บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 เยี่ยมบ้าน

บ้านไม้กึ่งปูนสองชั้นหลังตั้งอยู่ตรงกลางพื้นที่หนึ่งไร่ รอบบ้านมีต้นไม้เล็กใหญ่ร่มรื่นอยู่ในอำเภอเมืองน่านอยู่ห่างจากวัดภูมินทร์ห้าร้อยเมตร ซึ่งเป็นวัดสำคัญและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดน่าน ที่นักท่องเที่ยวรู้จักตำนานรักของปู่ม่านย่าม่าน หรือเรียกกันว่าภาพ กระซิบรักบันลือโลก ภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในวัดภูมินทร์ เป็นภาพของชายหญิงคู่หนึ่งกำลังกระซิบสนทนาจึงทำให้มีชื่อเรียกขานว่า กระซิบรักบันลือโลก กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองน่าน

วลาลี สิริวงค์ หญิงวัยกลางคนนั่งมองสายฝนที่ตกลงมาไม่ขาดสายตั้งแต่เช้าคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาเนิ่นนานกว่ายี่สิบหกปีแต่มันเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นไม่นานหลังจากตั้งท้องเธอก็ย้ายไปอยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อพี่สาว วิมาลา สิริวงค์ แต่งงานกับโจนัส สแตนเบิร์ก แฟนหนุ่มชาวสวิตฯ แล้วตั้งรกรากอยู่ที่สวิตฯ เธอก็ไม่ได้ติดต่อเพื่อนๆสักคนแม้แต่โชติกาที่สนิทกันที่สุด ป่านนี้ทุกคนจะเป็นยังไงกันบ้างทุกคนคงมีครอบครัวและความสุขกัน เธอตัดสินใจถูกแล้วที่ตัดขาดจากทุกคนถึงแม้จะทำให้ลูกสาวขาดพ่อแต่ลูกสาวของเธอก็มีชีวิตที่สมบูรณ์

“คิดอะไรอยู่คะแม่” เสียงหวานนุ่มไพเราะระรื่นหูถามมารดาที่นั่งมองสายฝนที่ตกลงมาตั้งแต่เช้าเพราะพายุเข้าและเป็นฤดูฝนช่วงเดือนมิถุนายนฝนก็ตกชุกขึ้น ปกติครอบครัวของเธอจะมาปีละครั้งพร้อมกันเพื่อมาทำบุญครบรอบวันตายของตายายในวันที่สิบของช่วงนี้ทุกปีแต่ปีนี้มัมกับแด๊ดดี้และน้องชายไม่ได้มาเพราะย่าไม่สบายเธอจึงมาเป็นเพื่อนแม่

“ก็คิดไปเรื่อยเปื่อยจ้ะ ไมล์มีอะไรหรือเปล่าลูก” วลาลีถามลูกสาวที่เกิดจากเหตุการณ์ในคืนนั้นทันทีที่รู้ตัวว่าท้องเธอก็บอกพี่สาว วิมาลาก็ดีใจหายไม่ดุด่าว่ากล่าวเธอสักนิดและให้เธอไปอยู่ด้วยที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพราะกำลังจะเปิดร้านอาหารไทยที่เมืองซูริคแล้ว แอชลี่ย์ พันไมล์ สแตนเบิร์ก ลูกสาวบุญธรรมของโจนัสกับวิมาลา สแตนเบิร์ก ก็คลอดที่ซูริคได้สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์และวลาลีก็ได้สัญชาติสวิตฯตอนเธออายุสามสิบสองปี

แอชลี่ย์ พันไมล์ สแตนเบิร์ก สาวสวยร่างเล็กอ้อนแอ้นนัยน์ตาหวานกลมโตผมยาวสลวยสูงร้อยหกสิบห้าเซ็น อกดูมเอวบางคอดสะโพกผายรับกันอย่างเหมาะเจาะ เรียนจบปริญญาตรีจาก สถาบันเทคโนโลยีแห่งสหพันธ์สวิต ซูริค สาขาสถาปัตยกรรมศาสตร์และปริญญาโทจากสถาบันเดียวกันสาขาวิศวกรรมศาตร์ เธอมีน้องชายหนึ่งคนคือ แอชตัน แสนไมล์ สแตนเบิร์ก วัย 26ปี อ่อนกว่าเธอสองปี

“แม่อยากกลับมาอยู่เมืองไทยมั้ยคะ” พันไมล์กับแสนไมล์พูดภาษาไทยคล่องพอๆกับภาษาเยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาเลี่ยน โรมานซ์และอังกฤษ เพราะชาวสวิตฯจะใช้สี่ภาษหลักนี้เป็นส่วนใหญ่ หญิงสาวเห็นแม่มีท่าทางเศร้าๆขนาดมีหนุ่มฝรั่งมาจีบแม่ก็ไม่เคยสนใจ เธอเป็นรู้ว่าตัวเองเป็นแค่ลูกบุญธรรมของป้ากับลุงเพราะพวกท่านไม่ปิดบังเธอ ครอบครัวของเธอมีฐานะปานกลางพอมีอันจะกินเพราะรายได้จากร้านอาหารไทยชื่อ Thai Restaurant ก็ดีมากพอสมควร ไหนเธอจะรับจ๊อบรับนักท่องเที่ยวล่องเรือชมทะเลสาปซูริคเพื่อหารายได้เสริมเพราะโจนัสมีเรือลำใหญ่จะจอดทิ้งไว้เฉยๆก็เสียดายเธอกับน้องชายก็เอาออกมารับนักท่องเที่ยวกลุ่มเล็ก ที่มากินอาหารแล้วอยากชมบรรยากาศทะเลสาปซูริคยามเย็น และยังทำงานประจำที่บริษัทก่อสร้างยักษ์ใหญ่ของสวิตฯในตำแหน่งสถาปนิกออกแบบบ้าน อาคาร ตามความต้องการของลูกค้า พันไมล์ทำงามมาตั้งแต่สมัยเรียนและฝึกงานกับบริษัท ยูนิเวอร์ซิตี้ ดีไซน์ แล้วทำงานต่อทันทีเมื่อเธอเรียนจบจนตอนนี้ก็เข้าปีที่สามแล้วมีรายได้ดีพอสมควร

“แม่ก็อยากมาใช้ชีวิตบั้นปลายที่เมืองไทยนะลูก แต่ที่โน่นก็เหมือนกับบ้านอีกหลังของเรา หากแม่มาอยู่เมืองไทยจริงๆล่ะไมล์จะว่ายังไง” วลาลีถามลูกสาว

“ไมล์ก็มาอยู่กับแม่สิคะ ที่โน่นมีนายแสนคอยดูแด๊ดดี้กับมัมและร้านได้สบายอยู่แล้วค่ะ แต่มัมคงไม่ให้แม่มาอยู่คนเดียวแน่ค่ะ” พันไมล์รู้ว่าป้าเป็นห่วงแม่ของเธอไม่มีทางปล่อยให้อยู่คนเดียวแม้จะรู้วาแม่ของเธออยู่ได้ก็ตาม

“แม่แค่คิดเฉยๆ เอาไว้แม่จะคุยกับมัมของเราก่อน ไม่รู้ว่าจะให้กลับมาหรือเปล่า” วลาลีเคยเปรยกับพี่สาวว่าอยากกลับมาอยู่เมืองไทยพี่สาวก็เห็นด้วยเพราะอยู่ที่สวิตฯวลาลีมีเพื่อนน้อยมากและไม่มีความสุขแต่พอกลับมาเมืองไทยน้องสาวจะมีความสุขมากและคิดว่าน้องสาวคงเข้มแข็งพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับทุกอย่างได้และเธอจะให้น้องสาวตัดสินใจเอง

“ไมล์มีเพื่อนที่รู้จักทำงานบริษัทใหญ่เขาก็ทาบทามไว้แต่ไมล์ยังไม่ได้ให้คำตอบ เพราะไม่รู้ว่าแม่จะมาอยู่เมืองไทยจริงหรือเปล่า” หญิงสาวมีเพื่อนรุ่นพี่ทำงานที่บริษัทก่อสร้างรายใหญ่ของเมืองไทยทาบทามเธอมาร่วมงานเพราะเห็นฝีมือของรุ่นน้องตอนฝึกงานที่บริษัทใหญ่ด้วยกันจึงอยากได้มาร่วมทีม

“ไมล์อยากมาอยู่เมืองไทยเหรอลูก” วลาลีถามลูกสาวปกติพันไมล์จะมาเมืองไทยปีละครั้งตั้งแต่เด็ก หลังจากที่ลูกสาวของเธอทำงานก็จะไปเที่ยวเมืองไทยสองครั้งต่อปีกับเพื่อนบ้าง

“ไมล์อยู่ที่ไหนก็ได้ค่ะที่มีแม่”

“อ้าว, ถ้าแม่มาอยู่น่านล่ะ ไมล์จะทำยังไง”

“นั่นสิคะ งานไมล์อยู่กรุงเทพจะทำยังไงดี งั้นแม่ก็อยู่กรุงเทพกับไมล์สิที่บ้านเราก็ทำร้านกาแฟได้นี่คะ” พันไมล์พูดถึงบ้านที่กรุงเทพ เมื่อยี่สิบปีก่อนยังไม่เจริญเท่าตอนนี้ และบ้านหลังเล็กในพื้นที่หนึ่งไร่ติดถนนกาญจนาภิเษกข้างๆก็เป็นหมู่บ้านหรูหลายแห่งมาสร้างมากมาย มีอพาร์ทเมนท์ บริษัท เต้นซ์รถ ห้างสรรพสินค้าผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด บ้านหลังนี้มี ขจร หลานชายของแม่พักอยู่และทำงานเป็นช่างซ่อมบำรุงที่บริษัทรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นใกล้บ้านจึงไม่ต้องห่วงอะไรและขจรก็ยังเป็นโสด

“นี่เราคุยกันเหมือนจะกลับมาอยู่กันจริงๆแล้วนะลูก” วลาลียิ้มขำที่เธอกับลูกสาวพูดคุยกันเป็นคุ้งเป็นแควก่อนจะหัวเราะ

“โธ่ แม่ขา ของอย่างนี้ต้องวางแผนสิคะ งั้นพรุ่งนี้เรากลับไปบ้านที่กรุงเทพดีมั้ยคะ จะได้ดูด้วยว่าจะทำอะไรได้บ้างแล้วไมล์จะได้คุยกับมัมและแด๊ด” พันไมล์บอกแม่ของเธอเพราะเห็นแม่พูดเรื่องมาอยู่เมืองไทยแล้วหน้าตาสดใสและเธอก็อยากให้แม่มีความสุข

“ได้สิลูก ไมล์.”

“ขาแม่..”

“หากวันหนึ่งหนูเจอพ่อจะทำยังไง” วลาลีถามลูกสาวเบาๆเธอรู้ว่าลูกสาวก็อยากรู้ว่าพ่อเป็นใครแต่ไม่ถามเธอเท่านั้นเอง

“ก็ไม่รู้สิคะ ไมล์มีแม่แค่คนเดียวก็พอแล้วค่ะ หากเจอกันจริงไมล์ก็อยากขอบคุณเขาที่ทำให้ไมล์เกิดมาเป็นลูกของแม่ก็เท่านั้นค่ะ แม่ไม่ต้องห่วงค่ะไมล์เข้าใจยังไงไมล์ก็มีแด๊ดดี้ มัม แม่และนายแสนก็พอแล้วค่ะ” พันไมล์กอดแม่อบย่างปลอบใจเธอคิดว่าแม่มีเหตุผลถึงได้เลือกแบบนี้และมัมก็บอกตลอดว่าแม่คิดถูกแล้ววันหนึ่งหากแม่พร้อมก็จะเล่าให้เธอฟังเองและวเธออาจจะเจอกับพ่อผู้ให้กำเนิด

“ขอบใจมากนะลูก วันหนึ่งแม่จะเล่าให้ฟังนะจ้ะ”

“ค่ะแม่ตอนนี้ไปกินข้าวกันเถอะค่ะ ยายกระถิน ให้ไมล์มาเรียกแม่ป่านนี้บ่นแล้วมั้งคะ” พันไมล์เพิ่งนึกได้ว่ายายกระถิน น้องสาวของยายที่บ้านอยู่ติดกันเรียกไปกินอาหารและครอบครัวของท่านก็ช่วยดูแลบ้านให้แล้วแม่ของเธอก็จะส่งเงินมาให้ทุกเดือนเพื่อตอบแทนน้ำใจทั้งที่ยายบอกไม่ต้องแต่ป้ากับแม่ก็ส่งมาให้ทุกเดือนไม่เคยขาด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel