเปิดตาบ้าง เพราะหากพวกเธอไม่ชวนภิญญาพัชญ์ก็คงจะไม่ไปไหนเลย เอาแต่อุดอู้อยู่แต่ในห้องนั่นแหละ
"ก็ได้ค่ะ"
ภิญญาพัชญ์ถอนหายใจออกมาเมื่อวางโทรศัพท์ลงแล้ว ในที่สุดเธอก็ตอบตกลงไปจนได้ ใจหนึ่งก็ดีใจที่จะได้ไป แต่อีกใจก็หวาดหวั่น แต่คนเยอะแยะอย่างนั้นไอดอลหนุ่มก็คงจะไม่เห็นเธอหรอก..มั้ง! แต่หรือว่าถ้าเห็นแล้วจะเป็นอย่างไร ในเมื่อเธอกับเขาจบกันไปตั้งห้าปีแล้วนี่นา ร่างบางล้มตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้ง เธอพยายามข่มตาให้หลับแต่แล้วคืนนั้นทั้งคืนเธอก็ไม่สามารถข่มตาหลับได้เลย บอกตรง ๆ ว่าเธอตื่นเต้นไปหมดแล้วจริง ๆ
