ตอนที่ 3
ความกลัวของหล่อนมีสาเหตุมากกว่าการที่หล่อนวิ่งเข้าชนประธานกรรมการบริหารบริษัท
จักรภัทรปล่อยแขนเรียวละมุนออกอย่างสุภาพ เมื่อเห็นว่าหล่อนยืนได้แล้วอย่างมั่นคง
ในสายตาของเขา หญิงสาวตรงหน้าเขา คือตัวแทนความสดใสยามรุ่งอรุณ
หล่อนแต่งกายได้งามสมตัว ดวงตากลมโตภายใต้ขนตายาวงอนเป็นแพน่ากรีดเล่น เบิกกว้าง ฉายแววตระหนก เหมือนจะสะกดเขาให้จังงัง
ริมฝีปากระเรื่อเผยอค้าง ชวนให้คิดถึงความนุ่มนวลอ่อนหวานของกลีบดอกไม้สีหวานงามตาท้าทาหมู่ภมรให้ชอนไชดื่มด่ำความหวานที่แฝงในเกสร
เขาเคยพานพบสาวสวยมาไม่น้อย แต่ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกระชากอารมณ์หนุ่มของเขาให้กระเจิง เพียงประสบพบพักตร์ได้เหมือนผู้หญิงคนนี้
“เอ้อ... ขอโทษค่ะ ดิฉันรีบจะไปย้ายรถ เลยไม่ทันมอง”
“คุณนี่เองแย่งที่จอดรถของผม”
จักรภัทรพูดเสียงล้อเลียนมากว่าจะตำนิ ถึงแม้ว่าเขาออกจะขัดใจที่ต้องเสียเวลาหาที่จอดรถแห่งใหม่ แทนช่องที่เคยจอด
แต่เมื่อรู้ว่าคนที่มาแย่งที่จอดประจำของเขาคือสาวสวย และถูกใจเขาค่อนข้างมาก ก็ทำให้เขาหายหงุดหงิดได้ในฉับพลัน
อะไรก็ไม่รู้ทำให้เขาบอกกับตัวเองว่า ควรสานสัมพันธ์กับหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าในขณะนี้
“ดิฉัน... เอ่อ...ไม่มีเจตนาจะ...”
ภัทราภาเอ่ยตะกุกตะกัก พยายามระงับความตระหนกตกใจที่ทำเอาสติกระเจิง
หล่อนมีความรู้สึกเหมือนนักโทษประหาร ตั้งแต่รู้จากพี่ชายว่า ไม่สามารถหาเงินให้หล่อนนำมาคืนบริษัทได้ทันตามที่คิดไว้ และก็ให้บังเอิญเหลือเกินว่า ต้องมาพบกับเพชฌฆาตเร็วกว่าที่คาด
หล่อนรู้จักจักรภัทร เคยเห็นเขาห่างๆ ส่วนใหญ่หล่อนเห็นเขาในระยะใกล้ก็จากภาพถ่ายที่เป็นข่าว หรือสกู๊ปพิเศษตามนิตยสารธุรกิจ แต่เขาคงไม่รู้จักหล่อน
จักรภัทร กรฤทธิ์ หน้าตาดีกว่าที่เห็นในรูป และสูงใหญ่กว่าที่เห็นในระยะไกล
หล่อนคิดว่าเขาเป็นคนน่ากลัวสำหรับศัตรู แต่เป็นมิตรที่ไว้ใจได้สำหรับผู้ที่เขานับเป็นเพื่อน และสำหรับเพศตรงข้ามที่ยังสาวและสวย เขาคือมหันตภัยทางใจ
มาดของเขาบอกถึงความเชื่อมั่นในตนเอง อย่างนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จสูง และยังมีอะไรบางอย่างนอกเหนือไปจากนั้น ที่หล่อนคิดว่าจะต้องรีบพาตัวเองหลบลี้หนีหน้าเขาไปให้ไกล ก่อนความจริงบางอย่างจะเปิดเผยออกมา เพราะเขาไม่ลังเลที่จะลงโทษคนกระทำผิด หลักฐานมัดตัวแน่นหนา
ความคมและฉับไวของเขา เป็นที่ประจักษ์ชัดแก่ทุกคนในแวดวงธุรกิจ หล่อนจึงไม่ควรหวังว่าจะได้รับความเมตตาปรานีใดๆจากผู้ชายคนนี้
“ไม่เป็นไรหรอก”
เสียงห้าวมีกังวานทุ้มนุ่มตอบ
“จอดที่ไหนก็เหมือนกัน เพียงแต่ผมไม่ชอบเสียเวลากับการที่จะต้องไปหาที่จอดรถ”
เขามองหล่อนเต็มตา อะไรบางอย่างทำให้จักรภัทรนิ่วหน้า
“เราเคยพบกันมาก่อนหรือเปล่าครับ” เขาถาม
ภัทราภาทำเป็นไม่เข้าใจ แม้จะรู้ว่าจักรภัทรมีเหตุผลที่จะสะดุดใจเมื่อมีเวลาพิจารณา
คนที่เคยพบปะหน้ากับโอฬารแล้วมารู้จักหรือเพียงได้เห็นธิดาสาวของผู้อาวุโสมักสะดุดทุกคน เพราะรูปหน้าและแววตาของภัทราภานั้นถอดบิดาออกมาราวกับพิมพ์
คนที่ไม่รู้จักหรือไม่รู้ว่าภัทราภาเกี่ยวข้องอะไรกับโอฬารก็ยังรู้สึกว่าเคยเห็นหน้าตาอย่างนี้ที่ไหน จักรภัทรเคยพบหลายครั้ง มีหรือที่เขาจะไม่สะดุด
“ไม่เคยค่ะ”
ภัทราภาปฏิเสธได้เต็มปาก ก็หล่อนไม่เคยเจอเขา อย่างเผชิญหน้ากันมาก่อนเลยจริงๆ นี่นา
“งั้นก็แปลกจริงๆ ที่ผมรู้สึกว่าเคยพบคนหน้าตาอย่างนี้ที่ไหนมาก่อนสักแห่ง” จักรภัทรพูดคล้ายรำพึง
“ขอตัวก่อนนะคะ”
ภัทราภาไม่รอฟังว่าเขาจะตอบอย่างไร ผละไปทันทีก่อนที่เขาจะนึกขึ้นได้
หล่อนค่อยผ่อนลมหายใจออกช้าๆ เมื่อกลับขึ้นมาที่ห้องทำงานอีกครั้ง
แต่สายวันนั้นเอง ความรู้สึกเหมือนคนที่กำลังจะถูกตัดสินประหารก็กลับมาอีกครั้ง เมื่อโทรศัพท์บนโต๊ะดังขึ้นและหล่อนรับสาย
“คุณภัทราภาใช่มั้ยครับ”
“ค่ะ”
“พิธิวัตครับ ผมขอเชิญคุณมาที่ห้องผมสักประเดี๋ยว”
หล่อนอึ้งไป เพราะรู้ว่าพิธิวัตเป็นใคร แต่ก็ตอบออกไปในที่สุด
“ได้ค่ะ ดิฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
หล่อนไปถึงห้องทำงานผู้จัดการใหญ่ฝ่ายบัญชีและกฎหมายภายในสองนาที หล่อนเคาะประตู และรอให้ได้รับคำอนุญาตจึงผลักเข้าไป
ภัทราภาชะงักเล็กน้อย เมื่อพบว่ามีคนอื่นอยู่ในห้องนั้น โดยนั่งหันหลังให้ประตู
