บท
ตั้งค่า

ปราบพยศเชลยยักษ์ ๔

⚜️ปราบพยศเชลยยักษ์ ๔

“ เพคะพระธิดา..” มาลารีบขานรับด้วยน้ำเสียงที่ดีใจก่อนจะวิ่งกรูเข้าไปหาพระธิดาตัวน้อยทันที ก่อนจะนั่งลงข้างขา

“ ข้าคิดว่าจักมิได้เจอเจ้าอีกแล้ว ”

“ หม่อมฉันเองก็คิดเช่นนั้นเพคะ เพลานี้องค์เหนือหัวพนาสูรย์ทรงรับสั่งให้ปลดปล่อยข้ารับใช้ทุกตน ออกมาจากคุกหลวงแล้วเพคะ ”

“ จริงหรือมาลา?.”

“ จริงเพคะ.. พระองค์ยังทรงรับสั่งให้หม่อมฉันกลับมารับใช้พระธิดาเช่นเดิมด้วยเพคะ”

“ ◕⁠‿⁠◕⁠ ”

ใบหน้าเนียนที่เศร้าหมองมานานแรมเดือน นับตั้งแต่สงครามจบลง ตอนนี้กลับมามีรอยยิ้มได้อีกครั้ง แม้จะยังไม่ใช่รอยยิ้มที่สดใสมากเท่าไหร่นักก็ตาม

เมื่อกุเรนเห็นว่าทั้งสองได้พูดคุยกันนานพอสมควรแล้ว เขาก็คุกเข่าลงตรงเบื้องหน้าพระธิดากรรณา ก่อนจะเอ่ยทูลตามรับสั่งของกษัตริย์อสุรา

“ องค์เหนือหัวทรงมีรับสั่ง ให้พระธิดากรรณา ทรงร่วมโต๊ะเสวยมื้อค่ำกับพระองค์พะยะค่ะ ”

“ มื้อค่ำ? ” กรรณาเอ่ยทวนถามเพื่อให้แน่ใจ คิ้วสวยได้รูปขมวดเข้าหากันเล็กน้อย

“ พ่ะย่ะค่ะ..” กุเรนยืนยันคำตอบ

“ อืม..”

เมื่อใบหน้าสวยก็พยักพเยิดให้อย่างเข้าใจ ก็นางยังเป็นแค่เชลยของเขา เขาสั่งอะไรก็ต้องทำตาม..

กุเรนลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินนำทางไปก่อน เห็นอย่างนั้นร่างเล็กก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะเดินตามหลังกุเรนไปอย่างเงียบ ๆ

จนกระทั่งกรรณาเริ่มสงสัยบางอย่าง เมื่อเห็นว่าทางที่กุเรนพาไปนั้น ..มันไม่ใช่ทางที่จะไปห้องเสวย

“ องค์เหนือหัวของเจ้าอยู่ที่ใดกันรึ? ใยท่านกุเรนถึงพาข้ามาทางนี้เล่า? ” กรรณาเอ่ยถามอย่างข้องใจ

“ องค์เหนือหัวทรงรับสั่งให้จัดโต๊ะเสวยในซุ้มดอกไม้ ที่อยู่กลางอุทยานหลวงพ่ะย่ะค่ะ ”

“ ในซุ้มดอกไม้? ”

“ พะยะค่ะ..ซุ้มดอกไม้ ”

แม้ว่าจะยังสงสัย แต่กรรณาก็ไม่ได้ถามอะไรออกมาอีก ใช่ว่าจะไม่รู้จักซุ้มดอกไม้ที่ว่า ก็ที่นี่มันเมืองของนาง และซุ้มดอกไม้นั่นก็เป็นของนางเอง

แน่นอนว่า พนาสูรย์ก็ย่อมรู้ในข้อนี้เช่นกัน ..กรรณาเดินตามกุเรนไปอย่างเงียบ ๆ จนกระทั่งมาถึง

“ ☉_⁠☉ ”

กรรณายืนนิ่ง รู้สึกทึ่งและประหลาดใจ ที่โต๊ะเสวยถูกจัดไว้อย่างสวยงามในซุ้มดอกไม้และค่อนข้างพิถีพิถัน

ซุ้มที่เป็นรูปทรงโค้งจรดถึงกัน ประดับไปด้วยดอกไม้เลื้อยสายพันธุ์ใหม่แปลกตาที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน และส่งกลิ่นหอมหวนไปทั่วบริเวณ บรรยากาศสบาย ๆ ใต้แสงเทียน มันช่างงดงามนัก..

“ ข้ายังมิได้บอก.. ว่าต่อไปเจ้าจักต้องร่วมโต๊ะเสวยพร้อมข้า ในทุก ๆ วัน เผื่อว่าจักต้องปรึกษากันเรื่องของบ้านเมือง หวังว่าเจ้าคงจักมิขัดข้องดอกหนา ”

เมื่อเห็นอสุรีตัวน้อยกำลังตะลึงงันกับสิ่งที่เห็น กษัตริย์พนาสูรย์กระตุกยิ้มมุมปากอย่างพอใจก่อนจะพูดขึ้น

“ แล้วถ้าหากว่าข้าขัดข้องหละเจ้าคะ? ” กรรณาถามกลับ

“ หึ.. ก็ถ้าหากเจ้าใคร่จักให้ราษฎรอยู่อย่างเป็นสุข เจ้าก็คงจักไม่ขัดข้องดอก จริงหรือไม่กรรณา? ”

พนาสูรย์แค่นหัวเราะในลำคอก่อนจะพูดอย่างใจเย็น ก็แค่ขู่นางไปอย่างนั้น ไม่ได้คิดอะไร

“ หงึ! -_- แล้วท่านจักถามข้าเพื่อเหตุใดกันเล่า! ในเมื่อข้าก็ปฏิเสธท่านมิได้อยู่ดี..” สีหน้าแง่งอนก็ปรากฎฉายชัด แต่ทว่าในสายตาของกษัตริย์พนาสูรย์ มันกลับช่างน่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกิน

“ หึ.. นั่งเถิดข้าหิวแล้ว ” พนาสูรย์เอ่ยพร้อมกับผายมือเชื้อเชิญให้อสุรีน้อยนั่งลง

“ (⁠ー⁠_⁠ー” ) ”

กรรณาเองก็ไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับกษัตริย์อสุราแล้ว เพราะตอนนี้นางเองก็เริ่มหิวขึ้นมาแล้วเหมือนกัน ก่อนจะหย่อนกายนั่งลงอย่างว่าง่าย

ดูเหมือนการร่วมโต๊ะเสวยจะเงียบสงบ เมื่อกรรณาเอาแต่ก้มหน้าก้มตากับอาหารที่อยู่ตรงหน้า เพราะกรรณาไม่เคยร่วมโต๊ะกับชายใดมาก่อน นางเลยทำตัวไม่ถูก

ยิ่งสายตาของกษัตริย์อสุราตรงหน้าที่จ้องมองมา นางก็ยิ่งใจสั่นเข้าไปใหญ่

ทั้งที่สิ่งแวดล้อมนั้นแสนจะงดงาม ดวงจันทร์ก็สาดส่องแสงลงมา บรรยากาศช่างน่าชวนฝัน ดวงตาของพนาสูรย์เต็มไปด้วยความชื่นชมและความอยากค้นหา ในขณะที่หัวใจของกรรณากลับเต้นผิดจังหวะอย่างควบคุมไม่ได้

⚜️⚜️

กษัตริย์พนาสูรย์และราชธิดากรรณา ร่วมโต๊ะเสวยมื้อเช้า และมื้อค่ำด้วยกันทุกวัน และทั้งสองก็เริ่มมีบทสนทนากันมากขึ้น ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของราษฎร

ที่จริงแล้วมันเป็นเพียงข้ออ้าง ที่กษัตริย์พนาสูรย์จะได้มีเรื่องพูดคุยกับกรรณาเสียมากกว่า

“ อีกไม่กี่วัน ข้าใคร่จักให้เจ้าพาข้าไปเยี่ยมชมบ้านเรือนของชาวบ้านนอกเมือง จักได้ทำความรู้จักกับเหล่าราษฎร เจ้าไปได้หรือไม่? ” พนาสูรย์เริ่มชวนกรรณาพูดคุย

“ ท่านยังจักถามข้าอีกหรือเจ้าคะ? ในเมื่อข้าไม่เคยปฏิเสธได้อยู่แล้วนี่ ” กรรณาปั้นหน้าแง่งอนใส่แล้วถามกลับไป ก็นางขัดพระบัญชาไม่ได้อยู่แล้ว จะถามนางเพื่ออะไรกัน

“ หึ.. เอาเป็นว่า เริ่มจากบ้านเรือนของราษฎรที่อาศัยอยู่ด้านหลังประตูเมืองทิศอาคเนย์(ทิศตะวันออกเฉียงใต้)ก่อนก็แล้วกัน ส่วนจักไปวันใดนั้น ข้าจักบอกเจ้าที ”

เพราะกษัตริย์อย่างเขาคงจะไม่ออกราชกิจมือเปล่า เขาจำต้องเตรียมความพร้อมหลาย ๆ อย่างก่อนจะออกไปพบเหล่าราษฎรของเขา

“ เจ้าค่ะ..” กรรณาตอบกลับไปอย่างว่าง่าย ไม่ได้มากความ เพราะถึงยังไงการดูแลทุกข์สุขของเหล่าราษฎร นางไม่ขัดอยู่แล้ว

“ แล้วปกติเจ้าพบปะกับราษฎรช่วงเพลาใดบ้างเล่า? ”

พนาสูรย์หัวเราะในลำคอเบา ๆ กับท่าทางของอสุรีน้อยตรงหน้าก่อนจะชวนกรรณาพูดคุย ด้วยน้ำเสียงเป็นกันเองมากขึ้นเพื่อไม่ให้นางรู้สึกเกร็งเกินไป

“ ปกติก็ทุกสองหรือสามวันเจ้าค่ะ เพราะพวกเขาก็ต้องเข้าป่าออกล่าสัตว์ตามประษาชาวบ้านทั่วไป ที่ต้องหาเลี้ยงลูกเมียหนะเจ้าค่ะ ”

“.......”

“ แต่ถ้าหากวันใดที่พวกเขาล่าสัตว์กลับมาได้มาก ข้าก็จักรับซื้อไว้ให้ห้องเครื่องทำอาหารเจ้าค่ะ.. รวมไปถึงผลไม้แปลกตาที่พวกเขาหามาได้จากแดนมนุษย์ด้วยเจ้าค่ะ ”

“ อย่างนั้นดอกรึ.. ข้าเองก็ชื่นชอบการล่าสัตว์เช่นกันหนา แล้วป่าแถบนี้มีสัตว์ชนิดใดให้ล่าบ้างเล่า? ”

เมื่อรู้สึกว่าราชธิดากรรณาเริ่มผ่อนคลาย กษัตริย์พนาสูรย์ก็เริ่มชวนพูดคุยต่อ

“ ก็จำพวก กวาง เก้ง แล้วก็หมูป่าหนะเจ้าค่ะ ท่านสนใจจักออกไปล่าสัตว์หรือเจ้าคะ? ”

“ ก็... น่าสนใจ มิน้อยเลยหนา ”

ดวงตาฉ่ำเยิ้มเอาแต่จับจ้องใบหน้าหวานไม่กระพริบเวลาที่เอ่ย ก็คงจักไม่ใช่แค่การล่าสัตว์อย่างเดียวหรอก ที่น่าสนใจ จู่ ๆ แก้มเนียนก็ขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างห้ามไม่ได้ หากจะจ้องตาเยิ้มขนาดนี้ กรรณาก็รู้สึกเขินไม่น้อย

กรรณาและกษัตริย์พนาสูรย์ เริ่มใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น ซึ่งแตกต่างจากช่วงแรก และความผูกพันก็เริ่มก่อตัวขึ้นระหว่างพวกเขา

ทั้งสองต่างพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน แบ่งปันเรื่องราว ความฝัน และเสียงหัวเราะ ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน และพวกเขาก็ค้นพบว่า มีหลายอย่างที่เหมือน ๆ กัน มากกว่าที่เคยจินตนาการไว้

ขณะที่สนทนากัน ท่าทางของทั้งสองมีชีวิตชีวามากขึ้น มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ

ความรู้สึกของพนาสูรย์ที่มีต่อกรรณานั้น ลึกซึ้งเกินกว่าจะจินตนาการ เขามองเห็นความแข็งแกร่งในตัวนาง และมันดึงดูดใจดวงโตได้เป็นอย่างดี

และกษัตริย์พนาสูรย์ก็เริ่มจินตนาการถึงอนาคตที่จะต้องมีกรรณาอยู่เคียงข้างเขาตลอดไป

⚜️⚜️⚜️

อิพี่จะรู้ตัวมั้ยว่าเริ่มจะหลงยัยน้องขึ้นทุกวันแล้ว

1 คอมเม้นท์+ ถูกใจ + เพิ่มเข้าชั้น = กำลังใจนะคะ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel