1 คู่แฝด (2)
“เลิกหลอกเด็กได้แล้วซาเด หากเจ้าอยากเล่า เจ้าจงเล่าเรื่องของท่านพี่ซีร่าให้ข้าฟังไม่ดีกว่ารึ ข้าอยากรู้เรื่องราวของนางมากกว่า” ดวงตาสีน้ำผึ้งอ่อนแสงลงอย่างเห็นได้ชัดคราเอ่ยถึงพี่สาวคนงามที่กลายเป็นสนมเอกของชีคอับดุล ฮาเหม็ด ซึ่งจากบ้านเกิดไปนานหลายปีและไม่เคยกลับมาเยี่ยมเยียน
“เฮ้อ... จะเอาเรื่องจากไหนมาเล่าล่ะ หลายปีที่ผ่านมาข้าเองมิได้พบหน้าท่านพี่ซีร่าด้วยซ้ำ” คนถูกร้องขอให้เล่าเรื่องเอ่ยด้วยน้ำเสียงเนือย ๆ
“อ้าว“ ซาเดน่าอุทาน แล้วย่นคิ้วเข้าหากัน “เป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อเจ้าบอกท่านย่าว่าท่านพี่ซีร่ามีความสุขดี”
“ข้าก็พูดไปอย่างนั้นเอง ข้าไม่อยากให้ท่านย่าไม่สบายใจ”
คราวนี้ซาเดน่าเงียบไป สีหน้าของหญิงสาวเต็มไปด้วยความครุ่นคิด “แต่เจ้าอยู่ในเนราเซีย เป็นไปได้หรือที่จะไม่เจอท่านพี่ซีร่าเลย”
“เฮ้อ ซาเดน่า ข้ารับใช้ท่านชีคแห่งเนราเซียอยู่ แต่หน้าที่ของข้ากับสนมเอกต่างกัน ข้ากับนางอยู่คนละส่วน”
คนละส่วน?
ได้ยินเช่นนั้นซาเดน่าซึ่งมิเคยได้สัมผัสชีวิตภายในฮาเร็มย่อมไม่รู้ และไม่เข้าใจว่าภายในนครเนราเซียแบ่งผู้รับใช้ออกจากกันเช่นไร ทหารองครักษ์ซึ่งเป็นบุรุษหนุ่มจะปะปนอยู่ในฮาเร็มมิได้เด็ดขาด ยกเว้นจะเป็นองครักษ์ยูนุกที่ได้รับการตอนแล้ว ขณะเดียวกันยูนุกที่จะเข้ารับใช้งานจากบรรดานางสนมจะต้องตัดความเป็นชายทิ้งทั้งพวง หาใช่ตัดส่วนปลายทิ้งเหมือนที่ซาเดถูกตัดไปเท่านั้น
“ถึงจะคนละส่วนเจ้าก็ควรสอดส่องความเป็นอยู่ของนางบ้าง แต่เจ้าพูดเหมือนว่าเจ้าทอดทิ้งนางเลย” ซาเดน่าทำหน้ายุ่ง
คนถูกกล่าวหาส่ายหน้า “ข้ามิเคยทอดทิ้งท่านพี่ซีร่านะ แต่ตำแหน่งหน้าที่ยูนุกเล็ก ๆ เช่นข้ามิสามารถเข้าถึงตัวนางได้ หากข้าฝ่าฝืนกฎบุกเข้าไปหาท่านพี่ซีร่า มิเพียงแต่ตัวข้าเท่านั้นจะต้องโทษ แม้แต่ท่านพี่ซีร่าก็ต้องโทษเช่นกัน ท่านพี่ซีร่ามิเคยเล่าให้เจ้าฟังรึ ว่ามิใช่ยูนุกทุกคนที่จะเข้าไปทำงานรับใช้ในฮาเร็มได้”
คราวนี้ซาเดน่าทำหน้าครุ่นคิด “ข้าเคยได้ยินท่านพี่ซีร่าเล่าให้ฟัง แต่ข้าไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ ก็ไหนเจ้าเคยบอกหากเป็นยูนุกแล้วจะสามารถอยู่ในฮาเร็มได้ไงล่ะ”
“ตอนแรกข้าก็คิดเช่นนั้น แต่พอรับงานจริง ๆ ข้าจึงรู้ว่าข้าเข้าใจผิดไปเอง ในเนราเซียมิใช่ยูนุกทุกคนที่จะอยู่ใกล้นางสนมของท่านชีคได้ เอาเป็นว่าข้าอยู่ในนครสีทราย แต่มิสามารถเข้าถึงตัวท่านพี่ซีร่าได้ก็แล้วกัน”
คำตอบจากคู่แฝดทำเอาซาเดน่าถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา “หากรู้แต่แรกว่าเจ้าเหลวไหล ข้าคงยุให้ท่านพ่อจับเจ้าหัดมือเป็นช่างแกะสลักแต่แรก”
คราวนี้ซาเดยิ้มหยันตัวเอง แค่เรียนรู้วิธีคัดเลือกเนื้อไม้ที่จะนำมาแกะสลักซาเดยังทำไม่ได้เลย แล้วนับประสาอะไรจะให้มาจับสิ่วจับค้อนเหมือนคนในตระกูล
“คงจะได้เรื่องหรอก”
“ถ้าไม่ลอง จะรู้ได้อย่างไร”
“ข้ารู้คำตอบดีอยู่แล้ว ทำไมต้องลองให้เจ็บตัวซ้ำอีกด้วยเล่า เจ้าคิดว่าโดนค้อนทุบหัวนิ้วโป้งมือทุกวันเป็นเรื่องสนุกงั้นเหรอ?”
ถ้อยคำนี้เรียกรอยยิ้มบางจากซาเดน่าได้ เพราะรู้ว่าซาเดไม่มีใจรักในงานศิลปะ เส้นทางชีวิตของซาเดจึงผิดแผกแปลกไปจากญาติพี่น้องคนอื่น ๆ ที่ยึดอาชีพแกะสลักบานกระจกมาแต่ดั้งแต่เดิม แต่นั่นล่ะ... เส้นทางที่ซาเดเลือกก็นำความภาคภูมิใจมาสู่คนในตระกูลอัลบาร์จาเป็นอย่างมาก เพราะมิเพียงชื่อเสียงจากการได้รับใช้งานในราชสำนักเท่านั้น แต่สิ่งที่ซาเดเลือกด้วยใจรัก ยังเอื้อให้คนในตระกูลสามารถค้าขายกับคหบดีผู้มั่งคั่งที่นิยมคบค้ากับคนระดับเดียวกันได้อีก
แต่นี่มิใช่ปรารถนาสูงสุดของทุกคนในครอบครัว!
ท่านย่าญีร่าผู้มีอำนาจสูงสุดในครอบครัว และเป็นเสาหลักในการตัดสินใจเรื่องบางเรื่องที่สำคัญกับอนาคต ได้อนุญาตให้ซาเดเป็นยูนุกขันทีแทนการออกไปเป็นทหารทำเหมืองแร่ทองคำเหมือนบุตรชายครอบครัวอื่น ก็เพื่อให้ซาเดได้ดูแลสนมเอกซีร่า รวมไปถึงส่งข่าวความเป็นอยู่ของนางให้ครอบครัวได้รู้บ้าง
