บทที่ 2 : ความลับ
วันจันทร์เวียนมาบรรจบพร้อมกับการบ้านกองโตและวิชาคณิตศาสตร์สุดน่าเบื่อ แต่สำหรับปลายฟ้าแล้ว วันนี้กลับมีเรื่องให้ใจเต้นแรงกว่าการกลัวโดนครูเรียกตอบคำถามหน้าห้องเสียอีก
เรื่องของเรื่องเกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ ตอนที่เธอกำลังจะเอาสมุดแบบฝึกหัดวิชาสังคมที่ยืมมาจากสายลมไปคืน เธอนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ตรวจคำตอบข้อสุดท้าย เลยแอบเปิดดูอีกครั้งอย่างเร่งรีบ แต่สิ่งที่ซ่อนอยู่ระหว่างหน้ากระดาษของแบบฝึกหัดไม่ใช่แค่ลายมือไก่เขี่ยอันเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าเพื่อนตัวดี แต่เป็นสมุดโน้ตเล่มเล็กๆ สีน้ำเงินเข้มที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
ด้วยความอยากรู้อยากเห็นตามประสา ปลายฟ้าค่อยๆ หยิบมันขึ้นมาเปิดดูอย่างระมัดระวังราวกับกลัวว่ามันจะบุบสลาย และสิ่งที่ปรากฏแก่สายตาก็ทำให้ดวงตากลมโตของเธอเบิกกว้างขึ้นกว่าเดิม
มันคือเนื้อเพลง...
ตัวอักษรหวัดๆ ที่เขียนด้วยดินสอกดถูกเรียงร้อยเป็นถ้อยคำที่อ่านแล้วชวนให้แก้มร้อนผ่าว มันเป็นเพลงรัก... เพลงรักที่หวานซึ้งและดูไม่เข้ากับบุคลิกกวนประสาทของสายลมเลยแม้แต่น้อย
‘...แค่สายลมที่พัดผ่าน แต่ใจฉันก็ลอยไป
อยากหยุดเวลาไว้...ตรงที่ฉันมีเธอใกล้ๆ
ปลายฟ้าที่ฉันเฝ้ามอง ไม่ว่าวันไหนก็ยังงดงาม
ได้แต่เก็บงำทุกถ้อยคำ...ว่ารักเธอ’
ปลายฟ้าอ่านทวนซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวอยู่ในอกราวกับจะหลุดออกมาข้างนอก ‘ปลายฟ้าที่ฉันเฝ้ามอง’... มันจะบังเอิญเกินไปหรือเปล่า? หรือว่า... นายลมนี่นะ... จะแต่งเพลงนี้ให้เรา?
ความคิดนั้นทำให้ใบหน้าของเธอร้อนเห่อขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ปลายฟ้ารีบปิดสมุดโน้ตเล่มนั้นลงอย่างรวดเร็วราวกับมันเป็นของร้อน สอดมันกลับเข้าไปในสมุดแบบฝึกหัดที่เดิม แล้วรีบเดินเอาไปวางคืนบนโต๊ะของสายลมที่กำลังเล่นเกมเศรษฐีกับหมอกอยู่หลังห้อง ทำทีเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น
ทั้งวันนั้น ปลายฟ้าแอบลอบมองสายลมอยู่หลายครั้ง พยายามจับสังเกตว่าเขาจะมีพิรุธอะไรบ้าง แต่เพื่อนสนิทของเธอก็ยังคงเป็นสายลมคนเดิมที่ขี้แกล้งและป่วนประสาทไม่เปลี่ยน เขาไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับสมุดโน้ตเล่มนั้นเลยแม้แต่คำเดียว
จนกระทั่งเสียงออดดังบอกเวลาเลิกเรียน ขณะที่ปลายฟ้ากำลังก้มหน้าก้มตาเก็บของใส่กระเป๋าอย่างไม่เร่งรีบนัก เงาของใครบางคนก็ทาบทับลงบนโต๊ะของเธอ
“ยัยตัวเล็ก”
เสียงทุ้มๆ ที่คุ้นเคยดังขึ้น ปลายฟ้าเงยหน้าขึ้นมองก็พบกับสายลมที่ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ข้างโต๊ะ มือข้างหนึ่งเกาท้ายทอยแก้เก้อ ส่วนอีกข้างก็ล้วงกระเป๋ากางเกงไว้ ท่าทางดูผิดแปลกไปจากปกติจนน่าสงสัย
“มีอะไรเหรอ?” ปลายฟ้าเอียงคอถาม
“เอ่อ... คือว่า...” สายลมหลบสายตากลมโตที่จ้องมองมาอย่างจับผิด เขากลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี “เย็นนี้... ว่างรึเปล่า?”
“ก็... ว่างนะ ทำไมเหรอ?”
“ไปดูหนังกันไหม?” ในที่สุดเขาก็พูดมันออกมา “เห็นเธอบอกว่าอยากดูเรื่องนั้น... ที่เพิ่งเข้าใหม่”
หัวใจของปลายฟ้ากระตุกวูบ เต้นแรงขึ้นมาอีกครั้งจนเธอได้ยินเสียงของมันดังอยู่ในหู เขาชวนเธอ... ชวนเธอแค่คนเดียวงั้นเหรอ?
“ไป... ไปกันสองคนเหรอ?” เธอถามย้ำเพื่อความแน่ใจ พยายามควบคุมไม่ให้เสียงสั่น
“อือ” สายลมพยักหน้าหงึกๆ แก้มของเขาเริ่มขึ้นสีแดงจางๆ “ก็... ถ้าเธอไม่อยากไป...”
“ไปสิ! ไป!” ปลายฟ้ารีบสวนขึ้นมาทันที กลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจ “อยากดูพอดีเลย!” เธอยิ้มกว้างจนตาหยี พยายามซ่อนความดีใจที่กำลังเอ่อล้นอยู่ในอก
“โอเค งั้น... เดี๋ยวเจอกันที่หน้าโรงหนังนะ” สายลมยิ้มออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะรีบหมุนตัวเดินจากไปอย่างรวดเร็วราวกับกลัวว่าจะเสียฟอร์มไปมากกว่านี้
ปลายฟ้านั่งอมยิ้มอยู่คนเดียว มองตามแผ่นหลังกว้างของเพื่อนสนิทไปจนลับสายตา เธอไม่รู้หรอกว่า ที่มุมหนึ่งของห้อง หมอกกับเมฆกำลังยืนมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม
“ในที่สุดมันก็กล้าเว้ย!” หมอกกระซิบกับเมฆอย่างตื่นเต้น
เมฆเพียงแค่พยักหน้ารับเบาๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งว่า “ก็คงต้องใช้เวลาหน่อย”
การไปดูหนังในครั้งนี้แตกต่างจากทุกครั้ง บรรยากาศไม่ได้มีเสียงจอแจของหมอกคอยป่วน หรือความเงียบขรึมของเมฆคอยคุมเชิง มีเพียงแค่ความเงียบที่แสนจะอึดอัดในช่วงแรก และเสียงหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำของคนสองคน
สายลมทำหน้าที่เป็นสุภาพบุรุษจำเป็น เขาเดินไปซื้อตั๋วหนังและป๊อปคอร์นกับน้ำอัดลมมาอย่างเรียบร้อย แต่ก็ยังไม่วายที่จะแอบแกล้งเธอเล็กน้อย
“เอ้า กินเยอะๆ นะยัยเฉิ่ม เดี๋ยวไม่มีแรงดูหนัง” เขายื่นถังป๊อปคอร์นให้เธอ
“ขอบใจย่ะ!” ปลายฟ้าแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ แต่ก็รับมาถือไว้อย่างว่าง่าย
ในความมืดของโรงภาพยนตร์ที่นั่งข้างๆ กันดูจะแคบลงไปถนัดตา ความรู้สึกประหม่าค่อยๆ ก่อตัวขึ้นอีกครั้ง ทั้งสองคนนั่งตัวตรงแหน่ว แกล้งทำเป็นสนใจโฆษณาก่อนหนังฉายอย่างเต็มที่
และแล้วช่วงเวลาที่น่าอึดอัดที่สุดก็มาถึง... เมื่อทั้งคู่ยื่นมือลงไปในถังป๊อปคอร์นพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
ปลายนิ้วของพวกเขาสัมผัสกันแผ่วเบาในความมืด...
ความรู้สึกอุ่นๆ แล่นปราดจากปลายนิ้วไปทั่วทั้งร่าง สายลมเป็นฝ่ายชักมือกลับก่อนอย่างรวดเร็วราวกับโดนไฟช็อต ส่วนปลายฟ้าก็รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองกำลังจะกระดอนออกมาเต้นข้างนอกอีกครั้ง
“โทษที” สายลมกระซิบเสียงเบาหวิว
“อ...อืม ไม่เป็นไร” ปลายฟ้าตอบเสียงสั่นเล็กน้อย
หลังจากนั้น ก็ไม่มีใครกล้าล้วงป๊อปคอร์นอีกเลยตลอดทั้งเรื่อง ต่างฝ่ายต่างแกล้งทำเป็นสนใจภาพยนตร์บนจอขนาดใหญ่ แต่ในใจกลับว้าวุ่นไปหมด
เมื่อหนังจบลง ทั้งสองคนเดินออกมาจากโรงภาพยนตร์ในความเงียบ ต่างฝ่ายต่างไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นบทสนทนาอย่างไรดี
“เอ่อ... หนังสนุกดีนะ” ปลายฟ้าเป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นก่อน
“อือ ก็สนุกดี” สายลมตอบสั้นๆ “แล้ว... เธอจะกลับเลยไหม?”
“อืม กลับเลยดีกว่า เดี๋ยวแม่เป็นห่วง”
ทั้งสองคนเดินเคียงข้างกันไปยังป้ายรถเมล์ บรรยากาศยังคงเงียบงัน แต่กลับไม่ได้รู้สึกอึดอัดเหมือนตอนแรก มันเป็นความเงียบที่ต่างฝ่ายต่างรับรู้ได้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไป
สายลมแอบมองใบหน้าด้านข้างของปลายฟ้าที่ถูกแสงไฟยามค่ำคืนของห้างสรรพสินค้าสาดส่อง รอยยิ้มจางๆ ยังคงประดับอยู่บนริมฝีปากของเธอ
เขาไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกนี้เรียกว่าอะไร รู้แค่ว่าการได้ใช้เวลาอยู่กับเธอตามลำพังแบบนี้... มันดีกว่าที่คิดไว้เยอะ
บางที... การเป็นมากกว่าเพื่อนมันอาจจะไม่ได้แย่ก็ได้มั้ง
ความคิดนั้นแวบเข้ามาในหัวของเขาอีกครั้ง และครั้งนี้... สายลมไม่ได้ปัดมันทิ้งไปเหมือนเคย