ปาฏิหาริย์ครั้งสุดท้าย

74.0K · จบแล้ว
Fishy สีชมพู
42
บท
753
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

คำโปรย ถึงเขาจะจงเกลียดจงชังสักเท่าไร แต่เพราะหัวใจเธอยังรักมั่น แม้ว่าเขาจะไม่ต้องการเช่นวานวัน ขอแค่ครั้งสุดท้ายของรักนั้นยังเป็นเธอ อติวิชญ์  นิธิธราสกุล ทรอย  "ไม่เลิกได้ไหมขิง อย่าเลิกกับทรอยเลยนะ เรารักกันไม่ใช่เหรอ"  "ทำไม..เกิดเสียดายฉันขึ้นมาหรือไง ถึงได้กลับมาหากันแบบนี้ ผู้หญิงอย่างเธอมันหน้าด้านกว่าที่ฉันคิดอีกนะ แพศยา" "ขิงต้องไม่ตายเราจะอยู่ด้วยกัน ทรอยจะไม่ทิ้งขิงไปไหน" ภิญญาพัชญ์  เรืองรองศรี ขิง "ดูตัวเองสิทรอย ตอนนี้ทรอยมีอะไรมั่นคงในชีวิตหรือยัง จะให้ขิงฝากอนาคตกับคนอย่างทรอยนะเหรอ หึ!!.." "ตัวทรอยเองยังเอาตัวไม่รอด และจะเอาอะไรมาดูแลขิง" "ถ้าขิงบอกว่าขิงยังรักทรอยล่ะ..มันยังจะมีโอกาสอีกไหม" "ขิงกำลังจะตาย"

นิยายรักนิยายปัจจุบันดาราหมอสัญญาทางรักมาเฟียพระเอกเก่งวงบันเทิงโรงแรม/มหาลัยดราม่า

ตอนที่ 1จุดเริ่มต้นของจุดจบ

ตอนที่ 1จุดเริ่มต้นของจุดจบ

"อะไรคือแรงผลักดันที่ทำให้ทรอยประสบความสำเร็จในครั้งนี้ค่ะ เพราะอย่างที่ทุกคนรู้กันทรอยคือหนุ่มไทยคนเดียวเลยที่ไปดังไกลถึงเกาหลี และใคร ๆ ก็รู้ว่าการที่จะเดบิวต์เป็นศิลปินของเกาหลีนั้นยากขนาดไหน ถือว่าทรอยเป็นคนไทยคนแรกเลยนะคะที่ทำได้ขนาดนี้ เก่งมาก ๆ เลยค่ะ"

หนุ่มหน้าตี๋ยิ้มให้พิธีกรก่อนจะหันมามองกล้องโทรทัศน์ และส่งยิ้มหล่อเหลาออกไป เพื่อเรียกเรตติ้งของคนดู

"แรงผลักดันเหรอครับ จริง ๆ แล้วคนที่ทั้งผลักทั้งดันเนี่ยคงเป็นคุณแม่นั่นแหละครับ และกำลังใจสูงสุดเลยก็มาจากแฟนคลับทุกคนๆที่เอ็นดูผมมาตลอด ขอบคุณครับ " เสียงกรี๊ดจากผู้คนในห้องส่งดังขึ้น เมื่อได้ยินคำหวานหยอดออกมาจากปากศิลปินที่ตนเองชื่นชอบ ไอดอลหนุ่มหล่อยิ้มออกมาเพื่อโปรยเสน่ห์อีกครั้ง

"คุณแม่นั่นเองนะคะ ทรอยคาดหวังไหมคะว่าจะต้องขึ้นมาถึงจุดนี้ และในอนาคตจะต้องขึ้นไปสูงขึ้นอีก" พิธีกรสาวถามขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับใบหน้าที่ชื่นชมอย่าปิดไม่มิด

"ผมไม่คาดหวังนะครับอาจจะเพราะผมเคยคาดหวังกับอะไรบางอย่างที่ผมคิดว่ามันจะ Happy แล้วมันกลับไม่เป็นอย่างที่ผมคิด จนทำให้ผมสูญเสียความมั่นใจไปในช่วงหนึ่ง จากประสบการณ์ตอนนั้นสอนให้ผมเรียนรู้ว่าผมจะต้องผลักและดันตัวเองยังไง เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่ผมวางไว้ โดยที่จะไม่มีวันย้อนกลับไปพบกับความผิดหวังแบบนั้นอีก"

ใบหน้าหล่อเหลาทว่าแววตาเศร้าลงเมื่อพูดถึงประโยคนี้ เพียงแค่ชั่วครู่เดียว ความเศร้านั้นก็สลายไป แทนที่ด้วยรอยยิ้มสดใสระบายทั่วใบหน้าหล่อเหล่าเพื่อแจกจ่ายแฟนคลับเช่นเดิม

....

หญิงสาวหน้าสวยเงยหน้าขึ้นมองจอโฆษณาแอลอีดีสามมิติขนาดใหญ่กลางสยามพารากอน ใบหน้าสวยยิ้มออกมาทว่าดวงตาแสนเศร้า เพียงเสี้ยววินาทีเธอรู้สึกเหมือนกับว่า เธอและคนในจอภาพได้สบตากัน แววตาที่คุ้นเคยแววตาที่ไม่เคยเปลี่ยน เพียงแต่ว่าแววตานั้นมันไม่มีไว้สำหรับเธออีกแล้ว เธอไม่รอดูการสัมภาษณ์ศิลปินไทยที่ไปดังไกลที่เกาหลีอย่างทรอยให้จบ หญิงสาวหันหลังให้จอภาพและเดินออกมาทว่าน้ำตากลับไหลออกมาอย่างไม่อาจกลั้น หญิงสาวรีบยกมือขึ้นเช็ดมันอย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะไม่มองแต่เสียงที่ดังไปทั่วก็ยังคงได้ยินอยู่ดี ภาพในวันวันวานไหลย้อนเข้ามาอีกครั้ง

"...ขิง ขิงพูดอะไรเนี่ย งอนอะไรทรอยเหรอ บอกทรอยมาสิ" เสียงเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาอย่าง ทรอย อติวิชญ์ นิธิธราสกุล เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย

"ขิงไม่ได้งอนแต่ขิงเบื่อแล้ว ทรอยเอาแต่เล่นเกมบ้าเกมไปวัน ๆ มันไม่มีอนาคตไงทรอย ทุกวันขิงจะต้องคอยปลุก คอยหาข้าวให้ทรอยกิน ไปเรียนก็ต้องจัดตารางเรียนให้ ขิงเหนื่อย" ขิง ภิญญาพัชญ์ เรืองรองศรี บ่นแฟนหนุ่มออกมาพร้อมด้วยใบหน้าที่เหนื่อยหน่าย

"โถ่ขิงเรื่องแค่นี้เองไหม เอาเถอะทรอยจะพยายามเล่นเกมให้น้อยลงดีไหม ขิงอยากกินอะไรเดี๋ยวทรอยไปซื้อให้กิน" อติวิชญ์ยิ้มออกมา พร้อมกับดึงแฟนสาวเข้ามากอดเอาไว้ เขาไม่ชอบการทะเลาะกับเธอเลยสักนิด และหลัง ๆ มานี่เขาก็รู้สึกว่าแฟนสาวบ่นเก่งขึ้นเหลือเกิน

"ไม่ล่ะทรอย เรามีปัญหาเรื่องนี้กันมาตลอด ขิงเบื่อแล้วจริง ๆ " ภิญญาพัชญ์ดันแฟนหนุ่มออก เธอไม่ยอมให้เขากอด ใบหน้าหวานเรียบเฉยไร้อารมณ์ใด ๆ ทั้งสิ้น

"เราเลิกกันเถอะทรอย"

"ห๊ะ!!..เรื่องแค่นี้นี่นะที่เราจะต้องเลิกกัน ตลกแล้วขิง เป็นไรมากเปล่าเนี่ย ไป ๆ ไปกินข้าวเหอะหิวแล้ว" ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเหมือนกับว่า เรื่องที่แฟนสาวบอกเลิกเป็นเรื่องที่ไร้สาระเกินไป แต่ภิญญาพัชญ์กลับตวาดขึ้นมาเสียงดัง

"ดูตัวเองสิทรอย ตอนนี้ทรอยมีอะไรมั่นคงในชีวิตหรือยัง จะให้ขิงฝากอนาคตกับคนอย่างทรอยนะเหรอ หึ!!..ตัวทรอยเองยังเอาตัวไม่รอด และจะเอาอะไรมาดูแลขิง"

เมื่อเห็นว่าแฟนสาวเริ่มจะงี่เง่ามากจนเกินไปอติวิชญ์ก็เริ่มจะมีอารมณ์ขึ้นมาบ้าง เขาพยายามใจเย็นทุกอย่างแล้ว ง้อเธอทุกอย่างแล้ว แต่เธอก็ไม่ยอมลงให้เขาเลยสักนิด

"อะไรนักหนาวะขิง ก็บอกว่าจะเปลี่ยนตัวเองไง เธอจะอะไรอีกวะ" ชายหนุ่มยกมือขึ้นเสยผมขึ้นอย่างหงุดหงิดเช่นกัน วันนี้มันวันอะไรของเขากัน ไปบ้านก็ทะเลาะกับแม่กลับมาห้องก็มาเจอแฟนงี่เง่าด้วยอีก เขาหงุดหงิดจนแทบจะเก็บอารมณ์ไม่ไหวแล้ว

ภิญญาพัชญ์ไม่สนใจกับท่าทีของแฟนหนุ่มเธอเดินไปเก็บข้าวของตัวเองในตู้และยัดใส่กระเป๋า อติวิชญ์มองดูอย่างอารมณ์เสียเช่นกัน เขาไม่ได้เข้าไปห้าม เพราะถึงอย่างไรเธอก็ทำไปอย่างนั้น เดี๋ยวผ่านไปสักสองสามชั่วโมงแฟนสาวเขาก็คงจะหายบ้า และกลับมาขอโทษเขาเหมือนที่ผ่านมา

ปัง!!

เสียงประตูห้องปิดลงด้วยฝีมือของหญิงสาว อติวิชญ์ไม่ตามไปง้อ เขาง้อแล้วและเขาก็ไม่เห็นว่าเรื่องแค่นี้มันจะเป็นปัญหาตรงไหน เพราะทุกวันเขาก็เป็นอย่างนี้อยู่แล้ว และมันก็ไม่มีอะไรเสียหาย เขาไม่เคยนอกใจเธอ เขารักเธอคนเดียวมาตลอด เขาและเธอคบกันมาตั้งแต่มัธยมปีที่สี่ จนตอนนี้มหาลัยปีสองเกือบห้าปีที่คบกันมา เรื่องนอกใจไม่เคยมีสักครั้ง

"เออ!!..ไปเลยอยากไปไหนก็ไปงี่เง่านัก"

อติวิชญ์ตะโกนตามหลังแฟนสาว เขาไม่ได้ตามเธอออกไป แต่ใครจะรู้ว่าวันนั้นเป็นวันสุดท้ายที่ภิญญาพัชญ์จะกลับมาหาเขา เธอหายหน้าไปหนึ่งอาทิตย์ไม่กลับห้องที่เขาและเธออยู่ด้วยกัน และไม่มาเรียนหนังสืออีกด้วย ชายหนุ่มพยายามตามหาแต่ก็ไม่เคยเจอ แต่แล้ววันสอบมิดเทอมเธอก็มา เธอนั่งรถยนต์คันหรูเข้ามา และมีผู้ชายหน้าหล่อตามลงมาด้วย อติวิชญ์ยืนมองด้วยความงุนงง เขาเดินเข้าไปหาทั้งคู่ เขาอยากจะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

"ขิง ไอ้นี่มันเป็นใครทำไมขิงถึงมากับมันได้" เสียงห้วนถามขึ้นพร้อมกับดึงมือแฟนสาวให้มาหาตนเองแต่ทว่าภิญญาพัชญ์กลับสะบัดมันออก

"พี่อชิแฟนใหม่เราเอง" เสียงหญิงสาวตอบกลับมาอย่างเรียบเฉย เหมือนโดนน็อคอย่างไม่ตั้งตัว อติวิชญ์เงยหน้ามองแฟนสาวอย่างไม่เข้าใจ ดวงตาชายหนุ่มสั่นไหว

"แฟน.." สีหน้าชายหนุ่มงุนงงไปหมด ห่างกันแค่เจ็ดวันเธอจะมีแฟนใหม่ได้ยังไงกัน

"ใช่ เราเลิกกันแล้วจำไม่ได้เหรอ พี่อชิเป็นแฟนขิง" แต่คำตอบและสีหน้าของหญิงสาวก็บ่งบอกว่าเธอไม่ได้พูดเล่น ภิญญาพัชญ์เดินไปจับมือของอชิรวัช หนุ่มหน้าหล่ออีกคนเอาไว้เพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอพูดจริง

"ไม่ขิง ไม่เลิกได้ไหมขิม อย่าเลิกกับทรอยเลยนะ เรารักกันไม่ใช่เหรอ" อติวิชญ์มองใบหน้าแฟนสาวอย่างปวดใจ เขาทำอะไรผิดขนาดที่จะให้อภัยกันไม่ได้เลยเหรอ ชายหนุ่มไม่คิดถึงศักดิ์ศรีอะไรทั้งนั้น เขาดึงมือเธอมาจับไว้ ทว่าหญิงสาวกลับสะบัดออกอย่างแรง

"พี่อชิมีทุกอย่าง เขาให้ขิงได้ทุกอย่าง โดยที่คนอย่างทรอยให้ขิงไม่ได้ อย่ามาเสียเวลาอีกเลย เพราะที่ผ่านมามันก็เสียเวลามากพอแล้ว"