บทที่ 12 นัดพบ
“ร้านไหนคะอยู่ใกล้ธนาคารของคุณรึเปล่า”
“เปล่าครับ ร้านอยู่อีกที่หนึ่ง ร้านน้ำหนึ่ง อยู่ห่างจากห้างสรรพสินค้าประมาณสิบป้ายรถเมล์ ร้านอยู่ซ้ายมือมีป้ายบอกอยู่ครับ”
“ห้างฯที่ร้านฉันอยู่นี่เหรอคะ”
“ครับ แล้วเจอกันนะครับ”
“ค่ะ สวัสดีค่ะ” หล่อนวางสายไปก่อนและรู้สึกหงุดหงิดที่ถูกชายหนุ่มชิงปิดฉากการสนทนาดื้อๆ เขาจะรอให้หล่อนเป็นฝ่ายพูดไม่ได้รึไง
“ไพรำ ลูกสาวคุณอาทิตย์ชื่อไพรำเหรอ” ศัมภุครางชื่อแปลกๆ แล้วหัวเราะหึๆ ปลายปากกาตวัดลงบนกระดาษตามความเคยชินแล้วปิดแฟ้มเลื่อนไปด้านซ้าย เขาเก็บของบางชิ้นเข้าลิ้นชักแล้วลุกขึ้นยืน โทรศัพท์คู่ใจถูกหย่อนลงในกระเป๋ากางเกง เขาเดินออกจากห้องทำงาน ถ้ารถไม่ติดอีกไม่เกิน 10 นาทีเขาจะถึงร้านอาหาร
ธีรเมธรู้จักนักค้าของเก่าเพิ่มขึ้นอีกคนด้วยการแนะนำของพิชิต เสี่ยเพิ่มทรัพย์เป็นหนุ่มใหญ่ผิวขาว รูปร่างค่อนข้างท้วมเวลายิ้มดวงตาเล็กหยีแทบมองไม่เห็น พิชิตรู้จักเสี่ยเพิ่มทรัพย์เพราะพริ้มเพราลูกสาวคนเล็กของเสี่ยที่เขาติดพันอยู่
หลังจากพิชิตแนะนำให้ธีรเมธรู้จักเสี่ยเพิ่มทรัพย์แล้ว เสี่ยใหญ่ไม่อ้อมค้อม เขาเอ่ยถึงของมีค่าที่ธีรเมธมีอยู่ทันที
“ผมได้ยินว่าคุณธีรเมธมีพระนางเทวียุคอยุธยาตอนต้นใช่มั้ยครับ ผมอยากเห็นเป็นขวัญตาสักหน่อย”
“พิชิตบอกเหรอครับ” ธีรเมธยิ้มบาง ดวงตาเป็นประกายสมหวัง เขาเหลือบมองเพื่อนรัก
“ใช่ครับ คุณชิตบอกเมื่อวานนี้เอง คุณธีรเมธยินดีจะให้ผมชมบ้างได้รึเปล่า” เสี่ยเพิ่มทรัพย์กระตือรือร้น
“ได้สิครับ พรุ่งนี้เราเจอกันที่ไหนดีที่ร้านของเสี่ยดีมั้ยครับ”
“ได้ๆ แต่เย็นนี้ไม่ได้เหรอ ผมใจร้อน” เสี่ยใหญ่ตาลุกวาว
“ใจเย็นๆ สิครับ เย็นนี้ผมมีนัด เอาไว้พรุ่งนี้รับรองเสี่ยได้เห็นแน่ครับ”
“ได้ๆ งั้นพรุ่งนี้แปดโมง นี่นามบัตรผม ถ้าคุณไปร้านผมไม่ถูกให้คุณชิตพาไปเพราะคุณชิตไปรับยัยพริ้มออกไปทานข้าวบ่อยๆ” เพิ่มทรัพย์หันมามองพิชิตอย่างเข้าใจ
“ไม่บอกฉันบ้างเลยนะไอ้ชิต” ธีรเมธหันมามองหน้าเพื่อน
“กำลังจะบอกอยู่นี่แหละ พรุ่งนี้ฉันจะแนะนำให้รู้จัก คุณพริ้มเป็นคนน่ารักมาก”
“สงสัยฉันจะได้ข่าวดีเร็วๆ นี้ซะละมั้งเพื่อน”
เสียงหัวเราะดังขึ้น เสี่ยเพิ่มทรัพย์หัวเราะด้วยแต่ไม่รู้สึกยินดีเช่นเสียงหัวเราะ เขาให้คนสืบประวัติของพิชิตแล้ว ชายหนุ่มผู้นี้มีอาชีพไม่เป็นหลักมั่นคง พิชิตทำงานกับธีรเมธบ้างกับเสี่ยค้าของเก่าหลายรายแต่ไม่ใช่หุ้นส่วนเป็นเพียงผู้ติดต่อและรอรับเปอร์เซ็นต์จากบรรดาพ่อค้าเหล่านั้นเท่านั้น เขาไม่ต้องการลูกเขยไร้อนาคตเช่นพิชิตแต่ที่อนุญาตให้พริ้มเพราคบหากับพิชิตเพื่อต้องการสินค้าดีไม่มีตำหนิจากธีรเมธและคนอื่นๆ หากพิชิตติดต่อให้ได้ ถ้าหมดของพิชิตก็หมดความหมาย เสี่ยเพิ่มทรัพย์เตรียมเขี่ยหนุ่มวาจาอ่อนหวานแต่ไม่มีสมบัติติดตัวออกจากชีวิตลูกสาวของเขาในไม่ช้านี้
“ผมต้องขอตัวก่อน มีนัดเที่ยงครับ สวัสดีครับ ชิต ขอบใจมากเพื่อนพรุ่งนี้เจอกัน”
ธีรเมธเดินออกจากร้านอาหารที่พิชิตนัดเขามาพบกับเสี่ยเพิ่มทรัพย์ เขารู้ว่าเสี่ยใหญ่อยากเห็นของล้ำค่ามากแค่ไหน และถ้ามองไม่ผิดนักเสี่ยตาตี่คนนี้เขี้ยวโง้งทีเดียว พิชิตจะรู้สึกเช่นเดียวกับเขารึเปล่า แต่คงไม่เพราะเพื่อนรักของเขามองเห็นผู้หญิงสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด ถึงพิชิตจะไม่ใส่ใจกับเรื่องนี้เขาก็ต้องเตือนไว้ไม่อย่างนั้นพิชิตนั่นแหละจะเสียใจ
ร้านอาหารน้ำหนึ่งอยู่ห่างจากถนนสายหลักประมาณ 100 เมตร หญิงสาวนับป้ายรถเมล์ตั้งแต่ออกจากห้างสรรพสินค้าตามที่ผู้จัดการธนาคารหนุ่มบอก ตัวเขาก็ต้องออกจากธนาคารซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับห้างสรรพสินค้าเช่นกัน หล่อนไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจึงนัดทานอาหารไกลจากที่ทำงานให้เสียเวลา
“กี่ป้ายแล้วล่ะเนี่ย สาม ป้ายที่สี่อยู่ข้างหน้า ทำไมไม่นัดในห้างฯ ร้านอาหารเยอะแยะไป นี่ถ้าคุณพ่อไม่ติดไปรับเพื่อนที่สนามบินฉันไม่ออกมาให้เสียเวลาหรอกนะคุณศัมภุ”
ไพรำบ่นอุบเพราะนอกจากจะรถติดแล้ว หล่อนยังเสียเวลาคิดงานที่ทำค้างอยู่ ไอเดียกำลังกระฉูดก็ต้องชะงักเพราะนัดของศัมภุซึ่งหล่อนไม่รู้ว่าความจริงแล้วคุณพ่อของหล่อนเป็นฝ่ายนัดศัมภุเพื่อคุยธุรกิจกับธีรเมธ
“ป้ายที่สิบ” หล่อนถอนใจโล่งอก ป้ายชื่อร้านน้ำหนึ่งอยู่ห่างจากป้ายรถเมล์เล็กน้อย ซอยข้างหน้าเป็นทางเข้า หล่อนเลี้ยวรถเข้าไปและขับตรงไปก่อนจะเลี้ยวซ้ายอีกครั้งเพื่อเข้าร้านอาหาร
ลานจอดรถกว้างขวาง มีรถจอดอยู่หลายคัน ด้านในเป็นร้านอาหารกึ่งเรือนไทยผสมปัจจุบัน หลังหนึ่งเปิดโล่งรับธรรมชาติทั้งสี่ด้านแต่อีกหลังกรุกระจกโดยรอบ การจัดแต่งร้านน่าเข้าไปนั่งทานอาหาร ไพรำยืนมองเรือนสองหลังครู่หนึ่งจึงเลือกเดินไปที่เรือนโปร่ง หล่อนชอบความเป็นธรรมชาติมากกว่า
ต้นไม้รอบตัวเรือน ด้านข้างมีบ่อปลาสวยงาม น้ำในบ่อใสกระจ่างมองเห็นตัวปลาแหวกว่ายเริงร่า ไพรำเลือกเก้าอี้ติดริมบ่อปลาซึ่งลูกค้าหลายรายกำลังเดินตามหล่อนมาเช่นกัน
