บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 ฝันจัญไร! กับผู้ชายต้องห้าม 1/2

วัสสานนิ่งอึ้งไปเมื่อวันแรกของการมาทำงานพิเศษกับมารดาของเพื่อนสาวทำเอาเขาไปไม่เป็น ไม่ใช่เพราะทำไม่ได้แต่เพราะเจ้านายไม่ใช่คนที่คิดไว้

“พอดีว่าเหมเขากำลังหาผู้ช่วยน่ะ แม่เห็นว่างานที่พิพิธภัณฑ์น่าจะเหมาะกับเรนมากกว่า ก็เลยอยากให้เรนไปช่วยอาเขาหน่อย” ธารธารากล่าวกับเพื่อนลูกสาวที่เธอเอ็นดูเหมือนลูกอีกคน เพียงแค่รู้ว่าวัสสานต้องการทำงานพิเศษเพื่อแบ่งเบาภาระของมารดาเธอก็รีบหางานให้ทำทันที ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้จำเป็นต้องมีคนมาช่วย

“ดีเลยค่ะคุณแม่ เรนชอบงานศิลปะ ใช่ไหมเรนนี่” แถมเพื่อนสาวก็ยังสนับสนุน

“พ่อดีใจมากเลยนะที่อาเหมเอ่ยปากอยากได้ผู้ช่วย ปกติส่งใครไปให้ก็โดนไล่ตะเพิด นี่คงถูกชะตากับเรน เห็นว่าเคยเจอกันแล้วใช่ไหม?”

“ใช่ค่ะ เพิ่งเจอกันวันก่อน คุยกันสนิทสนมถึงห้องนอนเลยนะคะคุณพ่อ” คิมหันต์เลิกคิ้วอย่างแปลกใจเมื่อได้ฟังรายงานจากลูกสาว

“อาเหมเนี่ยนะจะยอมให้ใครเข้าห้องนอน”

“นั่นสิคะ เรนเป็นคนแรกที่ได้เข้าห้องนอนของอาเหมนะเนี่ย”

ครอบครัววรภัทรคุยกันอย่างออกรส ในขณะที่วัสสานยังตกใจไม่หาย จะให้เขาไปเป็นผู้ช่วยของผู้ชายคนนั้นน่ะนะ

ภาพการร่วมรักในฝันเมื่อคืนที่ผ่านมาลอยเข้ามาในห้วงความคิด แค่คิดก็รู้สึกไปถึงไหนต่อไหน ถ้าต้องไปอยู่ใกล้แล้วเขาจะวางตัวอย่างไร

ตาย! ตาย! ตายแน่ ๆ แล้วเรนนี่!!!

อาคารสูงสีขาวรูปทรงแปลกตาที่ตั้งตะหง่านอยู่ริมถนนสายหลักใจกลางมหานครเบื้องหน้าทำเอาวัสสานแทบก้าวขาไม่ออก ตึกสูงแปดชั้นไม่ได้ทำเขาคั่นเนื้อตั่นตัวเท่ากับเจ้าของของมันหรอก และคนคนนั้นก็กำลังจะเป็นเจ้านายของเขาในช่วงเวลาสั้น ๆ อีกหนึ่งเดือนนับจากนี้

เพราะต้องการช่วยแบ่งเบาภาระของมารดา วัสสานจึงหางานพิเศษทำในช่วงปิดเทอม ปิดเทอมใหญ่เขาใช้วุฒิมอปลายเข้าไปทำงานรายวันในฝ่ายผลิตของบริษัทผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ แต่พอปิดเทอมเล็กช่วงปลายฝนต้นหนาวบริษัทนั้นกลับไม่รับเข้าทำงาน ซัมเมอร์บอกว่ามารดาต้องการคนช่วยงานที่ร้านจิวเวลรี่และยินดีที่จะให้วัสสานไปทำ แต่ไหงสุดท้ายเขาต้องเอาชีวิตมาฝากไว้กับเจ้าของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ด้วย และที่ร้ายไปกว่านั้น… เขาคือผู้ชายในฝันจัญไร!

เด็กหนุ่มสูดลมเข้าปอดเพื่อเรียกพลัง

“พ่อจ๋า แม่จ๋า เจ้าที่เจ้าทางช่วยลูกช้างด้วยนะครับ”

หลังจากตัดสินใจว่าเป็นไงก็เป็นกัน วัสสานก็ก้าวเท้าเข้าไปในพิพิธภัณฑ์เอกชน จุดหมายปลายทางอยู่บนชั้นที่แปด ซัมเมอร์บอกว่านั่นคือห้องทำงานของอาเหมของเธอ

เมื่อเดินทางมาถึงชั้นเป้าหมายก็ให้แปลกใจนักว่าที่นี่คือพิพิธภัณฑ์หรือว่าสุสาน เหตุใดจึงได้เงียบเชียบราวกับป่าช้าแบบนี้ วัสสานทำใจดีสู้เสือ ทั้ง ๆ ที่ก็ยังไม่แน่ใจว่าตัวเองกำลังสู้อยู่กับอะไร

เท้าเรียวค่อย ๆ ก้าวออกจากลิฟท์ แอร์เย็นกำลังพอดีแต่กลับให้ความรู้สึกเย็นเยือก หนาวเข้าไปถึงขั้วหัวใจ ใบหน้าเล็กหันซ้ายแลขวา เมื่อพบป้ายบอกทางก็เดินตามเข้าไป

เด็กหนุ่มหยุดยืนอยู่หน้าห้องที่บอกตำแหน่งภัณฑารักษ์ของพิพิธภัณฑ์ ก่อนจะยกกำปั้นเล็กขึ้นเคาะเบา ๆ สามที

“มายืนทำอะไรตรงนี้”

ร่างบางสะดุ้งโหยงเมื่อเสียงทรงอำนาจดังกังวานอยู่ด้านหลัง เด็กน้อยหันขวับกลับไปอย่างอัตโนมัติ ไม่ผิดจากที่คาดนักหรอกเมื่อพบกับใบหน้าคมของเจ้าของเสียง

“เอ่อ คือ ผมจะมารายงานตัวครับ” ตอบกลับไปด้วยท่าทางอึกอักไม่เต็มเสียงนัก

“รายงานตัว? กับใคร?” เจ้าของพิพิธภัณฑ์เลิกคิ้วถาม สงสัยจริงหรือแค่กวนโทสะวัสสานอยากจะถามกลับไปนัก แต่สิ่งที่ทำได้ก็เพียงก้มหน้างุด “มาช่วยงานฉัน ก็มารายงานตัวกับฉัน”

คนสั่งเดินนำเข้าไปอีกห้องที่อยู่ห่างออกไป และห่างไกลจากห้องทำงานของตำแหน่งอื่น ๆ ในพิพิธภัณฑ์

เมื่อเดินตามเจ้านายคนใหม่เข้าไปถึงในห้อง ก็รอฟังอย่างตั้งใจว่าเขาต้องนั่งทำงานตรงไหน แม้แปลกใจเล็กน้อยว่าเดินผ่านมาจากอีกฟาก แต่ตลอดทางกลับไม่มีห้องที่มีป้ายบอกว่าผู้ช่วยท่านประธาน

“ทำงานแค่เดือนเดียว ฉันไม่จัดห้องให้หรอกนะ นั่งทำในนี้ก็แล้วกัน”

แอร์ด้านนอกที่ว่าเย็นนั้นมันไม่ได้ครึ่งของความเย็นยะเยือกในห้องนี้เลย วัสสานรู้สึกชาตั้งแต่หัวจรดเท้า ขนทุกเส้นแข่งกันลุกชูชัน ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มเบิกกว้าง มองจ้องไปบนโต๊ะไม้ขัดเงาความยาวน่าจะราวสามเมตร

เหมันต์เลื่อนโน๊ตบุ๊คเครื่องสีเงินไปไว้มุมโต๊ะด้านหนึ่ง ก่อนจะทิ้งก้นลงบนเก้าอี้ผู้บริหารสีดำที่สูงท่วมหัว สายตาคมจ้องมองคนตัวเล็ก ก่อนจะมองนำไปที่เก้าอี้อีกตัว

“นั่งตรงนั้นก็แล้วกัน ฉันมีงานเอกสารให้ช่วยทำ จะได้สื่อสารกันได้ง่าย ๆ”

อะไรคือการต้องนั่งทำงานโดยมีใบหน้าด้านข้างของคนที่ฝันถึงทุกค่ำคืนอยู่ห่างแค่ช่วงแขน เด็กหนุ่มได้แต่ทำตาปริบ ๆ ช่องทางรักด้านหลังก็ตอดขมิบรุนแรงจนสะดุ้ง

ตาย! ตาย! ตายแน่ ๆ เลยเรนนี่!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel