ตอนที่ 5
“ฉัน... คือว่า... เมื่อสองเดือนก่อน ฉันเผลอไปเล่นพนันเข้า นอกจากเสียเงินที่มีอยู่จนหมด ยังเขียนใบ ไอ.โอ.ยู. เพื่อเอาเงินมาเล่นต่อ หวังจะได้ทุนคืนมาบ้าง แต่ก็เสียไปอีกเกือบล้าน ฉันจำเป็นต้องหาเงินมาใช้หนีพนัน คุณก็รู้ว่าหนีพนัน ถือเป็นหนี้เกียรติยศ” หล่อนพูดตามที่เคยอ่านเจอในหนังสือ
นัยน์ตาจักรภัทรลุกวาบ เพราะเขาพอจะรู้ว่า ภัทราภานำเงินไปใช้อะไร จึงเท่ากับหล่อนตั้งใจพูดปดกับเขา
เขาสบถ ประกอบประกายตาเหมือนจะพุ่งเปลวเพลิงเข้าใส่หล่อน ทำเอาภัทราภาตัวงอ และได้รู้ในนาทีนั้น ว่าเขารู้แล้ว ว่าหล่อนนำเงินไปใช้ทำอะไรแน่ แต่หล่อนไม่รู้ว่า เมื่อจักรภัทรตัดสินใจตามมาหาหล่อนนั้น เขาตัดสินใจแล้วว่าจะช่วยเหลือหล่อน ด้วยการนำเงินส่วนตัวของเขาไปเข้าบัญชีให้เต็มจำนวนที่หายไป กระทั่งหล่อนพูดปดกับเขาอย่างตั้งใจ ความคิดที่จะช่วยก็มลายหายไปทันที
จักรภัทรเกลียดคนโกหกและผู้หญิงคนนี้ ที่เขาเห็นว่าไม่น่าจะมีพิษภัยก็พูดปดกับเขาอย่างตั้งใจ
เขาเคยพยายามคิดข้ามไปว่า หล่อนเข้าไปทำงานในบริษัทของเขาอย่างมีแผน ซึ่งทุกอย่างก็พิสูจน์ออกมาแล้ว มาบัดนี้เขาจะไม่มองข้ามความผิดที่หล่อนตั้งใจกระทำ
ทุกสิ่งที่หล่อนก่อ หล่อนต้องชดใช้!
“ผมต้องการเงินคืน ก่อนเที่ยงพรุ่งนี้ ทุกบาททุกสตางค์ ไม่อย่างนั้น...”
เขาละไว้ด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม
ภัทราภาหน้าขาว
หล่อนไม่คิดจริงๆว่า เวลาสำหรับการถูกประหารจะมาถึงเร็วกว่าที่คิด
“ฉัน...”
เสียงขยับตัวของบิดาทำให้หญิงสาวเงียบไปชั่วครู่
โอฬารหลับต่อ โดยไม่รู้ว่ากำลังเกิดสถานการณ์เลวร้ายขึ้นกับบุตรสาว
“ไม่มีคำอุทธรณ์ฎีกาสำหรับเธอ ภัทราภา”
จักรภัทรสบตากลมโต เบิกกว้าง อย่างหยามหยัน เขาจะไม่มีวันหลงกลตาแป๋วๆ หน้าสวยซื่อบริสุทธิ์นี้อีกแล้ว
“ฉัน... ฉันจะไปหาเงินตั้งล้านมาจากไหนคะ ภายในไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงด้วยซ้ำ”
ภัทราภาเสียงสั่น พยายามมองหน้าเขาเพื่อขอความเห็นใจ แต่ถูกเมิน
“หาไม่ได้ ก็จำเป็นที่ผมจะต้องดำเนินการตามกฎหมาย” เขาพูดเสียงเย็น ไร้ความปรานี
หล่อนไหล่ตก รู้สึกท้อแท้และสิ้นกำลังใจ เพราะรู้ดีว่าไม่มีใครสามรถช่วยหล่อนได้ แม้แต่พี่ชาย
ลูกสาวนักธุรกิจชั้นนำกำลังถูกต้องมาจนมุม และคงถูกดำเนินเอาความผิดอย่างไร้ความเห็นใจจากโจทย์ หล่อนคงทำอะไรไม่ได้ นอกจากยอมรับผิดแล้วเข้าไปนอนในคุกกินข้าวหลวงฟรี
ลำพังสวัสดิภาพของตนเองหล่อนไม่ห่วงหรอก แต่บิดาที่กำลังล้มป่วย พี่ชายที่แบกภาระจนไหล่ลู่อยู่แล้วนี้สิ จะทำยังไงถ้าไม่มีหล่อนคอยช่วยเหลือเสียคน
หล่อนมองตาเขาด้วยสายตาวิงวอน เมื่อหน้าเข้มคมสันเบือนกลับมาสบตาหล่อน
“ขะ...ขอ เวลาดิฉันหน่อยไม่ได้หรือคะ”
“มีทางงั้นหรือ ที่จะหาเงินมาคืนบริษัททันเวลา ต่อให้ผมเลื่อนกำหนดออกมาไปอีกสักอาทิตย์ เท่าที่ผมรู้มา คุณพ่อของคุณแทบจะเป็นบุคคลล้มละลายอยู่แล้วไม่ใช่รึ หรือว่าครอบครัวคุณยังมีรัพย์สินใดเหลืออยู่อีกพอที่จะนำมาค้ำประกัน... ไม่ต้องพูดถึงบริษัทที่พี่ชายคุณเข้าไปดูแล เพราะนั่นน่ะแทบจะหามูลค่าไม่ได้อยู่แล้ว ราคาหุ้นไม่เพียงแต่เป็นศูนย์ ติดลบด้วยซ้ำ”
เขาทำเสียงดูแคลน จนภัทราภาโกรธขึ้นมาวูบ
“งั้นคุณจะทำอย่างไรกับดิฉันก็เชิญเลย”
เลือดแห่งความหยิ่งผยองแล่นไปทั่วกาย
ภัทราภายอมรับความจริงเสมอ
เมื่อปลายปีที่ผ่านมาหล่อนเคยรับฟังข่าวร้ายอย่างสงบมาแล้วครั้งหนึ่ง
จากนั้นชีวิตการเป็นคุณหนูของหล่อนก็เริ่มเปลี่ยนไป ภัทราภาต้องออกหางานทำเพื่อนำเงินมาจุนเจือครอบครัว
ชีวิตในสังคมหรูหราขาดหาย เมื่อหล่อนพาตัวเองหลบลี้หนีหน้าเพื่อนฝูง
หล่อนเกือบจะเป็นสาวชาวบ้านธรรมดาที่แทบจะไม่มีใครมาสนใจ ทั้งที่ครั้งหนึ่ง หล่อนคือ ดาวสังคมดวงเด่นแห่งฟากฟ้าบางกอก
กรฤทธิ์ทรัสต์ และการลงทุน เป็นบริษัทที่สองที่หล่อนไปสมัครงาน หลังจากพลาดจากที่แรกมาแล้ว
พิธิวัตเป็นคนสัมภาษณ์หล่อนเข้าทำงานด้วยตัวเอง
ท่าทางเขาลังเลในตอนแรก เพราะขณะนั้นเรื่องปัญหาภายในบริษัทที่บิดาหล่อนบริหารอยู่เริ่มมีข่าวว่ามีปัญหา ออกมาเป็นระยะๆ
เขามองหล่อนอย่างพินิจด้วยท่าทางก็ครุ่นคิดอยู่นานกว่าจะตัดสินใจรับหล่อนไว้
หล่อนมีคุณวุฒิ เพราะจบบัญชีมาโดยตรง แต่ไม่มีประสบการณ์ในการทำงานมาก่อน
พิธวัตถามเพียงว่าเขาจะได้แน่ใจได้มั้ยว่าหล่อนจะสามารถทำงานได้ เขาไม่ซักถามไปถึงเรื่องส่วนตัว ไม่แสดงความสงสัยว่าเหตุใดบุตรสาวของนักธุรกิจใหญ่อย่างหล่อน จะต้องลำบากออกมาหางานทำ แววตาเขาเมื่อมองหล่อน คล้ายกับว่าเขาเห็นใจหล่อนที่ชีวิตต้องมาประสบปัญหา และก็ไม่ใช่ปัญหาเล็กๆ
แต่จักรภัทรไม่มีความเห็นใจคนเช่นเพื่อนของเขา ฉะนั้นหล่อนจะไม่วอนขอความเห็นใจจากคนอย่างเขาเป็นอันขาด!
