ปราบพยศเชลยยักษ์ ๓
⚜️ปราบพยศเชลยยักษ์ ๓
“ ภายใต้ข้อตกลงบางอย่าง? ” กรรณาเลิกคิ้วทวนถาม พลันคิดขึ้นในใจ ‘ คงต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนสินะ กษัตริย์ตนนี้ช่างดูเจ้าเล่ห์นัก ’
ใช่ว่ากรรณาจะดูไม่ออก เพราะนางไม่ได้โง่เขลาถึงกับไม่รู้อะไรเลย.. เขาเสนอมาขนาดนี้คงจะต้องมีข้อแลกเปลี่ยนแน่ แต่ข้อเสนอนั่น มันก็ทำให้กรรณารู้สึกสนใจอยู่ไม่น้อยเลย
“ ใช่ ” กษัตริย์พนาสูรย์ตอบกลับมาเพียงสั้น ๆ
กรรณานิ่งคิด นางเองก็ไม่อยากให้ข้ารับใช้และเหล่าทหารองครักษ์ ต้องมาถูกคุมขังไปตลอดชีวิตเพียงเพราะความจงรักภักดีที่มีต่อนาง
แต่กรรณารู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย ..จำเป็นด้วยหรือ? ที่กษัตริย์อย่างเขา จะต้องลงมายื่นข้อเสนอนี้ด้วยตัวเองถึงในคุกหลวง
“ แล้วท่านจักให้ข้าตกลงอะไร? ”
กรรณาเอ่ยถามออกไปตามตรงพร้อมกับจ้องสบกับนัยน์ตาคมนิ่ง
“ ในฐานะที่เจ้ายังเป็นพระราชธิดาของนครกัณฑ์กาศ ข้าจักให้เจ้าออกราชกิจพร้อมกับข้า เราต้องไปเยี่ยมเยียนราษฎรด้วยกัน เพื่อให้พวกเขาทำความรู้จักกับกษัตริย์องค์ใหม่ ”
“......”
“ แลอีกอย่าง....” อธิบายไม่ทันจะจบ อยู่ ๆ กษัตริย์อสุราก็หยุดพูด ทำเอาเรียวคิ้วสวยขมวดเข้าหากัน
“ อีกอย่าง? ” เอ่ยถามเพราะค้างคาใจ
“ เจ้าต้องคอยรับใช้ แลปรนนิบัติข้า ”
“ (O_O)! วะ..ว่ากระไรนะ!! ” อสุรีตัวน้อยดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจกับคำตอบที่ได้ยิน
“ ข้าพูดชัดเจนทุกคำ กรรณา..”
“ ออกราชกิจ ข้าพอจักเข้าใจ ” เพราะหากพนาสูรย์จะเข้าหาราษฎรเขาคงก็ต้องพึ่งนาง “ แต่ที่จักให้ข้าคอยรับใช้! แลปรนนิบัติ! ท่านหมายถึงอะไร? ” เอ่ยถามอย่างข้องใจ
เมื่อเห็นสีหน้าคับข้องใจของอสุรีตัวน้อย กษัตริย์พนาสูรย์ก็รีบเอ่ยอธิบาย
“ ข้าหมายถึง เจ้าต้องคอยดูแลเครื่องแต่งกาย เครื่องประดับ รวมถึงเครื่องเสวยประจำวันให้ข้า แลแนะนำทุกซอกทุกมุมของนครกัณฑ์กาศให้ข้าได้รู้จัก เพื่อที่ข้าจักได้ปกครองเมืองได้อย่างสงบสุข เจ้าอย่าคิดไปไกลกรรณา ”
มันช่างขัดกับความคิดของเขาสิ้นดีเลย ‘ ให้ตายเถิด! ใยข้ามิพูดไปตามตรงว่าต้องการตัวนาง ’
แต่ก็ทำได้แค่สบถในใจ เมื่อเกรงว่ากรรณาจะพยศขึ้นมาและพาลจะไม่ยอมตกลง เขาจำต้องหลอกล่อนางไว้ก่อน ในเมื่อนางพยศ ก็ต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมกันบ้าง ขอแค่นางยอมตกลงก่อนก็แล้วกัน อย่างอื่นค่อยว่าทีหลัง
“......”
“ เจ้าเองคงไม่อยากจักให้มีสงครามอีก ใช่หรือไม่? ”
“ แค่นั้น? มิมีอย่างอื่นอีก แน่หรือ? ”
กรรณาเอ่ยถามย้ำด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่นัก ดวงตากลมจ้องมองใบหน้าหล่อเหลานิ่งอย่างรอคำตอบ ...ก็เขาเป็นกษัตริย์ ถ้าตรัสแล้วต้องไม่คืนคำ
“ หรือว่าเจ้าใคร่จักให้มีอย่างอื่นด้วยล่ะ? ข้าก็มิได้ขัดข้องอันใดหนา ” นั่นไง! กษัตริย์ยักษ์จอมเจ้าเล่ห์
“ (ー︵ー ) ”
กรรณาทำปากคว่ำกับคำตอบที่ได้รับ ตอบก็เหมือนไม่ตอบเพราะมันไม่ใช่คำตอบ
“ ว่าอย่างไรกรรณา เจ้าจักยอมตกลงหรือไม่? ”
“ ข้าขอคิดดูก่อนได้ไหม? ”
“ หึ..ได้สิ.. อีกสามวันข้าจักมาทวงคำตอบจากเจ้า กรรณา ”
พนาสูรย์กระตุกยิ้มก่อบตอบอย่างไม่ได้รีบร้อน เพราะถึงอย่างไรกรรณาจะต้องตอบตกลงเขาอยู่แล้ว ไม่ช้าก็เร็ว เขามั่นใจ..
ริมฝีปากสวยเม้มเข้าหากันแน่น ขณะที่ดวงตากลมโตจ้องมองตามแผ่นหลังกว้างของกษัตริย์อสุราที่กำลังเดินออกไปจากคุกหลวงด้วยความรู้สึกข้องใจและอยากรู้
ว่าเหตุใดกษัตริย์อสุราผู้นี้ ถึงได้ยื่นข้อเสนอนี้ให้กับนาง จุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาคืออะไรกันแน่
ในเมื่อผู้ที่ยอมสวามิภักดิ์ต่อเขาก็มีอยู่มากโข หากจะเรียกใช้ตอนออกราชกิจก็ย่อมได้ ไม่จำเป็นจะต้องยื่นข้อเสนอกับนาง
“ องค์เหนือหัวคิดว่าพระธิดากรรณาจะทรงยอมตกลงหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? ” กุเรนเอ่ยถามทันทีที่ทั้งคู่ก้าวพ้นประตูคุกหลวง
“ หากนางเป็นยักษ์ที่มีจิตใจดีอย่างที่เจ้าว่ามา ไม่ช้า..นางจักต้องตอบตกลงแน่ นางคงไม่ยอมให้ข้ารับใช้ที่จงภักดีต่อนางต้องถูกคุมขังไปตลอดชีวิตดอกหนา ”
“......”
“ สั่งให้อสุรีรับใช้ไปปัดกวาดตำหนักเดิมของนางรอไว้ด้วยแล้วกัน ”
“ พ่ะย่ะค่ะ ”
⚜️⚜️
สามวันต่อมา
“ วันนี้ข้ามาทวงคำตอบ เจ้าตัดสินใจได้แล้วหรือยัง? ”
“.....”
กรรณาเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง เมื่อกษัตริย์พนาสูรย์ทวงถามพร้อมกับจ้องสบตานิ่ง
“ ว่าอย่างไรกรรณา? ”
“ ถ้าหากข้าตอบตกลง ท่านจักปลดปล่อย ข้ารับใช้แลทหารองครักษ์ของข้าเมื่อใด ” นางแค่อยากแน่ใจว่ากษัตริย์ผู้นี้จะไม่ใช้กลอุบายกับนาง
“ ทันทีที่เจ้ากลับเข้ามาอยู่ในตำหนักเดิมของเจ้า ข้ารับใช้ทุกตนจักถูกปลดปล่อย ”
กษัตริย์พนาสูรย์ตอบด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น เพราะมองออกว่านางกำลังคิดอะไร
“ แล้ว...”
“ ข้าจักไม่บังคับ แต่จักให้พวกเขาได้เลือกเอง ว่าจักอยู่เป็นข้ารับใช้นครกัณฑ์กาศโดยมีข้าเป็นกษัตริย์ หรือจักออกไปใช้ชีวิตเฉกเช่นชาวบ้านธรรมดาทั่วไป ” กรรณาไม่ทันจะได้เอ่ยอะไร กษัตริย์พนาสูรย์ก็ตอบสวนขึ้นมาเสียก่อน ราวกับว่าเขารู้ว่านางจะถามอะไร
“ ข้าจักเชื่อท่านได้ใช่ไหม ท่านพนาสูรย์? ” กรรณาเอ่ยขึ้นเสียงแผ่วเบา
“ เชื่อใจข้ากรรณา.. ข้าเป็นกษัตริย์! ตรัสแล้วไม่คืนคำ! ”
“ ◕‿◕ ”
ถ้อยคำของพนาสูรย์ ทำให้ดวงตาคู่สวยของอสุรีน้อยเปล่งประกายออกมา ทำเอากษัตริย์อสุราที่กำลังมองอยู่ถึงกับใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ก่อนที่เขาจะได้รับคำตอบที่พึงพอใจ
“ ถ้าเช่นนั้น ข้าก็ตกลง ” เป็นคำตอบที่ทำให้พนาสูรย์ยิ้มอย่างพึงพอใจ
“ ถ้าอย่างนั้น สิ่งแรกที่เจ้าควรทำ คือพูดกับข้าเฉกเช่นที่พูดกับกษัตริย์ เข้าใจหรือไม่? ”
“.......”
กรรณาก้มหน้าลงเล็กน้อย ริมฝีปากสวยเม้มเข้าหากันแน่น
“ ว่าอย่างไรกรรณา เข้าใจที่ข้าพูดหรือไม่? ”
มือหนาเชยคางมนให้เงยหน้าขึ้น นัยน์ตาสีเข้มจ้องสบตานิ่งพร้อมกับเอ่ยถามย้ำ..ก่อนที่จะได้คำตอบ
“ ขะ..เข้าใจ เจ้าค่ะ ”
เพียงแค่นั้นก็ทำให้กษัตริย์พนาสูรย์เผยรอยยิ้มพึงพอใจออกมา
“ หึหึ.. ดีมาก กรรณา ”
⚜️⚜️
หลังจากที่กรรณาออกมาจากคุกหลวงในเวลาสาย ๆ ของวัน และกลับเข้ามาอยู่พระตำหนักเดิมของนางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กษัตริย์พนาสูรย์ก็ได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับธิดาสาว
ทรงรับสั่งให้ปลดปล่อยเหล่าทหารที่จงรักภักดีต่อนางให้กลับไปอยู่กับครอบครัว และหากผู้ใดต้องการเข้ามาเป็นข้ารับใช้ พนาสูรย์ก็รับพิจารณาตามความเหมาะสม
ยามเย็นเยือนย่ำ แสงสีทองสุดท้ายเริ่มจางหาย เมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว หลังจากสรงน้ำเรียบร้อยแล้ว กรรณาก็ออกมานั่งเล่นอยู่หน้าพระตำหนัก
กรรณานั่งเหม่ออยู่นานก่อนจะเห็นกุเรน องครักคู่กายของกษัตริย์พนาสูรย์กำลังเดินตรงมาโดยมี มาลา อสุรีรับใช้ที่เคยรับใช้นางเดินตามหลังมาติด ๆ ดวงตาคู่สวยก็เปล่งประกายขึ้นทันใด
“ มาลา..”
กรรณาเอ่ยเรียกอสุรีรับใช้ของนางด้วยน้ำเสียงดีใจ เพราะตอนถูกคุมขังทั้งคู่ถูกจับแยกไปคนละทิศละทาง จนแอบคิดว่าจะไม่ได้พบกับอีกแล้ว
⚜️⚜️⚜️
อิพี่ยักษ์ก็หลอกล่อเก่ง เจ้าเล่ห์ไม่แพ้น้องชายหรอก ความคลั่งรักก็ไม่แพ้นะเจ้าคะ
1 คอมเม้นท์ + เพิ่มเข้าชั้น + ถูกใจ = กำลังใจนะคะ
