ตอนที่ 4
“เชิญนั่งครับ ภัทราภา”
หล่อนเห็นคนที่กำลังนั่งในท่าสบายๆ หลังเอนพิงพนักเก้าอี้เบื้องหน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ของพิธิวัต ซึ่งเป็นเจ้าของห้อง ขยับตัวนั่งตรง
ภัทราภานั่งลงที่เก้าอี้ที่ว่างอยู่ข้างจักรภัทร ซึ่งชะงักไปทันทีที่หันมามองหล่อน
ภัทราภาไม่ประหลาดใจ เพราะรู้อยู่แล้วว่าคนที่หล่อนชน และยืนคุยกับเขานับประโยคได้เช้าที่ผ่านมาเป็นใคร
จักรภัทรงันไปจริงๆ เขาคาดไม่ถึงว่าจะเป็นหล่อน แม้จะสะดุดตั้งแต่แรกเหมือนจะเคยพบหล่อน หรือรู้จักคนหน้าตาคล้ายหล่อนมาก่อน
หล่อนเหมือนพ่อของหล่อนมากจริงๆ
จักรภัทรคิดขึ้นได้แค่นี้ก็โกรธวูบ
คำถามแรกที่ผุดขึ้นอย่างกราดเกรี้ยวในใจเขาก็คือ ทำไม ผู้หญิงฉ้อฉล ทำการยักยอกทรัพย์บริษัทที่เขาเป็นเจ้าของจะต้องเป็นผู้หญิงคนนี้
เขาดูว่าหล่อนใสซื่อ นอกจากความงามที่บาดตา ไม่คิดจริงๆว่าแท้ที่จริงแล้วหล่อนเป็นคนคดในข้องอในกระดูก
จักรภัทรยิ่งโกรธ เมื่อนึกได้ว่าเขาเกือบหลงเสน่ห์หล่อนเข้าแล้ว แม่มดสมัยใหม่ที่มาในคราบนางฟ้าที่ดูบริสุทธิ์แต่หัวจรดเท้า
เขายังพูดไม่ออก แม้แต่จะเอ่ยปากทักทาย เพราะหัวใจเขาเหมือนมีไฟสุม
หล่อนกล้าดียังไง ทำให้เขาเกือบกลายเป็นไอ้โง่ เผลอใจให้ผู้หญิงขี้ช่อ!
จักรภัทรไม่ทันคิดถี่ถ้วน ทั้งที่ปกติเขาเป็นคนฉลาดรอบคอบ ว่าทำไมความรู้สึกที่เขามีต่อบุตรสาวของโอฬาร ธรทัต จึงรุนแรงนัก
เขาสรุปได้แต่เพียงว่า เขาจะต้องจัดการกับผู้หญิงคนนี้ ต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อมอบเป็นบทเรียนแก่หล่อน ที่บังอาจเอาหน้าสวยใสดูซื่อบริสุทธิ์มาหลอกลวงเขา มาทำให้เขาเห็นผิดเป็นชอบ เห็นกงจักรเป็นดอกบัว!
ภัทราภานั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างของห้องพักพิเศษของโรงพยาบาล
หล่อนคิดถึงเหตุการณ์ที่บริษัทในช่วงวันที่ผ่านมา
ไม่มีอะไรที่หล่อนกลัวเกิดขึ้น
พิธิวัตเรียกหล่อนไปก็เพื่อจะสอบถามอะไรบางอย่างเกี่ยวกับงาน
เมื่อหล่อนให้คำตอบที่เขาต้องการแล้ว เขาก็อนุญาตให้หล่อนกลับไปทำงานต่อได้
หล่อนรู้สึกโล่งใจ แต่ก็ยังไม่สบายใจ หล่อนจะปิดบังความจริงไปได้สักกี่น้ำ โดยเฉพาะเมื่อมีการตรวจสอบบัญชีอย่างละเอียดขึ้นมา
มีเสียงเคาะประตูเบาๆ
ภัทราภาชำเลืองดูบิดาที่ยังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ก่อนลุกไปเปิดประตู
หล่อนแทบหัวใจหยุดเต้น เมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่หน้าประตู
“ผมมาเยี่ยมคุณพ่อของคุณ”
จักรภัทรพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“ท่านกำลังหลับค่ะ คุณหมอสั่งให้พักผ่อนมากๆ”
ภัทราภาต้องระวังที่จะบังคับน้ำเสียงไม่ให้สั่น
สายตาของเขาทำให้หล่อนเบี่ยงตัวหลบ เพื่อที่จะให้เขาเข้ามาในห้องได้สะดวก
ชายหนุ่มชำเลืองดูบิดาหญิงสาว และเห็นว่าหลับจริงอย่างที่หล่อนบอก จึงวางของเยี่ยมไข้ไว้ที่โต๊ะเล็กมุมห้อง
เมื่อเขาหันมา ภัทราภาจึงมีความรู้สึกว่าหล่อนกับจักรภัทรกำลังเผชิญหน้ากันตามลำพัง เหมือนไม่มีใครอยู่ในห้องนั้นด้วย
“ความจริงที่มานี่” จักรภัทรพูด ตาจับเขม็งที่เรียวคมสมส่วน “นอกจากจะมาเยี่ยมคุณโอฬาร ผมยังมีเรื่องจะพูดกับคุณ ภัทราภา ผมอยากทราบว่าคุณเอาเงินบริษัทผมไปทำอะไรตั้งล้านกว่า”
หล่อนรู้สึกใจหวิวๆ คล้ายจะเป็นลม เพราะนึกไม่ถึงว่าจะได้รับคำถามนี้ตรงๆ ไม่มีการอ้อมค้อม
“คือว่า...ฉัน...”
“ผมต้องการความจริง ภัทราภา ฉะนั้นอย่าได้โกหกเป็นอันขาด!”
น้ำเสียงเฉียบขาด ยิ่งชวนให้หล่อนใจหวิว พาลแข้งขาสั่นจนต้องรีบมองหาที่นั่ง
ภัทราภายังพูดไม่ออก รู้แต่ว่าหล่อนจะบอกความจริงไม่ได้เป็นอันขาดว่า ได้นำเงินจำนวนนั้นมาเพื่อพยุงสถานการณ์ในบริษัท ที่พี่ชายเข้าไปบริหารแทนบิดา ที่กำลังยอบแยบเต็มที เพราะกลัวว่าอธิปจะพลอยมีความผิดไปด้วยฐานสมรู้ร่วมคิด
“ว่าไง”
เสียงห้าวฟังห้วนจัดถามมาอีก ขณะร่างสูงตามเข้ามายืนทำหน้าขึงเบื้องหน้าหล่อนเหมือนคุมเชิง ไม่ให้หนี ทั้งที่หล่อนก็ไม่ได้คิดจะหนีไปไหน
