บทที่ 5: โลกที่เชื่อมโยงกัน...ด้วยสายลมและปลายฟ้า
ช่วงเวลาปิดเทอมที่เคยรอคอยกลับผ่านไปอย่างเชื่องช้าและเงียบเหงาสำหรับสายลม โลกที่เคยสดใสของเขาพลันหม่นหมองลงถนัดตา เมื่อไม่มี ‘ยัยตัวเล็ก’ คอยให้แกล้ง ไม่มีเสียงหวานๆ คอยบ่นว่ารำคาญ และไม่มีรอยยิ้มสดใสที่ทำให้หัวใจอุ่นวาบอีกต่อไป
ม้านั่งใต้ต้นจามจุรีกลายเป็นเขตหวงห้ามที่เขาไม่กล้าเดินเฉียดเข้าไปใกล้ ร้านลูกชิ้นทอดเจ้าประจำก็ดูเหมือนรสชาติจะอร่อยน้อยลงเมื่อต้องยืนกินคนเดียว สายลมใช้เวลาส่วนใหญ่ขลุกตัวอยู่ในห้องนอน ปล่อยให้หมอกกับเมฆบุกไปเล่นเกมที่บ้านโดยที่เขาแทบไม่มีส่วนร่วมด้วยซ้ำ
“ไอ้ลม มึงเป็นไรวะ? แม่งอย่างกับคนอกหัก” หมอกเอ่ยปากทักอย่างเหลืออด หลังจากเห็นเพื่อนซี้เอาแต่นั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่ยอมจับจอยเกมมาสามวันติด
สายลมไม่ตอบ เขาเพียงแค่ถอนหายใจยาวๆ แล้วหยิบกีตาร์โปร่งเก่าๆ ของพ่อที่วางพิงไว้มุมห้องขึ้นมาวางบนตัก นิ้วเรียวไล่ไปบนสายที่ขึ้นสนิมเล็กน้อยอย่างไม่รู้ว่จะทำอะไรดี
“หมอก... มึงว่าปลายฟ้าจะสบายดีไหมวะ?” เขาถามขึ้นมาลอยๆ
หมอกกับเมฆมองหน้ากัน เมฆพยักหน้าให้หมอกเป็นเชิงว่าให้จัดการต่อ
“เออน่า... มันก็ต้องสบายดีดิวะ” หมอกตอบ “ยัยนั่นเก่งจะตาย เดี๋ยวก็มีเพื่อนใหม่เต็มไปหมดแล้วมึงคอยดู”
คำพูดของหมอกควรจะเป็นคำปลอบใจ แต่สำหรับสายลมแล้ว มันกลับทำให้หัวใจของเขายิ่งโหวงเหวงเข้าไปใหญ่... ภาพของปลายฟ้าที่กำลังหัวเราะอย่างมีความสุขกับเพื่อนใหม่ที่เขาไม่รู้จัก มันทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังจะถูกลืม
ในขณะเดียวกัน ที่เมืองเชียงใหม่อันแสนสงบ ปลายฟ้ากำลังเริ่มต้นชีวิตใหม่ในโรงเรียนแห่งใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมหลายเท่าตัว
วันแรกในชุดนักเรียนตัวใหม่ที่ยังไม่คุ้นเคย เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนแปลกหน้าอย่างสมบูรณ์แบบ อากาศยามเช้าที่เย็นสบายและทิวทัศน์ของดอยสุเทพที่มองเห็นได้จากหน้าต่างห้องเรียน เป็นภาพที่สวยงามแต่ก็ทำให้เธอรู้สึกเหงาจับใจ
ช่วงพักกลางวัน ขณะที่เธอนั่งกินข้าวคนเดียวเงียบๆ ที่มุมหนึ่งของโรงอาหาร ก็มีเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทาย
“หวัดดี... เราชื่อสายฝนนะ เธอเพิ่งย้ายมาใหม่เหรอ?”
ปลายฟ้าเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงนุ่มนวล ก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ “อื้อ... เราปลายฟ้า”
“ชื่อน่ารักจัง” สายฝนยิ้มกว้าง รอยยิ้มของเธอดูอบอุ่นและใจดี “มานั่งด้วยกันมั้ย? เพื่อนๆ เราอยู่โต๊ะนู้น”
การทักทายที่แสนเป็นมิตรของสายฝนเปรียบเสมือนแสงแดดอ่อนๆ ที่ส่องเข้ามาในหัวใจที่กำลังหม่นหมองของปลายฟ้า เธอพยักหน้ารับคำชวนนั้น และนั่นคือจุดเริ่มต้นของมิตรภาพครั้งใหม่ในต่างแดน
สายฝนกลายเป็นเพื่อนสนิทคนแรกของเธอในเชียงใหม่ คอยช่วยเหลือและแนะนำเรื่องต่างๆ ให้เสมอ แต่ถึงแม้จะมีเพื่อนใหม่ที่แสนดี แต่ทุกครั้งที่ปลายฟ้าเจอเรื่องราวสนุกๆ หรือเรื่องที่น่าหงุดหงิดใจ คนแรกที่เธอนึกถึงและอยากจะเล่าให้ฟัง... ก็ยังคงเป็น ‘นายลม’ เพื่อนขี้แกล้งคนเดิมของเธออยู่ดี
ตกดึกในคืนหนึ่ง หลังจากที่พยายามข่มตานอนเท่าไหร่ก็นอนไม่หลับ สายลมก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เปิดแอปพลิเคชัน LINE แล้วเลื่อนหารายชื่อที่คุ้นเคย รูปโปรไฟล์ของปลายฟ้ายังคงเป็นรูปที่เธอถ่ายคู่กับแมวตัวอ้วนข้างบ้าน รูปที่เขาเคยล้อว่าใครอ้วนกว่ากัน
นิ้วโป้งของเขาแตะค้างอยู่ที่ชื่อของเธออยู่นานสองนาน... ความกล้าที่เคยมีมันหายไปไหนหมดนะ?
สุดท้าย เขาก็ตัดสินใจพิมพ์ข้อความสั้นๆ ส่งไปพร้อมกับสติกเกอร์ที่กวนที่สุดเท่าที่จะหาได้
Sailom Tanapon: [ส่งสติกเกอร์รูปหมีทำหน้าทะเล้น]
Sailom Tanapon: ยัยตัวเล็ก
ที่เชียงใหม่... โทรศัพท์มือถือของปลายฟ้าที่วางอยู่บนหัวเตียงสั่นครืดเบาๆ เธอหยิบขึ้นมาดูอย่างงัวเงีย แต่เมื่อเห็นชื่อผู้ส่งแจ้งเตือนบนหน้าจอ ความง่วงทั้งหมดก็หายวับไปกับตา หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นมาทันที
เธอรีบกดเข้าไปในห้องแชท พยายามนึกหาคำตอบที่ดูไม่ดีใจจนเกินไป
Plaifah T: ว่าไง
Plaifah T: [ส่งสติกเกอร์กระต่ายทำหน้างง]
สายลมที่กรุงเทพฯ เผลอยิ้มออกมาเมื่อเห็นการตอบกลับ เขารีบพิมพ์ข้อความต่อไปทันที
Sailom Tanapon: ที่นั่นเป็นไงบ้าง
Sailom Tanapon: ที่นี่น่าเบื่อชะมัด ไม่มีใครให้แกล้งเลย
ข้อความนั้นทำให้ปลายฟ้าหัวเราะออกมาเบาๆ เขายังเป็นเขา... นายลมคนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
Plaifah T: 5555 สมน้ำหน้า
Plaifah T: ก็ดีนะ... แต่โรงเรียนใหญ่มาก ยังหลงๆ อยู่เลย
Sailom Tanapon: มีคนแกล้งปะ?
คำถามสั้นๆ แต่เต็มไปด้วยความห่วงใยนั้นทำให้หัวใจของปลายฟ้าอุ่นวาบขึ้นมา
Plaifah T: ไม่มีหรอกน่า
Sailom Tanapon: ดีแล้ว ดูแลตัวเองด้วย อย่าให้ใครมารังแกได้ล่ะ ถ้ามีอะไรให้รีบฟ้องฉันคนแรก เข้าใจ๊?
Plaifah T: รับทราบค่ะ คุณเพื่อน 555
Plaifah T: เรามีเพื่อนใหม่แล้วนะ ชื่อสายฝน ใจดีมากเลย
สายลมชะงักไปเล็กน้อยเมื่ออ่านข้อความนั้น ความรู้สึกจี๊ดๆ ก่อตัวขึ้นในใจอย่างไม่มีเหตุผล แต่เขาก็รีบสลัดมันทิ้งไป
Sailom Tanapon: เออดีแล้ว
Sailom Tanapon: งั้น...แค่นี้นะ ไปเล่นเกมกับไอ้หมอกละ ฝันดี
Plaifah T: อื้ม ฝันดีเหมือนกันนะ นายลม
บทสนทนาจบลงแล้ว แต่ทั้งสองคนต่างก็ยังคงจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองอยู่อย่างนั้น...
ปลายฟ้าเลื่อนอ่านข้อความซ้ำไปซ้ำมา รอยยิ้มกว้างยังคงไม่จางหายไปจากใบหน้า เธอไม่ได้รู้สึกโดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้ว
ส่วนสายลมก็เอนหลังพิงหัวเตียงอย่างโล่งใจ ความหนักอึ้งที่อยู่ในใจมาหลายวันได้เบาบางลงอย่างน่าประหลาด
โลกของพวกเขาอาจจะถูกแบ่งแยกด้วยระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร แต่ในค่ำคืนนี้... เส้นใยบางๆ ที่มองไม่เห็นได้ถูกถักทอขึ้นอีกครั้งผ่านหน้าจอสี่เหลี่ยมเล็กๆ เพื่อเชื่อมโยงหัวใจสองดวงที่อยู่ห่างไกล ให้กลับมาใกล้กันเหมือนเดิม