2 สู่ขอ (2)
ซาเดจึงมีโอกาสได้พบเห็นบุรุษที่สง่างามมาแล้วมากมายหลายประเภท ทั้งขุนนาง แม่ทัพ และนักปราชญ์ กัสซาที่ว่างามสง่าจึงเทียบกับบุรุษในราชสำนักเหล่านั้นมิได้ โดยเฉพาะบุตรชายทั้งเจ็ดของท่านชีคอับดุล ฮาเหม็ดซึ่งเป็นที่กล่าวขานของเหล่านางสนม และเหล่านางกำนัล
“ข้า... แค่มาสอบถามว่าเจ้าจะรับงานแกะสลักหีบใบน้อยให้ข้าสักชิ้นได้ไหม?”
“เอ่อ...” คราวนี้เป็นซาเดที่อ้ำอึ้งไป ยูนุกหนุ่มปรายตาไปยังโค้งประตูอย่างต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนกับเรื่องที่ไม่สามารถตัดสินใจได้ พอเห็นซาเดน่าโบกมือพร้อมส่ายหน้า ซาเดจึงได้คำตอบ
“ตอนนี้ยังไม่สะดวก ข้ายังมีงานแกะสลักที่ค้างอยู่อีกมาก เกรงว่ารับงานจากเจ้าไว้แล้ว ข้าจะไม่สามารถทำงานพวกนั้นทัน”
“ข้ามิได้รีบร้อน เพียงอยากได้งานฝีมือของเจ้ามาสะสมไว้เท่านั้น”
คำตอบจากกัสซาพาให้เจ้าของผลงานที่ยืนหลบมุมอยู่หลังโค้งประตูพาถอนหายใจหนัก ๆ ออกมา ในใจได้แต่ภาวนาว่าซาเดอย่าได้หลวมตัวตกปากรับคำกัสซาเลย เพราะถ้าซาเดรับปาก นั่นก็หมายความว่ากัสซาจะต้องหาข้ออ้างมาพบหน้านางในวันพรุ่ง และวันถัด ๆ ไปเป็นแน่
“ท่านกัสซาให้เกียรติเจ้าขนาดนี้แล้ว เจ้าน่าจะรับงานไว้นะซาเดน่า” ท่านย่าญีร่าที่อยากได้กัสซาเป็นหลานเขยเพราะเงื่อนไขบางประการบีบรัดตัวช่วยสนับสนุนอีกแรง
“ก็อยากจะรับอยู่ แต่ข้ามิเคยแกะสลักหีบใบน้อย เกรงว่าจะทำได้ไม่งดงาม”
พอซาเดหาเหตุผลหยิบยกขึ้นมาอ้างได้ ซาเดน่าจึงพลอยโล่งใจไปด้วยเปราะหนึ่ง แต่บุรุษช่างตื๊อและเข้าใจอะไรยากก็หาเหตุผลมาหักล้างได้อีกสิน่า
“ขอเพียงเจ้าทำจากความตั้งใจทุกสิ่งที่เจ้าทำย่อมงดงามสำหรับข้าเสมอ”
คราวนี้เป็นซาเดน่าตัวจริงที่กรอกตาไปมากับคำหวานชวนให้คลื่นไส้ของบุรุษหนุ่ม ซาเดน่ายืนอยู่ฟังทั้งสามคนสนทนาอีกพักใหญ่ เมื่อเหตุการณ์ไม่มีอันใดน่าเป็นห่วงเป็นกังวลหญิงสาวจึงปลีกตัวกลับเข้ามาในห้องทำงานที่เต็มไปด้วยเศษไม้ และกลิ่นไม้ของตนเองทันที
มีรอยยิ้มบาง ๆ เปื้อนวงหน้างามอีกครั้งเมื่อเสียงหัวเราะอย่างพึงพอใจของกัสซาดังแว่วเข้ามาในห้อง นี่จึงทำให้ซาเดน่าสบายใจเมื่อรู้ว่าทั้งท่านย่าญีร่า ทั้งกัสซาไม่สามารถแยกซาเดออกจากนางได้ และยิ่งทำให้ซาเดน่าขบขันเป็นอย่างมากเมื่อรู้ว่ากัสซากำลังป้อนคำหวานให้กับบุรุษด้วยกันนี่ล่ะ
แค่คิดก็ขนลุกแล้ว นางงามหลุดเสียงหัวเราะคิกคักออกมาเบา ๆ ก่อนหยิบค้อนน้ำหนักพอเหมาะมือ และสิ่วขึ้นมาทำงานก่อน
ทุกสรรพเสียงรบกวนจากรอบข้างคล้ายอันตรธานหายเมื่อสมาธิของนางทั้งหมดจดจ่ออยู่ที่เนื้อไม้ซึ่งกำลังถูกแกะสลักเป็นรูปดอกไม้ทะเลทราย และรูปตะเกียงน้ำมันมีดอกกุหลาบขดพัน ซึ่งกว่าซาเดน่าจะวางมือจากงานที่นางรัก และลุกออกมายืดเส้นยืดสายได้ก็เมื่อลูกไฟแห่งวันอำลาขอบฟ้าตะวันตกไปแล้ว...
ดวงไฟฉายแสงส้มอ่อนนวลตาลูบไล้ห้องสี่เหลี่ยมจัตุรัสให้สว่างขึ้นอีกคราเมื่อโคมราตรีในค่ำคืนหรี่แสงลง และจากการเคลื่อนไหวจึงเกิดเป็นรูปเงาเมื่อร่างแน่งน้อยเดินเอื่อย ๆ กลับเข้ามาในห้องนอน
ตะเกียงน้ำมันถูกวางบนโต๊ะฉลุลายกลางห้อง ก่อนร่างนั้นจะทิ้งตัวนั่งลงบนเบาะนุ่มพร้อมบิดร่างกายไปมาเพื่อไล่ความเมื่อยขบอันเกิดจากการนั่งทำงานเป็นเวลานาน ๆ
ความเงียบสงบคือดนตรีกล่อมรัตติกาลชั้นเลิศที่จะพาให้ทุกคนหลับใหล หากแต่สิ่งนี้กลับทำให้ซาเดน่าข่มตาหลับลงมิได้ ซ้ำยังรู้สึกหดหู่ใจเมื่อบรรยากาศเดิม ๆ พลอยให้นางนึกถึงพี่สาวผู้จากบ้านไปเนิ่นนาน นางอยู่ทางนี้...ที่บ้านเกิด
แม้บ้านดินเหนียวหลังเก่าจะมิได้งดงามตระการตาเฉกเช่นนครเนราเซียที่เคยเห็น ทว่าที่นี่ก็กินอิ่ม นอนอุ่น และไร้ซึ่งเรื่องวุ่นวายบั่นทอนจิตใจใด ๆ แต่สำหรับคนไกลซึ่งอยู่ในนครสีทรายแสนงดงามนั่นเล่า ป่านนี้จะเป็นเช่นไรบ้าง ยิ่งได้ฟังคำบอกเล่าจากปากซาเดด้วยแล้ว ความคิดถึงและความห่วงใยที่มีให้ซีร่าหาได้ลดน้อยลงเลย
