บท
ตั้งค่า

ปราบพยศเชลยยักษ์ ๒

⚜️ปราบพยศเชลยยักษ์ ๒

ดวงตาคู่สวยจับจ้องกษัตริย์อสุราอย่างเอาเรื่อง ทว่าภายในใจกรรณากลับปฏิเสธไม่ได้เลย ว่ากษัตริย์อสุราตนนี้นั้น ช่างรูปงามนัก

ราวกับว่าเวลานั้นหยุดนิ่ง เมื่อดวงตาคู่งามสบกับดวงตาสีเข้ม เหมือนมีบางสิ่งบางอย่าง ที่ไม่อาจจะอธิบายได้ระหว่างทั้งคู่

สุดท้ายแล้วก็เป็นกรรณาตัวน้อยที่ต้องเบนสายตาหลบดวงตาเฉียบคมของกษัตริย์พนาสูรย์ก่อน เมื่อไม่อาจทนสบกับแววตาดุดันนั้นได้

“ ข้าจักให้เจ้าได้ตัดสินใจใหม่อีกหนกรรณา.. ว่าจักยอมสวามิภักดิ์ต่อข้าหรือไม่ ”

“......”

“ หากว่าเจ้าไม่ยอมสวามิภักดิ์แต่โดยดี เจ้าจักถูกคุมขังภายในคุกหลวงของนครกัณฑ์กาศไปตลอดชีวิต! ”

“ ข้ายินดี! ที่จักถูกคุมขังในคุกหลวงไปตลอดชีวิต! เพราะข้าจักมิมีวันยอมสวามิภักดิ์ต่อท่านเป็นอันขาด!! ”

ทำเอากษัตริย์พนาสูรย์ถึงกับชะงักนิ่ง เมื่อกรรณาตอบกลับมาทันทีชนิดที่ไม่ต้องใช้เวลาคิด! ด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น พร้อมกับนัยน์ตาแน่วแน่ที่จ้องสบตากษัตริย์พนาสูรย์อย่างไม่ลดละ

ดวงตาคู่สวยแข็งกร้าว ในแววตาสะท้อนถึงแรงต่อต้านได้อย่างชัดเจน นัยน์ตาสีเข้มจับจ้องอสุรีตัวน้อยกลับเขม็งด้วยความคับข้องใจ

กษัตริย์พนาสูรย์จ้องอสุรีตัวน้อยนิ่ง อย่างใช้ความคิด และก็พอจะเข้าใจ ว่ากรรณาเพิ่งจะสูญเสียพระบิดาและพี่สาวไปในเวลาไล่เลี่ยกัน นางคงต้องใช้เวลา

นัยน์ตาสีเข้มจับจ้องใบหน้างามนิ่ง ก่อนจะเอ่ยบางอย่างกับกรรณาตัวน้อยตรงหน้าน้ำเสียงเรียบ

“ หากเจ้าไม่ยอมสวามิภักดิ์.. ข้ารับใช้แลเหล่าทหารองครักษ์ของเจ้าก็จักต้องถูกคุมขัง จักมิได้เห็นแสงเดือนแสงตะวัน แลมิได้พบลูกเมียไปตลอดชีวิตเช่นกัน..”

“.......”

“ เช่นนี้แล้ว เจ้าจักทนเห็นผู้ที่จงรักภักดีกับเจ้า ต้องถูกคุมขังในคุกหลวงไปตลอดชีวิตได้อย่างนั้นหรือกรรณา? ”

“......”

ทันทีที่ได้ยิน กรรณาก็ชะงักนิ่งไป ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่น แววตาที่แข็งกร้าวอ่อนแสงลงอย่างเห็นได้ชัด กษัตริย์พนาสูรย์กระตุกยิ้มมุมปาก เมื่อเห็นท่าทีของอสุรีตัวน้อย ก่อนจะพูดประโยคต่อมา

“ เจ้ายังมิต้องรีบร้อนตัดสินใจดอกหนากรรณา ข้าจักให้เจ้าได้กลับไปคิดทบทวนใหม่ ข้าจักให้โอกาสเจ้าได้ยืนยันคำตอบอีกหน ”

“......” เงียบ!

“ กุเรน! ” เมื่อเห็นว่ากรรณานิ่งเงียบไม่ตอบอะไร กษัตริย์อสุราก็หันไปเอ่ยเรียกทหารองครักษ์คู่กายน้ำเสียงเข้ม

“ พ่ะย่ะค่ะ?”

“ พานางกลับไปที่เดิม! ”

“ พ่ะย่ะค่ะองค์เหนือหัว..”

กุเรนรีบขานรับพระบัญชา ก่อนจะหันหน้าไปมองพระธิดากรรณา ก็เห็นว่าใบหน้าสวยนั้นเชิดขึ้นก่อนจะสะบัดพร้อมกับก้าวเดินออกไปทันที

กรรณาไม่ได้สนใจสายตาของกษัตริย์อสุราที่กำลังจ้องมองตามเลยแม้แต่น้อย ..ไม่แม้แต่จะถอนสายบัวถวายการคำนับทูลลากษัตริย์

⚜️⚜️

หลายวันผ่านไป กรรณายังไม่มีทีท่าว่าจะยอมสวามิภักดิ์ต่อกษัตริย์พนาสูรย์เลย นางใจแข็งมาก รวมไปถึงเหล่าทหารที่จงรักภักดีต่อนางก็เช่นกัน

“ นี่นางยังมิยอมสวามิภักดิ์อีกหรือกุเรน? ”

“ ยังพ่ะย่ะค่ะ..”

“ หึ.. ทั้งใจแข็ง ทั้งดื้อรั้น เจ้านี่มันช่างหาญกล้ามิเบาเลยหนา กรรณา ” พนาสูรย์บ่นพึมพำเบา ๆ ก่อนจะหันไปเอ่ยถามบางอย่างกับกุเรน

“ แล้วเรื่องที่ข้าให้เจ้าไปสืบมา ได้เรื่องหรือไม่เล่า? ”

“ ได้เรื่องมาอย่างละเอียดยิบเลยพ่ะย่ะค่ะ”

“ ไหน? ได้เรื่องอย่างไรว่ามา ”

“ กระหม่อมสอบถามกับข้ารับใช้เก่าแก่ของเมืองกัณฑ์กาศ ก็ได้ความมาว่าพระธิดากรรณาเป็นยักษ์ที่มีจิตใจดี ทรงเป็นที่พึ่งของเหล่าราษฎรแลข้ารับใช้ในวังพ่ะย่ะค่ะ ”

“......”

“ ราษฎรแลข้ารับใช้ ส่วนใหญ่จักจงรักภักดีต่อพระธิดากรรณามากพ่ะย่ะค่ะ ”

“.......”

“ พระธิดากรรณาทรงออกไปเยี่ยมเยียนดูแลทุกข์สุขของราษฎรอยู่ตลอด ทรงคอยช่วยเหลือราษฎรที่เจ็บป่วยด้วยพ่ะย่ะค่ะ ที่สำคัญ ทรงใส่พระทัยข้ารับใช้ทุกตนพ่ะย่ะค่ะ ”

“......” กษัตริย์พนาสูรย์นิ่งเงียบและตั้งใจฟัง

“ ต่างจากพระธิดามาณวิกา อดีตพระสนมขององค์เหนือหัวพระสุวรรณเมฆามากโขเลยพ่ะย่ะค่ะ”

“ พี่น้องกัน จักต่างกันอย่างไร? ” กษัตริย์อสุราพูดขึ้นลอย ๆ

“ ได้ยินมาว่า พระธิดามาณวิกาไม่เคยออกไปเยี่ยมเยียนราษฎรหรือใส่พระทัยราษฎรเลยสักครั้ง อีกทั้งยังชอบกดขี่ ข่มเหงข้ารับใช้แลทาสบริวาณอยู่บ่อยครั้งพะยะค่ะ ”

กราบทูลมาถึงตรงนี้ ก็พอจะรับรู้ได้ว่า ข้ารับใช้และทาสบริวารเก่าแก่ของเมืองกัณฑ์กาศ ไม่มีผู้ใดชอบพระธิดามาณวิกาเลย

“ อย่างนั้นรึ..”

“ พ่ะย่ะค่ะ ..รู้เช่นนี้แล้ว พระองค์ยังทรงคิดจักคุมขังพระธิดากรรณาตลอดชีวิตอยู่อีกหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? ” กุเรนก็แค่ลองเอ่ยถามไปอย่างนั้น

เพราะแค่มองตาเขาก็รู้แล้วว่ากษัตริย์ของตนนั้นต้องตาต้องใจพระราชธิดายักษ์นางนี้ตั้งแต่แรกเห็น ...แล้วมีหรือที่ กษัตริย์อสุราจะปล่อยนางให้หลุดมือไปง่าย ๆ

ถึงขั้นรับสั่งให้ไปสืบหาประวัติเฉกเช่นนี้แล้ว คงไม่ต้องบอกหรอก ว่ากษัตริย์อสุราของตน นั้นสนพระทัยพระราชธิดาสาวนางนี้มากเพียงใด

ยิ่งกรรณาดื้อรั้นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้กษัตริย์พนาสูรย์สนใจตัวนางมากขึ้นเท่านั้น

เพื่อหาทางที่จะได้ใกล้ชิดกับกรรณาให้มากขึ้น พนาสูรย์จึงได้ตัดสินใจทำบางอย่าง.. เขาได้ยื่นข้อเสนอใหม่ให้กับกรรณา

“ วันนี้ข้ามีข้อเสนอใหม่มาให้เจ้าเลือกกรรณา มันอาจจักดีกับทุกฝ่าย รวมถึงผู้ที่จงรักภักดีต่อเจ้าด้วย ”

คำพูดของกษํตริย์อสุรา ทำเอาเรียวคิ้วสวยขมวดเข้าหากันด้วยความแปลกใจ อะไรของเขานักหนา มายื่นข้อเสนอให้เชลยศึกถึงในคุกหลวงเนี่ยนะ..

“ ⁠●⁠_⁠_⁠●⁠ ”

กรรณาไม่ได้ตอบอะไรออกไป มีเพียงท่าทีที่แปลกใจ กษัตริย์พนาสูรย์จึงพูดต่อ

“ ข้าจักให้เจ้ากลับขึ้นมาอยู่พระตำหนักเดิมที่เจ้าเคยอยู่ แลข้าอนุญาตให้เจ้าเดินชมอุททยานหลวงได้ หรือจักเดินที่ใดก็ได้ภายในเมืองกัณฑ์กาศ เพียงแต่จักต้องอยู่ในสายตาของทหารองครักษ์ ” นั่นก็ยิ่งทำให้กรรณารู้สึกแปลกใจมากกว่าเดิมเข้าไปอีก กษัตริย์ผู้นี้ต้องการอะไรจากนาง

“ เหตุใดท่านถึงจักให้ข้ากลับขึ้นไปอยู่พระตำหนักเดิม ด้วยอภิสิทธิ์ใดกัน ในเมื่อข้าเป็นแค่เพียงเชลยของท่าน ”

ในที่สุดกรรณาก็ยอมพูดออกมา ใบหน้าหล่อกระตุกยิ้มพรายออกมาเล็กน้อย

“ เจ้ายังเป็นเชลยของข้าเฉกเช่นเดิมกรรณา เพียงแต่เจ้ามิต้องถูกคุมขังในคุกหลวง ก็เท่านั้น ”

“.......”

กรรณาจ้องกษัตริย์พนาสูรย์นิ่ง เปลือกตาบนยกสูงขึ้นเล็กน้อย เรียวคิ้วสวยขมวดเข้าหากัน บ่งบอกถึงความสงสัยและความแปลกใจที่แฝงอยู่ในแววตา

“ หากเจ้ายอมตกลง ข้าจักปลดปล่อยเหล่าทหารองครักษ์ของเจ้าให้เป็นอิสระ ให้พวกเขากลับไปหาลูกเมียได้ แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้ข้อตกลงบางอย่าง.. ”

⚜️⚜️⚜️

อิพี่! อยากอยู่ใกล้ยัยน้องจนออกนอกหน้าไปหน่อยนะเจ้าคะ ลงมายื่นข้อเสนอถึงในคุก คิดว่ายัยน้องคงไม่สงสัยหรอกเนอะ

1 คอมเม้นท์ + เพิ่มเข้าชั้น + ถูกใจ = กำลังใจนะคะ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel