บทนำ (3)
“แต่ท่านลุงยังทำนายไม่จบ”
“กว่าเขาจะทำนายจบ เรามิต้องเหมาสินค้าจากท้ายคาราวานทั้งหมดกลับบ้านหรือ”
น้ำเสียงติดหงุดหงิดซึ่งนาน ๆ ถึงจะได้ยินสักครั้งจากซีร่าทำให้ซาเดน่าปิดปากเงียบทันที นางงามตัวน้อยหลุบเปลือกตามองลูกปัดสีสวยทั้งสองเม็ดซึ่งมีเม็ดทรายละเอียดติดมาด้วย แล้วเงยหน้ามองพี่สาวอย่างฉงนสงสัยอีกครั้ง ลองหงุดหงิดแบบนี้ เรื่องให้เก็บสิ่งนี้ไว้กับตัวเป็นอันยุติ ซาเดน่าจึงเก็บลูกปัดเม็ดงามทั้งสองไว้ในหีบดนตรี ก่อนจูงพี่สาวไปเลือกดูสินค้าแปลกตาต่อ
“เจ้าอยากได้สิ่งอื่นอีกไหมซาเดน่า?” ซีร่าเอ่ยถามน้องสาวอีกครั้งหลังจากเลือกซื้อผ้าผืนงามเพื่อนำไปฝากครอบครัวได้เรียบร้อยแล้ว ซาเดน่าที่ได้ครอบครองสิ่งของถูกใจและอิ่มท้องกับอาหารแสนอร่อยส่ายหน้า ก่อนสวมกอดแขนเรียวของพี่สาวพลางซบหน้าอย่างประจบ
“สิ่งของอื่น ๆ ข้าไม่ต้องการแล้วเจ้าค่ะ ข้าอยากตามท่านพี่ไปเที่ยวภายในนครเนราเซียมากกว่า ข้าอยากเห็นภาพนครสีทรายแห่งนี้กว้างสุดลูกหูลูกตา และเมื่อเข้าไปอยู่ในนั้นและทอดสายตาผ่านโค้งหน้าต่างจากที่สูงจะเห็นชาวเมืองตัวน้อยนิดเท่ามดงาน รวมถึงบ้านเรือนซึ่งถูกย่อส่วนให้เล็กลงราวกับเวทมนตร์ ข้ามีความปรารถนาอยากเห็นภาพงดงามเหล่านั้น” ดวงตาของซาเดน่าเป็นประกายระยับขึ้นมาทันทีเมื่อเอ่ยถึงความปรารถนาสูงสุดในชีวิตของนาง
“ยังไม่ถึงกาลนั้นดรุณีน้อย”
“แล้วเมื่อไหร่ล่ะเจ้าคะ?” ซาเดน่าถามเสียงอ่อยลงเมื่อถูกพี่สาวปฏิเสธ
“เอาไว้ถึงเวลา ข้าจะจัดขบวนอูฐไปรับเจ้ากับซาเดถึงบ้านเอง แต่ต้องหลังจากได้รับอนุญาตจากท่านชีคอับดุล ฮาเหม็ดก่อนนะ”
เหตุผลนี้เองทำเอาซาเดน่าหน้าง้ำลง ดีใจอยู่หรอกที่ซีร่ารับปากว่าจะจัดขบวนอูฐไปรับตนเอง และซาเดพี่ชายฝาแฝดถึงบ้าน แต่ตอนนี้ซาเดน่ารู้แล้วล่ะว่าทุกอย่างภายในฮาเร็มแสนงดงามที่ซีร่าเล่าให้ฟังไม่เคยง่ายดายแบบนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับผู้ปกครองนครเพียงคนเดียวเท่านั้น
“ถ้าท่านชีคไม่อนุญาตล่ะเจ้าคะ?” น้ำเสียงสดใสนั้นอ่อยลง เพราะพอจะรู้จักกฎระเบียบอันเข้มงวดของเนราเซียอยู่บ้าง หากไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง หรือได้รับคำอนุญาตให้ก้าวเข้าไป ทุกชีวิตบนผืนทรายจะหมดสิทธิ์ แม้แต่เฉียดใกล้นครยังกระทำมิได้
“ข้าก็จะหาวิธี ‘แอบ’ พาตัวเจ้าเข้าไปเองน่ะสิ” ซีร่ากะพริบตาข้างเดียวให้ “อดใจรออีกสักหน่อยนะน้องข้า”
“เจ้าค่ะ” ซาเดน่ายิ้มละไม
คำรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะของพี่สาวนี่เองที่พาให้ดรุณีตัวน้อยมุ่งมั่นตั้งหน้าตั้งตารอคอยเวลานั้นอย่างใจจดใจจ่อ โดยที่ซาเดน่าหารู้ไม่เลยว่า การไปเยือนนครเนราเซียเพียงครั้งเดียวเท่านั้นกงล้อโชคชะตาของนางจะหมุนไป และจะเปลี่ยนชะตาชีวิตของนางไปตลอดกาล...
##### 1
คู่แฝด
ใต้โค้งประตูทรงหัวหอมแกะสลักลวดลายละเอียดราวผ้าลูกไม้แว่วเสียงหัวเราะแห่งความสุข และเสียงพูดคุยซักถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นจากเด็ก ๆ ดังมาเป็นระยะ สักพักทุกคนจึงพากันปิดปากเงียบ เมื่อเรื่องเล่าต่อมามิใช่นิทานบนผืนทรายอีกต่อไป...
ร่างบางสวมชุดพื้นเมืองตัดเย็บจากผ้าเนื้อบางสีเขียวใบไม้อ่อน เป็นเสื้อคอกลมแขนสั้น กางเกงขาพองรัดข้อเท้าคล้ายกระโปรง คาดทับด้วยเข็มขัดเหรียญเส้นใหญ่ และสวมกำไลเหรียญให้เสียงกรุ๊งกริ๊งคราขยับตัว สวมผ้าคลุมศีรษะหากปราศจากผ้าคลุมหน้านั่งขัดสมาธิตัวตรงบนเบาะนุ่มขณะตั้งใจฟังคู่แฝดของตนเองเล่าเรื่องลึกลับ และตื่นเต้นภายในนครเนราเซียให้ฟัง...
“ข้ารู้มาว่า ณ ห้องที่อยู่ลึกสุด และปราศจากแสงสว่างของนครเนราเซียนั้น มิมีผู้ใดกล้าเหยียบย่างเข้าไปเพียงลำพัง”
บุรุษหน้าหวานในชุดพื้นเมืองสีขาว มีใบหน้าและรูปร่างแบบเดียวกับซาเดน่าเล่าด้วยน้ำเสียงเนิบ ๆ ดวงตากลมโตสีน้ำตาลหวานล้ำประหนึ่งอิสตรี ทว่าคมคายแบบบุรุษกวาดมองใบหน้าของเด็กน้อยทั้งสี่ซึ่งตั้งอกตั้งใจฟังเรื่องเล่าตาไม่กะพริบ
“ว่ากันว่า...”
เสียงนั้นเป็นกระซิบเนิบนาบ กระนั้นดวงตาของคนเล่ากลับเบิ่งกว้างน่ากลัว
“ที่นั่นมืดมิด เพียงเดินเฉียดเข้าไปใกล้... แค่นั้น ลมประหลาดเย็นยะเยือกจะโชยผ่านลูบไล้ผิวกายพาให้เส้นขนทุกเส้นชูชัน” ยูนุกซาเดลดน้ำเสียงลง หากสะกดให้สมาชิกตัวน้อยซึ่งกำลังจดจ่อกับเรื่องเล่าแทบกลั้นลมหายใจ หรือแม้แต่ซาเดน่าที่ไม่สนใจนิทานบนผืนทรายก็ยังสนใจเรื่องเล่านี้ด้วยเช่นกัน
