ฝันครั้งที่ห้า
“เธอสอบด้วยคะแนนที่สูงเกินกว่าจะเป็นเด็กมอต้นตามที่โรงเรียนเราเกณฑ์ไว้ซินะ” อาจารย์สาวเอ่ยถามพร้อมกระตุกยิ้มร้าย กัญพยักหน้าหงึกหงัก
“เด็กที่นี่ไม่มีใครสอบมาหรอกนะ ยอมจ่ายเงินค่าเทอมเป็นแสนเพื่อได้เข้า แค่เธอสอบเข้ามาชิงทุนได้เรียนฟรีก็น่าจะทำให้มีชื่อเสียงมากโข...หมุนตัวซิ” กัญเม้มปากอย่างประหม่าก่อนจะหมุนตัวช้าๆ แล้วหยุดมองหน้าอาจารย์อีกครั้ง
“รูปร่าง ทวดทรงองเอวใช้ได้ ผิวขาวเนียนสวย ใบหน้าไม่กลมมาก มีแก้มนิดหน่อยพอน่ารัก ปากบางเล็กเป็นกระจับสีพีชดูชุ่มชื้น จมูกเชิดรั้นนิดๆ ดวงตากลมโต ใส นัยตาสีน้ำตาลอ่อน ขนตายาวงอน คิ้วเรียวได้รูป ผมสีน้ำตาลนิดหน่อย.....ดีทุกอย่าง ยกเว้น...” กัญมองคนตรงหน้าอย่างลุ้นละทุก อาจารย์สาวมองเด็กในการปกครองตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะน้องเหอะออกมา
“เตี้ยไปหน่อย”
“โธ่....มันช่วยไม่ได้นี่ครับอาจารย์” กัญว่า อาจารย์สาวยกยิ้มแล้วโบกมือไปมา
“แต่ไม่เป็นอะไร มันก็เข้ากับรูปร่างน่าตาบุคคลิกเธอดี ฉันจะส่งเธอไปสมัครเป็นเดือนโรงเรียนแล้วกัน นี่ใบสมัคร” กัญรับกระดาษแผ่นหนึ่งมาก่อนจะอ่านกฎที่กำหนดไว้
“แต่ละห้องจะต้องส่ง ชายหนึ่ง หญิงหนึ่งมาประกวดเป็นดาวเดือนของโรงเรียน เกณฑ์การพิจารณาง่ายๆ ใครมีตุ๊กตาสูงที่สุดคนนั้นจะชนะ”
“ตุ๊กตา?” กัญถาม อาจารย์สาวพยักหน้าแล้วชี้ไปทางหลังห้องพักครูที่มีตุ๊กตาหมีสีขาวเต็มถุงใหญ่หลายสิบใบ
“โรงเรียนจะเปิดขายตุ๊กตา ตัวละหนึ่งพันบาทในวันประกวด ใครได้เยอะที่สุดก็จะนับกันตรงนั้นแหละ ทางโรงเรียนจะมีรางวัลให้ สำหรับคนชนะก็ได้เงินห้าหมื่น”
“ห้าหมื่น! ทำไมเยอะจังครับ เงินห้าหมื่นกับตำแหน่งดาวเดือนของโรงเรียนเองนะครับอาจารย์” กัญถามด้วยความไม่เข้าใจ อาจารย์สาวเลิกคิ้วเล็กน้อย
“เธอคิดว่าที่นี่โรงเรียนระดับไหนกัน”
“เอ่อ...จะว่าไป”
“เข้าใจแล้วใช่มั้ย ห้าหมื่นยังน้อยไปด้วยซ้ำในสายตาฉัน” กัญหัวเราะออกมาเบาๆ พลางคิดในใจว่าคนพวกนี้ต้องเกิดมาในตระกูลแบบไหนกันนะ
“แล้วเงินจากค่าตุ๊กตาคนชนะก็จะได้ตามจำนวนตุ๊กตา ยกตัวอย่าง เราขายตุ๊กตาตัวละพัน ถ้าเธอชนะได้ตุ๊กตาหนึ่งร้อยตัว เธอก็ได้หนึ่งแสน....ง่ายดีใช่มั้ยล่ะ แต่ถ้าไม่ได้ที่หนึ่ง เงินจากตุ๊กตาจะเข้าโรงเรียน แต่ลำดับสองและสามจะได้รางวัลสามหมื่น หนึ่งหมื่นตามลำดับ อีกทั้งคนที่ได้รางวัลเป็นดาวเดือนจะได้ถ่ายละคร ถ่ายแบบ มีผลงาน ถ้ามีแฟนคลับเยอะอาจจะได้เป็นศิลปินไปเลย” กัญเบิกตากว้างแล้วมองใบสมัครอย่างไม่อยากจะเชื่อ อาจารย์สาวเห็นท่าทีตกใจก็หัวเราะเบาๆ
“เธออาจจะไม่ได้ที่หนึ่ง แต่เธอคงติดหนึ่งในสามแน่นอน....หน้าตาของฉันขึ้นอยู่กับเธอแล้วนะ...ถ้าไม่ได้ เธออยู่ในห้องลำบากแน่” รอยยิ้มชั่วร้ายเผยออกมาให้เห็น กัญกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะยิ้มแหยๆ
“จะ..จะ...พยายามนะครับ...” คนตัวเล็กยกมือไหว้แล้วรีบวิ่งออกมาจากห้องพักอาจารย์ก่อนจะถอนหายใจพรืดใหญ่
“เป็นไง?” กัญหันไปหาเพื่อนสาวที่ยืนพิงกำแพงมองอยู่ คนตัวเล็กทำหน้าตาเบะจะร้องไห้
“อาจารย์บังคับว่าต้องได้ที่หนึ่งไม่งั้น....ยึ้ย! ท่าทางน่าขนลุก” กอหญ้าหัวเราะเบาๆ แล้วรับใบสมัครไปดู
“ก็ได้ยินมาว่านักเรียนบางคนโด่งดังเป็นศิลปินได้เพราะเป็นดาวเดือนของโรงเรียนนี้ แต่ไม่คิดเลยแหะว่าจะได้เงินเยอะขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยที่เก็บค่าเทอมหลายแสน” กัญหัวเราะก่อนจะเดินคู่กับกอหญ้าลงอาคาร
“ขอบใจกอหญ้านะที่มารอ แล้วกอหญ้ากลับบ้านยังไงหรอ?”
“ที่บ้านมารับน่ะ ตอนนี้รออยู่ที่หน้าโรงเรียน ออกไปพร้อมกันเลยมั้ย?” กัญพยักหน้าแล้วยิ้มกว้าง ทั้งสองพาชวนกันคุยเรื่องต่างๆ จนกระทั่งมาถึงบริเวณลานกว้างหน้าโรงเรียนซึ่งมีรถหรูเต็มไปหมด
“คนรวยนี่น่าอิจฉาจังเนอะ” กอหญ้าหันมามองคนข้างๆ แล้วหัวเราะ
“ไม่หรอกนะ ค่อนข้างเครียดลำบากใจทุกวันเลย”
“ทำไมล่ะ ก็รวยแล้วยังต้องมีอะไรให้คิดอีกหรอ” กัญถามด้วยความสงสัย กอหญ้าเงยหน้ามองขึ้นฟ้าก่อนจะหันมามองเพื่อนคนข้างๆ
“ต้องคิดว่าจะทำยังไงพรุ่งนี้ถึงจะไม่ล้มละลาย”
“....”
“เราเห็นพ่อแม่เครียดมาตั้งแต่เด็ก ท่านทำงานจนไม่มีเวลาให้ ทำงานอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้พลาด...ไม่ให้บริษัทล้มละลาย เพื่อลูกๆ อย่างเราจะได้โตมาในสังคมที่ดี เราต้องตอบแทนท่านโดยการตั้งใจเรียน และทำให้ตัวเองเป็นที่ชื่นชม มีหน้ามีตาในสังคมและสืบทอดธุรกิจด้วยความสามารถที่ไม่มีใครปฏิเสธได้”
“แต่การจะเป็นคนเก่งที่ไม่มีใครปฏิเสธได้มันไม่ง่ายเลยนะ” กัญว่า กอหญ้าพยักหน้าแล้วหัวเราะ
“เพราะงั้นเลยเครียดไง...รวยก็ไม่ใช่ว่าจะมีความสุขนะกัญ เพราะงั้นดีใจเถอะที่กัญกับแม่ได้ใช้ชีวิตอยู่แบบนี้” กัญชะงักมองกอหญ้าอย่างสงสัย กอหญ้ามองเพื่อนที่ทำหน้าสงสัยก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเผลอพูดอะไรออกไป...
“เราต้องกลับแล้ว กัญกลับดีๆ นะ พรุ่งนี้อย่ามาสายล่ะ” เด็กสาวรีบขอตัวและเดินออกไปจากจุดนั้น กัญมองกอหญ้าด้วยความสงสัย
“เมื่อกี้กอหญ้าพูดถึงแม่เรา....เราเคยพูดถึงคุณแม่เราให้ฟังรึเปล่า ก็ไม่นะ เราเพิ่งเคยเจอกันวันเดียวเองเราจะพูดได้ยังไง...” กัญขมวดคิ้วแน่นอย่างคิดวิตก ก่อนจะหยักไหล่เล็กน้อย
“ช่างเถอะกอหญ้าคงพูดไปแบบนั้นแหละมั้ง” คนตัวเล็กคิดง่ายๆ แบบนั้นแล้วเดินออกมาจากโรงเรียนไปที่คอนโดที่อยู่ไม่ไกลเดินไม่กี่นาทีก็ถึง
“เด็กคนนั้น....” ชายชราเอ่ยถามเด็กสาวหลังจากที่เธอขึ้นมาบนรถ
“กัญ...ลูกคนที่สี่ของคุณพิภพ” กอหญ้าหันไปมองคนตัวเล็กที่ยืนพูดคนเดียวด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปอีกคน มันทั้งเยือกเย็น และ...ดุดัน...
“งั้นหรอครับ เป็นเพื่อนกันแล้วงั้นหรอครับ” กอหญ้าพยักหน้า
“อืม ไม่คิดว่าจะเป็นเพื่อนกันเร็วขนาดนี้ ทั้งที่เป็นลูกของคุณพิภพแต่กลับไม่ระวังตัวเลยสักนิด
“เด็กคนนั้นอาจจะไม่รู้จักคุณพิภพก็ได้มั้งครับ คุณแม่อาจจะกีดกัน” ชายชราแสดงความคิดเห็น กอหญ้าพยักหน้า
“ฉันคิดว่าอาจจะใช่ วันนี้ฉันลองพูดเรื่องโรงเรียน พูดว่าผ.อ.พิภพเป็นคนสร้างที่นี่ และเมื่อท่านเสียไปผ.อ.ธิดาก็ขึ้นตำแหน่งแทน แต่ท่าทางของเขาดูเหมือนจะไม่รู้จักทั้งคู่” กอหญ้าว่าก่อนจะมองตามคนตัวเล็กพอๆ กับตัวเองที่เดินออกไปจากโรงเรียนช้าๆ
“หวังว่า....จะไม่รู้จริงๆ เพราะถ้าเธอแกล้งทำเป็นไม่รู้จักคุณพิภพ มันไม่จบลงที่นี่แน่....” เสียงหวานนิ่งเรียบต่างจากที่คุยกับกัญเอ่ยขึ้น ชายชรามองหน้าเด็กสาวที่เป็นนายของตนก่อนจะออกรถตรงกลับคฤหาสน์ของตระกูล
กัญเปิดประตูห้องเข้ามาก่อนจะวางของสดที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อไว้ที่ห้องครัวแล้วกระโดดลงโซฟาอย่างเหนื่อยล้า
“สบายจัง....โทร.หาคุณแม่ดีกว่า” คนตัวเล็กยิ้มร่าแล้วหยิบมือถือขึ้นมาติดต่อหาคนเป็นแม่ ไม่นานปลายทางก็รับสายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนนุ่มนวล
“ว่าไงลูกรัก หืม?” กัญยิ้มกว้างเมื่อได้ยินเสียงแม่
“แม่ครับ ทำอะไรอยู่ครับ”
“ทำอาหารอยู่จ้ะ วันนี้น้องกล้ากับคุณน้าจะมาทานอาหารบ้านเรา เสียดายที่ลูกไม่อยู่” กัญยู่ปากเล็กน้อย
“รู้งี้กัญขอกลับไปนอนที่บ้านดีกว่า”
“ได้ไงกันจ้ะ จากที่บ้านกับโรงเรียนหนูห่างกันตั้งห้าสิบโลเชียวนะลูก อยู่ที่นู้นให้สบายใจเถอะนะจ้ะ”
“ก็กัญคิดถึงอาหารฝีมือแม่นี่ครับ กัญทำอาหารไม่เป็นต้องกินจากร้านสะดวกซื้อ อย่างมากก็แค่ซื้อของสดมาใส่ในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป” กัญว่าแล้วมองไปทางถุงของสดอย่างเหนื่อยใจ
“ไม่อยากกินบะหมี่แล้วอ่าแม่ อยากกลับบ้าน”
“ฮ่าๆ อะไรกันไปได้ไม่กี่เดือน แถมยังเปิดเรียนแค่วันเดียวร้องไห้จะกลับบ้านแล้ว” คุณแม่หัวเราะเบาๆ กัญงอแงเล็กน้อยก่อนจะนึกขึ้นได้
“จริงซิ คุณแม่ครับ....กัญได้ยินเรื่องของคุณพ่อกับภรรยาและพี่ชายของกัญมาด้วย” คนตัวเล็กว่าอย่างตื่นเต้น คนเป็นแม่ชะงักไปเล็กน้อยและเงียบไป แต่กัญไม่รู้สึกตัวยังคงพูดถึงเรื่องที่กอหญ้าเล่าให้ฟังต่อด้วยความดีใจ
“โรงเรียนนี้เป็นของคุณพ่อจริงๆ ด้วยครับ แต่ตอนนี้ภรรยาของคุณพ่อที่ชื่อธิดาเขาขึ้นเป็นผ.อ.แหละ แล้วก็นะครับแม่ กัญได้เจอพี่ชายที่ชื่ออัฐแล้ว เพื่อนของกัญบอกว่าเขาเป็นลูกชายของคุณธิดา หมายความว่าเขาเป็นพี่ทายคนโตของพวกกัญใช่มั้ยครับ?” คนตัวเล็กเอ่ยถาม ปลายสายนิ่งไปก่อนจะตอบสั้นๆ
“จ้ะ”
“ดีจังได้เจอแล้ว พี่เขาหล่อมากเลยครับแม่ นี่แหละน้าคุณพ่อของเราออกจะหล่อขนาดนั้น คิกๆ กัญอยากให้พี่อัฐเขารู้จังเลยว่ากัญเป็นน้อง...”
“กัญ...” คนตัวเล็กชะงักเมื่อคุณแม่เอ่ยเรียกเสียงแผ่วเบา ก่อนกัญจะรู้สึกตัวว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไป..
“..ครับแม่..”
“แม่ไม่อยากได้ยินเรื่องของคุณพิภพ...ลูกช่วย เลิกพูดถึงได้มั้ยลูก ฮึก...” คนตัวเล็กเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อได้ยินเสียงสะอื้นไห้ของคุณแม่
“แม่ครับ! กัญขอโทษ กัญดีใจมากเกินไปจนลืมว่าแม่ไม่อยากรับรู้..กัญ...ขอโทษนะครับ...” คนตัวเล็กเม้มปากกลั้นสะอื้น ทั้งสองต่างเงียบอยู่อย่างนั้นจนคนเป็นแม่ค่อยๆ พูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
“หนูตั้งใจเรียนนะลูก จบมาจะได้งานดีๆ นะจ้ะ แม่เป็นกำลังใจให้เสมอ ถ้าหยุดยาวก็กลับมาหาแม่บ้างนะกัญ”
“แม่...”
“แม่รักลูกนะจ้ะ ลูกของแม่....” กัญพยักหน้าก่อนจะหลับตาพริ้ม
“ครับ แค่นี้นะครับแม่...” คนตัวเล็กกดตัดสายก่อนจะยกมือปิดหน้าซ่อนใบหน้าที่ร้องไห้ไว้
แม่กับคุณน้าที่เป็นฝาแฝดกันถูกคุณตาขายให้คุณพ่อ คุณพ่อรับทั้งสองเป็นภรรยาลับๆ ไปอยู่ที่บ้าน แต่เพราะต้องทำงานหนักไปต่างประเทศบ่อยๆ ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาให้ภรรยา คุณแม่และคุณน้าโดนคนที่ชื่อธิดาที่ได้ชื่อว่าเป็นเมียหลวงกลั่นแกล้งสารพัดแม้กระทั่งตอนที่คุณแม่ท้องกัญหกเดือน คุณธิดายังทำร้ายร่างกายแม่จนแม่ทนไม่ได้พาคุณน้าออกมาอยู่ข้างนอก โดยที่คุณพ่อไม่รู้
แต่หลังจากที่กัญเกิดมาคุณพ่อมาหากันเสมอโดยที่คุณแม่ไม่รู้ กัญจำได้ว่าคุณพ่อใจดีกับกัญและลูกชายของคุณน้า น้องชายคนสุดท้ายของตระกูล คุณพ่อจะยิ้ม และบอกว่า
“สมกับที่เป็นลูกของพ่อ”
แต่วันหนึ่งคุณพ่อดันเจอกับคุณแม่และคุณน้า ทั้งสามคนมีปากเสียงกัน...แล้วไม่รู้ทำไม คุณพ่อถึงพูดแบบนั้นออกไป
“พวกเธอมันก็แค่ผู้หญิงที่ถูกขายตัวใช้หนี้! ฉันไม่คิดจะสนใจผู้หญิงไร้ค่าอย่างพวกเธอ! สิ่งที่ฉันต้องการมีเพียงแค่สายเลือดของฉันทั้งสองคนเท่านั้น!”
วันนั้นคุณแม่และคุณน้าโกรธจนตบตีคุณพ่อและไล่ออกจากบ้าน...แล้วพวกเราก็ไม่เจอคุณพ่ออีกเลย จนได้ข่าวว่าคุณพ่อเสียไปแล้ว และคนที่ได้สมบัตรทั้งหมดคือ อัฐ ลูกชายคนโตของตระกูล...
ไม่มี
ให้พวกเราที่เป็นสายเลือดสักนิด
นั่นทำให้คุณแม่และคุณน้าเกลียดพ่อยิ่งขึ้นกว่าเดิม
แต่ไม่ใช่กับกัญ ถึงจะโดนแย่งพ่อไป ถึงจะไม่ได้อะไรเลย แต่เขายังจำได้เสมอว่าพ่อรักเขามากแค่ไหน และพ่อก็ชอบพูดชื่อของพี่ชายคนโตเสมอว่าพี่ชายของเขา อ่อนโยน น่านับถือ เก่ง ฉลาดมาก พ่อรักพี่มากๆ และรักพวกเราสองคน พ่ออยากให้กัญ น้องกล้า และพี่คนโตมาเจอกันและดูแลกัน
เพราะงั้น ตอนที่รู้ว่าโรงเรียนที่สอบชิงทุนติดเป็นโรงเรียนของคุณพ่อ กัญเลยตื่นเต้น และขอแม่มาทั้งๆ ที่แม่เสียใจแต่อย่างน้อยเขาก็อยากเจอพี่ชายแท้ๆ บ้าง
...พี่ชายคนโตที่แสนใจดีที่พ่อชอบพูดถึง...พี่อัฐ....
ยิ่งเรียนกัญยิ่งเข้าใจว่าทำไมเรียนจบจากที่นี่ ต่อให้ได้เกรดหนึ่งก็สามารถเข้ามหาลัยชั้นนำของประเทศ ไปต่อนอกได้สบายๆ หรือทำงานตำแหน่งดีๆ...
ก็เพราะการเรียนการสอนมันหินสุดๆ ชนิดที่ว่าคนตัวเล็กไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่นต้องนั่งจำสูตรของวิชาต่างๆ นี่ซิ!
“กัญนี่เก่งเนอะ” กอหญ้าว่าแล้วกัดขนมปังคำโต กัญมองหน้าเพื่อนก่อนจะถอนหายใจ
“เราจะตายอยู่แล้วกอหญ้า การเรียนที่นี่มันอะไรกัน หลักสูตรมันไม่ใช่ของมอปลายแล้วนะ ก่อนเปิดเรียนเราก็อ่านหนังสือที่ซื้อมาและที่โรงเรียนให้มาอย่างดี แต่ทำไมมันไม่เห็นเหมือนกันเลย!” กอหญ้ามองท่าทางหัวเสียของเพื่อนสนิทแล้วหัวเราะเบาๆ
“ก็บอกตั้งแต่วันเปิดเรียนแล้วว่ามันเป็นหลักสูตรป.โท ทุกวิชา ไม่เน้นเรียนมากเน้นการทดลอง และจำด้วยตัวเอง แต่ถึงจะบอกว่าไม่เน้นเนื้อหา...แต่ใช่ว่าจะไม่ต้องจำสูตรนี่เนอะ”
“นั่นซิ ทั้งๆ ที่ยากขนาดนั้นแต่ทำไมคนอื่นถึงดูชิลนักล่ะ” กัญถามงงๆ กอหญ้าหัวเราะอีกครั้ง
“เราทุกคนที่นี้ล้วนแต่เป็นคุณหนู ทายาทร้อยล้าน การเรียนของเรามันต่างจากคนธรรมดาตั้งแต่เด็กแล้ว แค่นี้มันไม่เท่าไหร่หรอก บางคนในห้องเรานะ....สอบเอกได้สบายๆ” กัญเบิกตากว้างก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก
“เข้าใจแล้ว! ถึงว่า ใจดีที่นั่งหลับตลอดคาบทุกวิชา ทำไมตอนสอบคะแนนเก็บใจดีถึงได้เยอะขนาดนั้น!” กอหญ้าเอียงคอเล็กน้อย
“คะแนนเยอะ? สอบที่ผ่านมาน่ะหรอ”
“อื้อ เรานะตั้งใจเรียน ตั้งใจฟัง ทั้งจด ทั้งบันทึกเสียง กลับไปอ่านหนังสือวันละสี่ชั่วโมง ตื่นเช้ามาก็อ่านอีกหนึ่งชั่วโมง ได้คะแนนเจ็ดสิบเก้าเต็มร้อย....แต่ใจดีน่ะ หลับทุกคาบ! ได้ตั้งเจ็ดสิบสาม!” กอหญ้าที่ได้ยินแบบนั้นก็หลุดหัวเราะ
“หมอนั่นทำแบบนั้นอีกแล้ว...ฮ่าๆ” กัญมองหน้าเพื่อนสาวงงๆ
“อะไรหรอ?”
“ก็เรื่องง่ายๆ ใจดีไม่ได้ฉลาด เก่ง หรืออะไรหรอกนะ ก็แค่...เอาเงินไปซื้อเฉลยข้อสอบจากอาจารย์อย่างที่ทำมาตลอดแหละ” กัญเบิกตากว้างตกใจอีกครั้ง คนตัวเล็กเผลอบีบขนมปังในมือแน่น
“จริงหรอ!”
“อื้อ ตั้งแต่ป.6ได้มั้ง...ยื่นเงินให้แล้วบอกว่าอยากรู้เฉลย ไม่ก็ ยื่นเงินให้แล้วบอกให้อาจารย์ปัดคะแนนให้สูงๆ พวกคนรวยที่ใช้วิธีนี้ก็มีเยอะ อย่างใจดีนี่ทำมานานจนฉันเองยังอยากรู้เลยว่าหมอนั่นมีความสามรถขนาดไหนกันนะ เผลอๆ อาจจะโง่มากก็ได้” กัญเบะปากนิดหน่อย
“ทำแบบนี้ได้ไงไม่โดนลงโทษหรอ”
“พวกอาจารย์เขาก็อยากได้เงิน ต่อให้โดนจับได้ก็เอาเงินปิดปากอยู่ดี แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่ทำแบบนี้ คนอื่นๆ ที่ตั้งใจเรียนแล้วได้คะแนนดีก็มีเยอะแยะ....อย่างนายใจดีนี่หนึ่งในล้านเลย คนอะไรไม่รู้เลวจนนึกภาพตอนหมอนั่นเข้าวัดไม่ออก” กัญหัวเราะกับคำพูดของเพื่อนก่อนจะมองหนังสือตัวเองที่กำลังอ่านแล้วพูดขึ้นมา
“แล้วพี่อัฐ...จะใช้วิธีแบบใจดีรึเปล่านะ” กอหญ้าชะงัก ตากลมโตน่ารักแปรเปลี่ยนเป็นดุดันในชั่วพริบตาก่อนจะเป็นเหมือนเดิม
“อะไรกัน พี่อัฐหรอ? นี่อย่าบอกนะว่าชอบพี่อัฐคนนั้นน่ะ?” กัญสะดุ้งก่อนจะส่ายหน้า
“เปล่าๆ ไม่ใช่นะ”
“งั้นหรอ...ดีแล้วล่ะ อย่าชอบเลย..” กัญมองหน้ากอหญ้าที่ทำหน้าสบายใจก่อนจะพยักหน้า
“อื้อ เราไม่ชอบพี่ชะ...เอ่อ เราไม่ชอบพี่อัฐหรอก เขาเป็นผู้ชายเหมือนเรานะ ถ้าจะชอบ ชอบกอหญ้าดีกว่า”
ฟิ้ว~
ตุบ!
“เอ๊อะ!!”
“กัญ!!”
“เหี้ย!!”
“มีคนเตะบอลโดนหน้าคน!! อาจารย์ค้า!!”
“มะ เมื่อกี้....ลูกบอล..ทำไมมันเด้งมาหาเรา...อ๊อก~”
“กัญ!!!”
คนตัวเล็กล้มลงไปกับพื้นหญ้าเทียมโดยมีเพื่อนสาวร้องเรียกตลอด
ลูกฟุตบอลที่กลิ้งอยู่ค่อยๆ หยุดนิ่งลงข้างๆ ใบหน้าของคนตัวเล็กที่ตอนนี้แดงเถือกและที่จมูกก็มีเลือดไหลออกมา...
“ไอ้ดี! มึงทำอะไรของมึง! กูฝากมึงถือลูกบอลแปปเดียวมึงเตะไปโดนคนแล้ว! แล้วนั่น เห้ย! ไอ้กัญห้องเดียวกับเราแล้วก็กอหญ้านี่! นี่มึง...!”
“ทำไมห้ะ! กูเตะไปอัดหน้ามันแล้วทำไม!” ใจดีตะหวาดใส่เพื่อนอย่างไม่พอใจ เพื่อนของเขามองใจดีสลับกับกัญที่ตอนนี้ถูกอาจารย์อุ้มไปที่ห้องพยาบาลแล้ว
“มึงมีเรื่องอะไรกับมันเปล่าวะ ไอ้กัญอ่ะ กูเห็นนะทุกครั้งที่มันมากินข้าวที่นี่ มึงจะมานั่งหลบๆ แอบๆ ซอกตรงนี้ตลอดเลย”
“เสือก”
“กูถามดีๆ นะเว้ย ถ้ามึงไม่พอใจมันมึงก็ใช้เงินบังคับให้อาจารย์ไล่มันออกดิวะ มันเป็นเด็กทุนคงจนจะตายไม่มีปัญญาหาเงินมาเข้าที่นี่อีกหรอก” ใจดีตวัดตามองเพื่อนที่พูดก่อนจะกระตุกยิ้ม
“ถ้ามันง่ายก็ดี กอหญ้าแม่งดูเหมือนจะชอบใจไอ้เหี้ยกัญ...ถ้ากูทำมันออก กอหญ้าเอากูตาย”
“ที่แท้ก็กลัวกอหญ้า กูล่ะเบื่อ มึงชอบกอหญ้ามาตั้งหลายปี จัดการทุกคนที่มายุ่งกับกอหญ้า แล้วทำไมไม่พูดไปวะ แถมต่อหน้ายังไปด่า ไปว่าอีก” เพื่อนของใจดีส่ายหน้าไปมาอย่างระอาใจ
“ก็แม่ง...กูเป็นแบบนี้ไง ไม่ได้ดีเหมือนคนอื่น”
“แล้วทำไม อย่าบอกนะว่าที่ดูไม่ค่อยชอบไอ้กัญแล้วต้องมาหลบๆ ซ้อนๆ ในหลืบเวลาพวกอยู่กันสองคนเพราะมันสนิทกับกอหญ้ามาก แต่เพราะกอหญ้าถูกใจกัญ ไม่เหมือนผู้ชายคนอื่นที่กอหญ้าไม่สนใจ เลยทำอะไรไอ้กัญมันไม่ได้เพราะกลัวกอหญ้าโกรธ?” เพื่อนคนนั้นถาม ใจดีพยักหน้าก่อนจะกำหมัดแน่น
“ไม่ใช่แค่นั้นนะ กูดูออกว่ากอหญ้าไม่ได้ชอบไอ้เตี้ยนั่นแบบแฟน แค่ชอบแบบเพื่อน แต่ไอ้เตี้ยนั่นน่ะกูดูไม่ออกเลยกูเลยต้องระวัง แล้วแม่งเมื่อกี้มันบอกจะขอกอหญ้าคบอีก กูเลยเผลอเตะบอลที่มึงเอามาฝากกูอัดหน้าแม่ง” ใจดีว่าก่อนจะกุมขมับ
“เมื่อกี้กอหญ้าเห็นกูด้วย แม่งโกธรกูอีกแน่ๆ เพราะไอ้เตี้ยกัญคนเดียวเลย!”
“เพราะมึงแหละ!” เพื่อนคนนั้นว่าก่อนจะวิ่งไปที่ห้องพยาบาลเพราะเป็นห่วงกัญ ปล่อยให้ใจดีโวยวายคนเดียวเพราะกังวลว่าจะโดน กอหญ้า คนที่ตัวเองแอบรักมาตลอดโกรธจริงจัง...
100%
#โปรดติดตามตอนต่อไป....
กดไลค์ คอมเม้นต์ เป็นกำลังใจด้วยนะจ้า
1 คอมเม้ต์ = 1 กำลังใจ
ขอบคุณนักอ่านทุกๆ ท่านที่อ่าน สนับสนุน เด้ออออ ???

