ตอนที่ 10 ขอร้องผมสิ
“แน่นมากคุณแม่เลี้ยง อยากใส่เข้าไปจัง...”เสียงทุ้มแหบพร่า ฉกจูบริมฝีปากบางบดขยี้ดูดดุนหิวกระหาย ร่างบางอ่อนระทวยเสียวซ่านทั่วร่างแทบยืนไม่ไหว
“คุณกร ฉันจะ ใกล้.....”ริมฝีปากบางถอนออกสีหน้าเหยเกความเสียวพุ่งพล่านใกล้สำเร็จความใคร่ นิ้วแกร่งหยุดชะงักนิ่งในช่องทางรักคับแน่น
“ขอร้องผมสิ....”ปากหนายกยิ้มจ้องมองเจ้าเล่ห์ สายตาหวานหลุกหลิกกำลังอิ่มเอมไม่อยากขาดช่วง
“ขอร้อง....”เสียงหวานแผ่วเบา กายหนารีบผละออกปลดกระดุมกางเกงงัดความแข็งแกร่งออกมาอย่างลนลาน
“ฉันไม่ได้หมายถึงอันนี้”หญิงสาวหน้าเหลอหลาที่เห็นความแข็งแกร่งตรงหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว
“ผมหมายถึงอันนี้”เขาเสียงก้มมองความแข็งแกร่งของตัวเองแล้วเบียดตัวเข้าแนบชิดถูไถความแข็งแกร่งตรงหน้าท้องน้อย
“เดี๋ยวก่อน ฟังกันบ้างสิ!”มือเรียวทุบตีผลักดันเขาให้ออกอย่างตื่นตระหนกไม่คิดว่าเขาจะจู่โจมเร็ว
“คุณกรคะ คุณกร!”เสียงป้าพวงร้องเรียกเสียงดังพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่กำลังเดินมาจุดที่ทั้งคู่อยู่ ทั้งสองสะดุ้งหญิงสาวรีบวิ่งหนีไปแอบหลังพุ่มไม้ดัดขนาดใหญ่ พงศกรรีบใส่กางเกงอย่างรวดเร็ว
“อยู่นี่เอง”
“ว่าไงครับป้า”พงศกรแสร้งยิ้มกลบเกลื่อนเหงื่อผุดริมหน้าผาก
“คุณทนายมาแล้วค่ะ”
“นัดพรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอครับ?”
“คุณอา โทรไปเร่งค่ะทนายเลยรีบมา......”
“ครับ”เขาตอบรับแล้วเดินไปที่บ้าน ป้าพวงเดินตามหลังมองอย่างสงสัย
“ปวดท้องหรือเปล่าคะเดินตัวงอ”
“ครับใช่ ปวดท้อง”พงศกรหันไปยิ้มแหย ๆ เอามือกุมเป้ากางเกงที่ยังแข็งตุงแล้วรีบเดินต่อ ด้านอิงอรที่แอบอยู่ถอนหายใจโล่งอกที่รอดมาได้เกือบพลาดมีชู้ก่อนเปิดพินัยกรรมเสียแล้ว.......
ภายในห้องรับแขกของบ้าน
ไม่นานนักทุกคนที่เกี่ยวข้องก็นั่งอยู่ห้องรับแขก พงศกรกับญาติ ๆ นั่งอยู่บนโซฟารับแขกบรรดาเมียน้อยและอิงอรนั่งพับเพียบอยู่ที่พื้นห้อง
เปิดพินัยกรรม
“อนุของท่านอำนาจที่มีรายชื่อในเอกสารฉบับนี้รับเงินสดคนละหนึ่งล้านบาท น้องชายและน้องสาวของท่านอำนาจที่มีลำดับรายชื่อดังนี้.........ได้ส่วนแบ่งที่ดินคนละสิบไร่เท่าๆ กัน”คุณทนายพูดจบก็หยิบเอกสารอีกฉบับขึ้นมา
“ของน้อง ๆ มีอีกไหมคะ”อาณีเอ่ยถามเธอคิดว่าต้องได้มากกว่านี้
“หมดแล้วครับ”สิ้นเสียงคุณทนาย ญาติ ๆ ร้องโห่เสียงดังไม่พอใจที่ได้น้อย คุณทนายไม่สนใจเริ่มพูดต่อ
“บ้านหลังนี้และที่ดิน บ้านที่ปล่อยเช่าในกรุงเทพสามหลัง ที่ดินหนึ่งร้อยไร่ เงินสดในบัญชี และเครื่องเพชรทองในตู้เซฟธนาคารตู้เซฟที่บ้านนี้ ยกให้นายพงศกรลูกชายที่ถูกต้องตามกฎหมายเพียงผู้เดียว”
“ตากร หลานอา ดีใจด้วยนะลูก”อา ๆ ยิ้มกว้างดีใจราวกับได้มรดกกันเสียงเอง
“นี่ก็แสดงว่าอิงอรเมียจดทะเบียนไม่ได้อะไรเลยงั้นสิ”อาณียิ้มเย้ยพูดแขวะอิงอร พงศกรเหลือบมองอิงอรที่นั่งก้มหน้านิ่งไม่ได้รับมรดกอะไรเลย
“ในพินัยกรรมระบุไว้ว่า ทรัพย์สินทั้งหมดจะเป็นของนายพงศกรโดยสมบูรณ์ต่อเมื่อนายพงศกรเซ็นต์รับรองเอกสารว่าจะทำการดูแลเลี้ยงดูและให้นางอิงอรมีส่วนร่วมในกองมรดกที่ได้รับไปเทียบเท่ากับเป็นเจ้าของอีกคนหนึ่ง”
“ห๊ะ! นี่มันพินัยกรรมบ้าอะไร!”ลุงทรหลุดโวยวายทันที คุณทนายเหล่มองเล็กน้อย
“นั่นหมายความว่าคุณอิงอรกับคุณพงศกรได้รับสิทธิในมรดกร่วมกันหากคุณพงศกรไม่เซ็นต์เอกสารคุณอิงอรจะได้บ้านหลังนี้ ส่วนคุณพงศกรจะได้รับบ้านที่กรุงเทพสามหลัง ที่ดินหนึ่งร้อยไร่ ส่วนเครื่องเพชรและทองในตู้เซฟ และเงินในบัญชี จะถูกนำไปบริจาคการกุศลตามสมควร”คุณทนายส่งเอกสารยื่นให้พงศกรเขารับไว้อ่านข้อความในกระดาษ
“ผมขอเวลาตัดสินใจ ขอเอกสารไว้ดูรายละเอียดด้วย”
“ภายในพรุ่งนี้นะครับ”คุณทนายพยักหน้าเก็บเอกสารทั้งหมดลงกระเป๋า
“คุณพี่คิดอะไรอยู่ให้นางนี่มันมีสิทธิร่วมกับลูก บ้าไปแล้ว”อาณีฉุนเฉียว
“ทำแบบนี้ก็ยกบางอย่างให้มันไปเลยไม่ง่ายกว่าหรือไง”อาน้องพูดเสริมเสียงเหวี่ยง
“ถ้าเซ็นต์ก็เหมือนกรแบ่งทรัพย์สินกับมันคนละครึ่ง แต่ถ้าไม่เซ็นต์กรก็ยังได้เยอะที่ดิน หนึ่งร้อยไร่หน้ากว้างติดถนนขายได้ไม่ต่ำกว่าร้อยล้านเลยนะ”อาณีหันไปหาพงศกรที่นั่งนิ่งมองญาติ ๆ เดือดร้อนกับมรดกของเขา
“ขอตัวนะครับ”ร่างหนาลุกขึ้นเดินหนีเหล่าญาติไปดื้อ ๆ ทำเอาทุกคนหน้าเหวอไปตาม ๆ กัน เขาเดินขึ้นห้องไปพร้อมกับเสียงซุบซิบนินทาไล่ตามหลัง ชายหนุ่มเหนื่อยหน่ายกับเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ที่พ่อเขาหามาได้มากมายแต่ไม่อาจซื้อความรักจริงใจจากใครได้มีแต่คนรักสมบัติของพ่อเท่านั้น
