ตอนที่1
ชายหนุ่มส่งยิ้มให้หญิงสาวเบื้องหน้าที่อีกไม่นานจะกลายมาเป็นเจ้าสาวของเขา ชลากรส่งสายตามองไปทางเอมอรผู้เป็นลูกสาวของเพื่อนแม่และเป็นคนที่เขาจะต้องแต่งงานด้วย
"ยังไงก็ให้เด็กๆ หมั้นหมายกันไปก่อนดีกว่านะคะ" เสียงของฝั่งแม่คู่หมั้นเอ่ยขึ้นอย่างยิ้มๆ
"ได้สิคะ เพราะยังไงตอนนี้หนูอรก็ยังเรียนไม่จบ กรรอน้องได้ไหมลูก"
"ครับแม่" ชลากรตอบเต็มเสียง เพราะเขากับเอมอรชอบพอและคบหากันอยู่ก่อนแล้ว เมื่อผู้เป็นแม่บอกว่าเขาต้องแต่งงานกับเธอ ชลากรเลยไม่ปฏิเสธให้เสียเวลาอย่างไรเขาก็ไม่ได้คิดมีใจให้ใครอื่นอยู่แล้ว
ทว่าทางด้านฝ่ายหญิงกลับมีแววตาที่ไม่สุกใสเอาเสียเลย แม้ริมฝีปากจะคลี่ยิ้มแต่นัยน์ตาดูเศร้าสลดราวกับว่ามีเรื่องทุกข์ใจที่ไม่สามารถบอกใครได้
"อร ดีใจไหมที่เราจะได้แต่งงานกันหลังเรียนจบ" เสียงทุ้มเอ่ยถามว่าที่เจ้าสาวในอนาคต
"ดีใจสิคะพี่กร แต่จะมีวันนั้นจริงๆ ใช่ไหมคะ"
"ทำไมถามแบบนี้ล่ะ อีกไม่ถึงปีอรก็เรียนจบแล้ว พี่รอได้" ชลากรคิ้วขมวดขดเป็นปมใหญ่กับคำถามของเอมอรที่ดูไม่ค่อยมั่นใจว่าจะได้แต่งงาน
"อรกลัวจะอยู่ไม่ถึงวันนั้นค่ะ" คำพูดเป็นลางของหญิงสาวทำให้ชลากรเริ่มใจไม่ดี
"แล้วอรจะไปไหน เราต้องแต่งงานกันก่อนสิ" เขาแสร้งทำเป็นไม่สนใจแม้ในใจจะรู้สึกไม่ดีกับคำพูดของเธอเลย แล้วยิ่งมองผ่านแววตาของเธอนั้นก็ยิ่งคาดเดาอะไรไม่ได้เลย
"ขอบคุณนะคะพี่กร ที่ยังรออร แต่ถ้าระหว่างนี้พี่รักใครก่อนก็บอกอรนะคะ อรจะถอนหมั้นให้"
"พี่บอกแล้วไงว่าจะรออร พี่สัญญากับอรแล้วพี่ไม่ลืมหรอก" เขาเคยให้คำมั่นกับเอมอรว่าหลังจากเธอเรียนจบทั้งคู่จะแต่งงานกัน ซึ่งแม่ของเขาก็เห็นดีเห็นงามด้วยเพราะครอบครัวของเอมอรถือว่ามีฐานะที่เทียบเคียงกับเขาได้
พิธีหมั้นหมายถูกจัดขึ้นภายในบ้านหลังใหญ่เพื่อเป็นการประกาศว่าชลากรและเอมอรได้มีคู่หมั้นที่ต้องแต่งงานด้วยแล้ว สองครอบครัวยินดีกับการหมั้นหมายครั้งนี้มากยกเว้นเสียแต่เอมอรที่ดูไม่มีความสุขมากนัก
"ยิ้มหน่อยสิยัยอร" น้ำเสียงกัดฟันกระซิบข้างหูผู้เป็นลูกสาวให้ยิ้มเสียบ้าง
เอมอรส่งยิ้มหวานให้คนตรงหน้าตามคำสั่งของคนเป็นแม่ เธอเองก็มีใจใหัชลากรแต่ชีวิตของเธอตอนนี้ไม่มีความสุขเลยสักนิด ไม่มีใครรู้ว่าตั้งแต่เกิดมาเธอถูกครอบครัวกดดันมากแค่ไหน
"เรียนจบแล้วเราแต่งงานกันนะ" เสียงทุ้มให้คำมั่นกับเธออีกครั้ง แม้เขาจะเรียนจบก่อนเธอมาแล้วแต่ชลากรก็รอได้ เพราะระหว่างนี้เขาต้องเรียนรู้งานที่บริษัทต่อจากผู้เป็นพ่อ
งานหมั้นหมายสิ้นสุดลงหลังจากฝ่ายชายได้มอบสินสอดจำนวนหนึ่งให้กับแม่ของฝ่ายสาวเพื่อเป็นการรับประกันว่าทั้งคู่จะได้เกี่ยวดองกันในไม่ช้า แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าอนาคตต่อจากนี้จะมีอะไรเกิดขึ้น หลังจากงานหมั้นชลากรก็ได้เข้าทำงานในบริษัทของตระกูลที่ตอนนี้มีพ่อของเขาบริหารดูแลอยู่ ชลากรไม่ได้หวังจะได้ขึ้นเป็นผู้บริหารในตอนนี้เพราะเขาเองยังไม่พร้อมขนาดนั้น และพ่อของเขาก็ไม่ได้บังคับขู่เข็ญแต่อย่างใด
วันเวลาผ่านล่วงเลยไปหลายสัปดาห์หลังจากพิธีหมั้นจบลง ชลากรที่ยุ่งอยู่กับงานจนไม่มีเวลาไปเจอเอมอรในช่วงที่ผ่านมา เขารู้สึกผิดที่ปล่อยปละละเลยเธอ แต่ทว่าทุกครั้งที่โทรไปอีกฝ่ายก็ไม่ค่อยรับสาย หรือบางครั้งที่รับสายก็จะรีบวางอ้างว่ามีธุระต้องทำ
"สวัสดีครับคุณน้า อรอยู่ไหมครับ" ชลากรใช้เวลาช่วงวันหยุดมาหาเอมอรที่บ้านเพื่อเป็นการชดเชยที่เขาไม่ได้เจอเธอเลย
"อยู่ข้างบนห้องจ้ะ ขึ้นไปหาน้องสิลูก" แม่ของเอมอรเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มส่งให้ว่าที่ลูกเขย ชลากรก้มหัวน้อยๆ ก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นสองด้วยความเคยชิน
ก๊อก...ก๊อก
"อร พี่เข้าไปได้ไหม" ชลากรส่งเสียงเรียกคนรัก แต่ด้านในยังเงียบสนิทไม่มีเสียงเล็ดรอดออกมา
"อร หลับเหรอ" เมื่อคิดได้ว่าเธออาจจะพักผ่อน ร่างหนาจึงตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปด้านใน
"อร!" ทันทีที่ประตูถูกเปิดออก ภาพตรงหน้าทำให้เขาส่งเสียงตะโกนดังลั่นออกมา
ดวงตาเบิกกว้างพยายามรวบรวมสติที่มีอยู่น้อยนิด สิ่งที่เขาเห็นคือร่างของเอมอรที่ห้อยโตงเตงกับเชือกสีขาวอยู่กลางห้อง ด้านล่างมีกระดาษหนึ่งแผ่นกับเก้าอี้ที่ล้มอยู่บ่งบอกว่าเธอตั้งใจจะทำอะไร
"อร! อร!" ชลากรทิ้งของทุกอย่างในมือรีบวิ่งไปอุ้มร่างเล็กลงมาที่พื้น ทว่าใบหน้าสวยซีดเผือดริมฝีปากแห้งพร่าไม่มีลมหายใจอีกต่อไป
"เรียกรถพยาบาลทีครับ!" เสียงตะโกนของชลากรที่ดังสนั่นไปทั่วบ้านส่งผลให้แม่ของเอมอรรีบวิ่งมาดู
"ยัยอร!" ผู้เป็นแม่เรียกลูกสาวที่นอนแน่นิ่งอยู่ในอ้อมแขนของชลากรอย่างคนสติหลุด
ชลากรรวบรวมสติที่ยังพอมีโทรเรียกรถพยาบาลทั้งน้ำตา เขาหวังในใจเล็กๆ ว่าเอมอรยังมีชีวิตอยู่ แต่เนื้อตัวที่เคยอุ่นกลับเย็นเฉียบจนแทบไม่หลงเหลืออุณหภูมิในร่างกาย
ไม่นานร่างอันแน่นิ่งของเอมอรก็ถูกนำส่งโรงพยาบาล คุณหมอส่ายหน้าเพราะหาชีพจรของเธอไม่เจอ อีกทั้งอุณหภูมิที่เย็นเฉียบของร่างกายบ่งบอกได้ว่าเธอเสียชีวิตมาอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าสองถึงสามชั่วโมง
"ฮึก...อร" มือหนาสัมผัสร่างของคนรักที่นอนนิ่งไม่ไหวติ่งบนเตียงพยาบาล ร่องรอยของเชือกบนคอสวยทำให้ชลากรแทบล้มทั้งยืน แม้เขาจะแมนอกสามศอกแต่พอเจอกับตัวเองก็แทบจะไปต่อไม่ถูก
การสูญเสียคนที่รักก่อนจะได้แต่งงานกันกลายเป็นปมฝังใจของเขานับจากนี้ ชลากรมองคนรักทั้งน้ำตาที่ไหลรินอาบแก้มทั้งสองข้างก่อนจะก้มลงจุมพิตที่หน้าผากมนของเธออย่างแผ่วเบา
"ไม่ต้องห่วงอะไรแล้วนะ อรพักผ่อนเถอะ" เสียงทุ้มพร่ำบอกคนรักที่จากไปอย่างไม่หวนกลับมา
งานฌาปณกิจของเอมอรถูกจัดขึ้นหลังจากเพิ่งผ่านพิธีหมั้นหมายมาเพียงเดือนเดียว แขกที่มาร่วมงานต่างพากันสงสัยในการเสียชีวิตของเอมอรที่จากไปด้วยวัยเพียงยี่สิบปี ทุกคนต่างคิดไปว่าเธอมีปัญหาบาดหมางกับชลากรจนเกิดการคิดสั้นฆ่าตัวตาย ทว่าไม่มีใครรู้เหตุผลจริงๆ ว่าเอมอรคิดอย่างไรถึงได้ตัดสินใจเช่นนี้
