1 คู่แฝด (3)
แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่ท่านย่าญีร่าปรารถนาจะมิตรงความเป็นจริงสักเท่าไหร่ และเท่าที่ซาเดน่ารู้มา ซาเดเป็นยูนุกพี่เลี้ยงของหลานชายของท่านชีคอับดุล ฮาเหม็ดเท่านั้น
“ไม่ใช่เรื่องสนุก แต่โดนค้อนทุบนิ้วทุกวันเจ้าก็จะชินไปเอง” คำตอบนั้นหาทำให้ซาเดยิ้มได้ ซาเดน่าจึงไหวไหล่เปลี่ยนเรื่องคุย “ถามจริงเถอะซาเด เจ้ามิได้ข่าวเกี่ยวกับท่านพี่ซีร่าบ้างเลยหรือ?”
“ได้สิ... แต่มิค่อยดีเท่าไหร่นักจึงมิอยากเอ่ยถึง”
“เกิดอันใดขึ้นกับท่านพี่ซีร่า?” น้ำเสียงของซาเดน่ากลายเป็นกระวนกระวาย พร้อมสบตากับซาเดอย่างจริงจัง
“ใจเย็นซาเดน่า มิมีอันใดเกิดขึ้นกับสนมเอกซีร่าหรอก ชีคอับดุล ฮาเหม็ดแค่หมดความสนใจในตัวของนาง... ก็เท่านั้น”
ก็เท่านั้น...
ฟังดูเหมือนไม่มีอะไรมาก แต่ถ้อยคำที่ได้ยินกลับทำให้ซีร่ารู้สึกห่วงใยในตัวพี่สาวเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี
“โถพี่ข้า นางกำลังตกระกำลำบากรึ” ดวงตาสีน้ำผึ้งหวานหม่นเศร้าลงไปขณะเอ่ยถาม
“สำหรับพวกเรามิใช่... แต่สำหรับสตรีที่อยู่ในฮาเร็มและเคยเป็นที่โปรดปราน เรียกขานเช่นนั้น”
“เฮ้อ... หากท่านชีคมิโปรดท่านพี่ซีร่าแล้ว เจ้าน่าจะคิดหาวิถีทางพาตัวนางกลับมาบ้านของเรานะ”
ซาเดส่ายหน้าในความคิดนี้ทันที “ง่ายอย่างนั้นก็ดีสิ ข้าทำเช่นนั้นมิได้ มันมิได้ง่ายดายอย่างที่เจ้าคิด... ภายในเนราเซียนั้นทุกอย่างมีกฎอันเคร่งครัด”
“ทุกกฎย่อมมีข้อละเว้นเช่นกัน นางรับใช้ท่านชีคมานาน หากท่านชีคมิโปรดก็สมควรได้รับอิสระมิใช่ถูกกักขังในกรงทองเช่นนั้น” นางผู้อ่อนต่อโลกยังยึดเอาความคิดของตนเองเป็นที่ตั้ง
“สนมก็คือสมบัติแห่งชีค สตรีที่ได้รับคัดเลือกเข้ามาอยู่ในฮาเร็มมิสามารถกำหนดชะตาของตัวเองได้ จงรู้ไว้นะซาเดน่า นางสนมทุกคนแม้มิได้ถวายตัวก็ไร้ซึ่งสิทธิ์ที่จะก้าวออกจากฮาเร็มด้วยซ้ำหากมิได้รับอนุญาต ทุกอย่างเป็นกฎข้อบังคับ แล้วนับประสาอันใดกับท่านพี่ซีร่าซึ่งเคยเป็นที่โปรดปรานเล่า”
พอฟังคำบอกเล่านั้นซาเดน่าจึงเงียบไปอึดใจ
“แบบนี้นางมิต้องถูกจองจำในกรงทองจนสิ้นลมหายใจเลยหรือ?” เสียงนั้นเจือความโกรธแทนเหล่านางงามซึ่งถูกจองจำในสถานที่ที่ขานนามว่า ‘ฮาเร็ม’
ยูนุกซาเดพยักหน้ารับช้า ๆ แทนคำตอบแล้วปิดเปลือกตาลงกับโชคชะตาที่พี่สาวต้องเจอ โดยมิได้เล่าต่อว่าเกิดเรื่องอันใดกับสนมซีร่าให้ซาเดน่าฟัง เพราะหากซาเดน่ารู้เรื่องวุ่นวายภายในฮาเร็มเข้า คงทำให้นางทุกข์ใจมากกว่านี้อีกเท่าทวีเป็นแน่
“เอาน่าอย่าได้กังวลในเรื่องที่ยังมาไม่ถึง ข้าเคยเห็นอดีตนางสนมของท่านชีค ทุกนางยังอยู่อย่างสุขสบายในฮาเร็มด้วยซ้ำ”
“ข้าก็ปรารถนาให้ท่านพี่ซีร่าได้รับความปรานีเช่นนั้นเหมือนกัน”
ยูนุกซาเดเงียบไปอีก ก่อนเปลี่ยนเรื่องคุยดื้อ ๆ “กลับมาเยี่ยมบ้านเกิดครั้งนี้ เจ้าดูเป็นสาวงดงามผิดตาไปจากเดิมมากเลยนะซาเดน่า”
คนถูกชมก้มมองตัวเอง “เจ้าก็ชมเกินไป ข้าเห็นตนเองทุกวันไม่เห็นมีอันใดแปลกตา รู้สึกว่าส่องกระจกเหมือนมองหน้าเจ้าซะด้วยซ้ำ”
ผู้รักการเป็นหญิงแต่เยาว์วัยยิ้มมุมปาก แล้วทักท้วง “ข้ามิได้งดงามเช่นเจ้า”
“ความรู้สึกบอกเจ้าเช่นนั้น แต่กระจกมิเคยกล่าวคำเท็จ มาทางนี้เถอะ”
ร่างบางขยับลุกจากเบาะนุ่ม นำทางมายังห้องกว้างเปิดโล่งรับแสงสว่างจากดวงตะวัน ภายในห้องมีบานกระจกเงาแกะสลักงดงามถึงสามบานที่พร้อมส่งมอบให้กับบรรดาคหบดีผู้มั่งคั่ง และขุนนางในต่างนคร
นอกจากนี้ยังมีบานกระจกที่แกะสลักไม่เสร็จสมบูรณ์ตั้งอยู่อีกหลายบาน บนพื้นห้องปราศจากพรมจึงเต็มไปด้วยท่อนไม้ รวมถึงเศษไม้ชิ้นน้อย และกลิ่นยางไม้หอมอ่อน ๆ
“นี่ฝีมือเจ้ารึ?”
“แค่บานนี้ กับบานนี้เท่านั้น ที่เหลือเป็นของท่านอา และช่างสลักคนอื่น” ซาเดน่าเอ่ยเสียงเรียบขณะชี้นิ้วไปยังกรอบกระจกซึ่งแกะยังไม่เสร็จและถูกทิ้งเอาไว้
ซาเดกวาดสายตาพินิจพิจารณาฝีมือการแกะสลักของน้องสาวตนเองอย่างถี่ถ้วน ความละเอียด ปราณีตในชิ้นงานทำให้ยูนุกรูปงามอดไม่ได้ที่จะแตะต้องสัมผัสชิ้นงานตรงหน้า มือเรียวประหนึ่งมือของสตรีสัมผัสกับเนื้อไม้เบา ๆ ราวสัมผัสแก้วเจียระไน พร้อมกับรอยยิ้มอย่างชอบอกชอบใจ
